‘อาหารไทย’ อร่อย คลาสสิค ที่ ‘เบญจรงค์’ ณ ‘บ้านดุสิตธานี’

‘อาหารไทย’ อร่อย คลาสสิค ต้องที่’เบญจรงค์’ หรือ ‘ร้านอาหารไทยเบญจรงค์’ ณ ‘บ้านดุสิตธานี’ หมูหวานชวนชิม ได้ลิ้มรส ‘ยำมังคุดกะทิ’ มีเฉพาะฤดูกาล ‘เมี่ยงปลาแนม’ และ ‘ไข่สามเขย’ มากันพร้อมหน้าทั้งไข่เป็ด ไข่ไก่ ไข่นกกระทา ‘หมูผัดใบชะมวง’ เด็ดถูกใจ
อาหารไทย อร่อย คลาสสิค ที่ ร้านอาหารไทยเบญจรงค์ ณ บ้านดุสิตธานี บรรยากาศดี ในซอยศาลาแดง หลังจากการปิดตัวอย่างเป็นทางการของ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ เมื่อต้นเดือนมกราคม ปี 2562 ที่ผ่านมาเพื่อปรับปรุงและเตรียมพื้นที่สร้างโรงแรมแห่งใหม่ที่จะมาเป็นสัญลักษณ์ยุคใหม่ของกรุงเทพฯ
ภายใต้โครงการมิกซ์ยูส ‘ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค’ ทางกลุ่มดุสิตธานี ได้เดินหน้ามองหาบ้านหลังใหม่เพื่อมารองรับพนักงานของโรงแรมในระหว่างที่โครงการใหม่กำลังอยู่ภายใต้การพัฒนา รวมถึงสานต่อการบริการอันเป็นเอกลักษณ์ของดุสิตธานีไม่ให้ห่างหายไปก่อนที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งใหม่จะเปิดให้บริการอีกครั้งในอีก 4 ปีข้างหน้า
จึงเป็นที่มาของโครงการ ‘บ้านดุสิตธานี’ จุดหมายแห่งใหม่สำหรับแฟนประจำที่ยังคงคิดถึงบริการอันอบอุ่นสไตล์ดุสิตธานีที่คุ้นเคย ไปจนถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ ที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์การพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ ในบรรยากาศที่มีความเป็นส่วนตัว ได้ยลโฉมคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ดุสิตธานีตั้งใจพัฒนาและปรับให้เข้ากับโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
อาหารไทย ที่ เบญจรงค์ เชิญได้ที่ บ้านดุสิตธานี รอต้อนรับทุกคนในบรรยากาศของบ้านหลังใหญ่ ที่อบอุ่นเป็นกันเอง แต่มีความเป็นส่วนตัวจากการออกแบบที่มีการเชื่อมโยงของตัวบ้านหลัก บ้านรอง ที่สามารถแบ่งโซนให้เลือกตามความชอบและไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่คาเฟ่และบิสโทรอย่าง ดุสิต กูร์เมต์ ที่สามารถฝากท้องได้ตั้งแต่เช้าจดค่ำ และที่ หมูหวานชวนชิม กำลังจะพูดถึง ก็คือ ร้านอาหารไทยเบญจรงค์
คำว่า ‘บ้าน’ ที่อยู่ด้านหน้า ‘ดุสิตธานี’ เป็นคำที่ตั้งใจสื่อถึงความเชื่อมโยงระหว่างความเป็นมาของบ้านหลังเดิมในอดีต ที่ในปัจจุบันได้แปรเปลี่ยนเป็นบ้านหลังใหม่ที่เป็นที่รวมของคุณค่าความเป็นดุสิตธานี ไม่ว่าจะเป็นบุคลากร และห้องอาหารที่สร้างชื่อเสียงให้กับโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ และความอบอุ่นที่แขกผู้มาเยือนทุกคนจะได้รับเมื่อมาเยือน ‘บ้านดุสิตธานี’ แห่งนี้
ภาพโดย: ศุกร์ภมร เฮงประภากร
ด้วยความตั้งใจในการอนุรักษ์ และทะนุบำรุงสถาปัตยกรรมทรงคุณค่า กลุ่มดุสิตธานี บรรจงปรับปรุง บ้านศาลาแดง บ้านโบราณอายุกว่าร้อยปี ที่งดงามและโดดเด่นสะดุดตาด้วยสถาปัตยกรรมจากยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 และบริเวณโดยรอบให้กลายมาเป็น บ้านดุสิตธานี บนเนื้อที่กว้างขวางถึง 4.5 ไร่ ใจกลางศาลาแดง
โดยมอบหมายให้ PIA Interior บริษัทออกแบบตกแต่งภายในชั้นนำ มารับหน้าที่ออกแบบภายในและแลนด์สเคป โดยมุ่งปรับปรุงและรักษาโครงสร้างอาคาร รวมถึงแลนด์สเคปเดิมไว้ให้มากที่สุด และต่อเติมตกแต่งเพียงบางส่วนให้เหมาะสมกับการใช้งานเท่านั้น ซึ่งทำให้ 'บ้านดุสิตธานี' กลายเป็นสถานที่นัดพบแห่งใหม่ ที่พาทุกคนย้อนเวลากลับไปชื่นชมความคลาสสิคในวันวานและสนุกสนานกับความร่วมสมัยในวันนี้
สำหรับการตกแต่งภายในบ้านดุสิตธานี เกิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ที่ได้แรงบันดาลใจจากมนต์เสน่ห์ดั้งเดิมของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ โดยได้นำเฟอร์นิเจอร์เดิมที่อยู่ในโรงแรมกลับมาปรับโฉมและจัดวางใหม่ ทำให้ดูมีความทันสมัยแต่ยังคงกลิ่นอายความทรงจำของดุสิตธานีที่ทุกคนคุ้นเคย ภายในรั้วบ้านดุสิตธานี ได้จัดสรรบริการชั้นเยี่ยมทางด้านอาหารของดุสิตไว้อย่างครบถ้วนในอาคารส่วนต่าง ๆ ภายในบริเวณบ้าน ประกอบด้วย
เทคนิคที่ทำให้มะพร้าวคั่วหวานก็คือ ระหว่างคั่วค่อยๆโรยน้ำตาลทราย ทำให้มีกลิ่นหอมของคาราเมล ท็อปด้วยกุ้งแห้งป่นและใบมะกรูดซอย จานนี้รับประทานแล้วสดชื่นสมกับเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย
เมี่ยงปลาแนม เชฟนำปลากะพงมานึ่งแล้วฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นเล็กๆ น้ำยำมี น้ำส้มซ่า น้ำกระเทียมดอง มะนาวหั่นชิ้นเล็กๆ ขิง ข้าวคั่ว รับประทานคู่กับผักสด เป็นผักปลอดสาร อาทิยอดมะตูมแขก จิงจูฉ่าย ใบชะพลู ผักสลัด ผักกาดหิ่น ผักบางชนิดปลูกภายในรั้ว ‘บ้านดุสิตธานี’ แห่งนี้
ไข่สามเขย เชฟต้มไข่เป็นยางมะตูม มีไข่ทั้งหมด 3 แบบรวมกันในจานเดียว ก็คือ ไข่เป็ด ไข่ไก่ และไข่นกกระทา ส่วนซอส เชฟปุ๋ม เล่าว่าในสมัยโบราณหยิบจับเครื่องปรุงง่ายๆมาทำ เชฟนำพริกแห้งไปคั่วจนเป็นสีดำแล้วเอาไปปั่น ผสมในน้ำไข่ลูกเขยจะได้รสเผ็ดจางๆ มีความหอมของพริกผสานกับความขมหน่อยๆ
น้ำพริกลงเรือ พื้นฐานจะเป็น ‘น้ำพริกกะปิ’ นำมาผัดใส่กากหมู ปลาดุกฟู น้ำพริกไม่แฉะเกินไป ไม่เผ็ด ไม่หวานจนเกินไป เสิร์ฟกับผลไม้อย่างฝรั่งไส้แดง และผัก
แกงกุ้งลายเสือดอกดาหลา เป็นแกงแดงที่ใช้กุ้งลายเสือตัวใหญ่ น้ำแกงเข้มข้นด้วยพริกแห้งบางช้างโขลกกับเนื้อกุ้ง ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา มีความหอมนิดๆเปรี้ยวหน่อยๆของส้มซ่า แล้วมีดอกดาหลาที่มีความหอมเปรี้ยวอ่อนๆมีเอกลักษณ์ เชฟใส่มะเขือเทศเปรี้ยว ที่ทางอีสานใส่ในส้มตำ ทำให้รสชาติมีหลากหลายมิติ รสชาติคล้ายน้ำพริกอ่อน แต่ไม่มีกลิ่นของถั่วเน่า
หมูผัดใบชะมวง น้ำซอสคล้ายกับกะปิโหว่ ที่แกล้มกับมะม่วง ทว่าเชฟนำไปย่างแล้วยำกับใบชะมวงสด เวลารับประทานโรยด้วยหอมแดงเจียว กระเทียมกรอบ รสชาติลงตัวมากๆ อาหารไทย จานนี้เป็นลูกครึ่งระหว่าง ยำ กับ ผัด เชฟใช้กะปิจากจังหวัดระนอง รสไม่เค็มจัด มีเนื้อของเคยเยอะ
'หมูหวานชวนชิม' ชอบเมนู แกงเขียวหวานซี่โครงเนื้อตุ๋น เมนูนี้ปรุงแบบ Slow-Cooked Australian Short Rib เป็นซิกเนเจอร์ ตั้งแต่สมัยดั้งเดิม ทุกวันนี้ยังคงได้รับความนิยม
ร้านอาหารไทยเบญจรงค์ (Benjarong) มีข้าวให้เลือก 3 ชนิด ก็คือข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องกาบา และ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นข้าวออร์แกนิค ปลูกแบบธรรมชาติ มีความหวานตามธรรมชาติ ต่อสุขภาพ
ข้าวเหนียวเปียกลำไย เชฟใช้ข้าวเหนียวดำ น้ำตาลปี๊บ กะทิสด ทำคล้ายกับข้าวเหนียวมูน หอมกะทิ ไม่หวานจนเกินไป ขนมหวานยังมี พุดดิ้งมะพร้าว และ ส้มฉุน ที่อร่อยไม่เหมือนใครอีกด้วย