ดื่มแบบ “โนแอลกอฮอล์” "เทรนด์เครื่องดื่ม" มาแรงแห่งปี 2023
เครื่องดื่ม “โนแอลกอฮอล์” "เทรนด์เครื่องดื่ม” แห่งปี 2023 ทั้งม็อคเทล ไวน์ เบียร์ แบบ non-alcohol ดื่มอร่อย สบายท้อง ดีต่อสุขภาพ และสนุกกับปาร์ตี้ได้ทั้งคืนไม่มีเมา
เทรนด์เครื่องดื่ม แห่งปี 2023 เป็นวิถีของชาวแดมพ์ หรือ Damp Lifestyle หมายถึงปฏิเสธเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คำนี้เพิ่งฮิตเมื่อปลายปีที่แล้วโดยทิก-ท็อกเกอร์สาวจากอเมริกา เธอบอกปัดไม่ดื่มเบียร์ เหล้า ไวน์
ไป ๆ มา ๆ วิถีคนโนแอล กลายเป็นเทรนด์ใหม่เรียกว่า “ชาวแดมป์” ซึ่งต่างจากคนดื่มบ้าง-ไม่ดื่มบ้าง ด้วย Damp Lifestyle ดูไปก็คล้าย ชาววีแกน เมื่อจะดื่ม อยากไปปาร์ตี้ก็เลือกเครื่องดื่ม no-alcohol, alcohol free, ABV 0%, zero proof ฯลฯ
ม็อคเทลผลไม้ (Cr.tascorealfood.com)
ที่จริงก่อนหน้าจะเกิด Damp Lifestyle ก็มีกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า Dry January ในอังกฤษ เมื่อปี 2013 เพื่อรณรงค์ให้คนเลิกดื่มสุรา อาจเมาไปเยอะตั้งแต่คริสต์มาส (Dry หมายถึงไม่ดื่มเหล้า) และอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตลาดเครื่องดื่มโนแอลเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผลสำรวจเมื่อปี 2020 พบว่าชาวอังกฤษราว 4 ล้านคน เข้ากลุ่ม Dry January
Mocktail โนแอลแก้วแรก พจนานุกรม Marriam-Webster บรรจุคำว่า mocktail เครื่องดื่มโนแอล เมื่อปี 1916 แต่คนอังกฤษบอกว่าดื่ม mocktail มาตั้งแต่ยุค 1700s ในอเมริการู้จักในยุค 1800s และดังที่สุดกับม็อกเทลชื่อ Shirley Temple ชงให้หนูน้อย Shirley ดาราเด็กทั้งร้องและเต้นแท็บ ตอนมาเยือนภัตตาคารดังในเบเวอลี่ฮิลส์ ช่วงปี 1930s
ม็อคเทล Shirley Temple ส่วนผสมได้แก่ จินเจอร์เอล, เกรนาดีน ไซรัป เสียบลูกเชอร์รี่เชื่อม ต่อมาก็ดังไปทั่วร้านอาหารในอเมริกา เสิร์ฟให้เด็กที่มากับพ่อแม่
เบียร์โนแอล (Cr.taste.com.au)
เบียร์โนแอล ไม่นานนัก เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ยี่ห้อ Heineken ก็วางตลาดเมื่อปี 2010 ตามด้วย Corona ปี 2017 ต่อด้วยยี่ห้อ Mocktails คือม็อกเทลใส่ขวดไร้แอล ที่โฆษณาว่าลดน้ำตาลไป 25% น้อยกว่าม็อคเทล Shirley แล้วถ้าเปรียบกับมาร์การิต้า ซึ่งมีน้ำตาล 50-80 กรัม ต่อแก้ว ดื่มแบบโนแอลดีกว่าแน่นอน
แม้ผู้ผลิตบอกว่า เครื่องดื่มโนแอลทำการตลาดยาก ขายได้แต่ผู้หญิงตั้งครรภ์กับเด็ก แต่คนกลุ่มไม่ดื่มแอลก็ยังมีอยู่ จึงมีเบียร์ที่ลดทอนแอลกอฮอล์ลง เรียกว่า Small Beer คนขายบอกว่ายังพอมีแอลกอฮอล์ฆ่าแบคทีเรียอยู่และสะอาดกว่าดื่มน้ำ (ในบางท้องที่) และบูมมาก ขายดีช่วงอเมริกาออกกฎหมายห้ามผลิตสุรา (Prohibition-Act) ใครจะขาย Small Beer คือ ABV ต้องไม่เกิน 0.5% (ABV – Alcohol by Volume)
ม็อคเทลกับอาหาร (Cr.mocktail.net)
ทำไมเครื่องดื่มโนแอลเติบโต ผลจากโควิด เรื่องจริงคือช่วงล็อกดาวน์ คนออกไปไหนไม่ได้ ช่วงแรก ๆ คนก็ดื่มแอลกันเยอะ ยิ่งเครียดยิ่งดื่มหนัก งานวิจัยของ Newcastle University ระบุว่า คนอังกฤษดื่มแอลเพิ่มขึ้นถึง 17 เท่า ช่วงล็อกดาวน์ระหว่างเดือนมีนาคม-กรกฎาคม 2020 ปี 2021 พบตัวเลขคนดื่มไวน์ เบียร์ เหล้า มากกว่าปกติราว 8 ล้านคน
แต่เหมือนรู้ตัว ประกอบกับสุขภาพย่ำแย่ คนทั่วโลกมองเห็นทางสว่าง เริ่มหาเครื่องดื่มโนแอลมาทดแทนราว 58% หลายคนตอบแบบสอบถามว่าวางแผนจะดื่มแอลลดลงและอยากเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ สาเหตุสำคัญคือ
ห่วงใยสุขภาพ, กระแสวีแกน, อยากลดน้ำตาล, อยากเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน, ลดอัตราเสี่ยงอวัยวะเสียหาย ทั้งตับไตไส้พุง ทั้งหมดย้อนกลับไปเรื่องสุขภาพ เพราะถ้าดื่มหนักก็เมาปวดหัว การงานเสียหาย หมดแรงเข้าฟิตเนส ส่งผลเสียต่อร่างกายทั้งระยะสั้น-ระยะยาว
ม็อคเทล Shirley Temple มีหลายสูตร (Cr.bakerstable.net)
เครื่องดื่มโนแอล กำลังโต ตอนนี้เบียร์ทุกยี่ห้อมีแบบโนแอล เช่น Carlsberg, Stella Artois, Guinness, Heineken โตขึ้นในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเติบโต 11% ในช่วง 2021-2025 และอาจโตถึง 14%
ห้างเทสโก้ในอังกฤษ เผยว่า ช่วงปีที่ผ่านมา ลูกค้าซื้อเครื่องดื่มโนแอลเพิ่มขึ้น 30% ส่งผลให้สินค้าเครื่องดื่มโนแอลพัฒนาสูตรหลากหลาย เบียร์ไร้แอล, ไวน์ ที่ไม่มีแอลแต่เติมส่วนผสมสมุนไพร เครื่องเทศ และชา เช่น Sparkling Blue Tea และ Real Combucha มาแทนที่สาเกหรือไวน์ในซูชิบาร์และในร้านอาหารดัง ๆ บรรดาเซเลบริตี้เชฟก็แนะนำ พร้อมแพร์ริ่งกับอาหาร
ไวน์โนแอล (Cr.winemag.com)
คนคิดสูตรก็ขยันหาส่วนผสมเพื่อโฆษณาว่า เครื่องดื่มโนแอล ดื่มแล้วดีต่อสุขภาพและอร่อย ดื่มสนุกในทุกปาร์ตี้ อีกทั้งมี “คราฟต์” (craft) โนแอล เพิ่มความอร่อยด้วยส่วนผสมจากผลไม้จำพวกไซทรัส กลิ่นไม้รมควัน ชาดอกชบา สมุนไพรเครื่องเทศที่เป็นยา
เครื่องดื่มไร้แอล ตอนนี้ขยายตัวมากในโลกตะวันตก ในแถบตะวันออกกลางก็เป็นตลาดใหญ่โตเร็ว โดยเฉพาะในซาอุดี อาระเบีย เบียร์ไร้แอลขายดีมาก คาดว่าเติบโตต่อเนื่อง 20% ในช่วงปี 2019-2024
ไวน์ไร้แอล (non-alcoholic wine, alcohol free) ก็มาครบทั้งไวน์ขาว ไวน์แดง โรเซ่ และสปาร์คกลิ้ง อยู่ในขวดทรงเดียวกับไวน์ ชนิดลดปริมาณแอลกอฮอล์ลงก็มี (low alcohol) พร้อมมีนักวิจารณ์แนะนำและจับคู่กับอาหาร
ค็อกเทล Shirley Temple (Cr.tasteoflizzyt.com)
คนอังกฤษเป็นชาววีแกนกันเยอะ ส่งผลให้เครื่องดื่มโนแอล ขยายตัวอย่างมาก ทั้งคนรุ่นบูมเมอร์, คนเจน Z และชาวมิลเลนเนี่ยม ตอบว่า...เมื่อจะดื่มก็จะเลือก non-alcoholic
ดื่มอย่างมีสติ และสตางค์ยังเหลือ (เพราะถูกกว่า) ขับรถกลับบ้านปลอดภัย
อ้างอิง: theiwsr.com, foodmatterslive.com, riahealth.com