ลงทุนใน ‘วิสกี้’ สินทรัพย์มูลค่าสูง ลงทุนแล้วคุ้ม
นักลงทุนที่สนใจลงทุนใน ‘ไวน์’ ตอนนี้ต้องหันมามอง ‘วิสกี้’ ที่ได้ชื่อว่าเป็น 'สินทรัพย์เพื่อการลงทุน' ที่เติบโตมากที่สุดในรอบ 10 ปี คือเติบโต 373% ขณะที่ไวน์เติบโต 162%
ข้อมูลนี้เปิดเผยเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตัวเลขจาก งานประมูลวิสกี้ ที่จัดโดยสถาบันการประมูลดัง ๆ หลายแห่ง
เมื่อ 6-7 ปีที่แล้วผมรู้จักผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่นำเข้าไวน์มาขายในเมืองไทย โดยเฉพาะไวน์แพง ๆ จากหลายประเทศ หลังจากนั้นไม่กี่ปีเจอกันอีกที พบว่า ตอนนี้เขาเริ่มนำเข้าวิสกี้แพง ๆ และรุ่นหายาก
เหตุผลเพราะ วิสกี้ซื้อง่ายขายคล่อง การขนส่งก็ง่ายกว่าไวน์ ความเสี่ยงน้อยกว่า และตอนนี้ วิสกี้ กลายเป็นสินทรัพย์มูลค่าสูง ลงทุนแล้วคุ้มค่า
วิสกี้ (Whisky) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่คนไทยบริโภคกันมากที่สุด แน่นอนเบอร์ 1 คือ สก็อต วิสกี้ (Scotch Whisky) ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ซิงเกิ้ล มอลต์ (Single Malt) และ เบลนเดด มอลต์ (Blended Malt) โดยในตลาดโลกทั้งการประมูลและการสะสมส่วนใหญ่เป็นซิงเกิ้ล มอลต์ ที่ทำราคาได้ดีกว่าเบลนเดด มอลต์
ไอริช วิสกี้
ขณะที่ตลาด สก็อต วิสกี้ เติบโตและครองตลาดในเมืองไทย แต่ ไอริช วิสกี้ ชาติเพื่อนบ้านกลับไม่เติบโตในตลาดเมืองไทยเท่าที่ควร แม้จะมีคุณภาพดีพร้อมประวัติความเป็นมาไม่แพ้กัน
เมื่อ 10 ปีที่แล้วมีอยู่ 1-2 แบรนด์ กระทั่งถึงวันนี้ก็มีไม่ถึง 10 แบรนด์ เมื่อเทียบกับสก็อต วิสกี้ ที่มีกว่า 100 แบรนด์หมุนเวียนกันอยู่ในตลาด
อีกชาติหนึ่งที่ผลิตวิสกี้และมาแรงมากที่สุดในเอเชีย ทั้งการผลิตและการขายคือญี่ปุ่น โดยเฉพาะตลาดเมืองไทย วิสกี้ญี่ปุ่น รุ่นกลาง ๆ เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ราคาเลข 4 หลัก วันนี้เลข 5 หลัก ขณะที่รุ่นพิเศษแพง ๆ ราคาเดิมเลข 5 ขยับไปเป็น 5 หลักปลาย ๆ ใกล้ 6 แล้ว บางรุ่นขึ้นก็ไปถึงเลข 6 ที่สำคัญมีเงินยังหาซื้อไม่ได้
วิสกี้ญี่ปุ่น
จุดกำเนิดแห่งความดังของวิสกี้ญี่ปุ่น เริ่มหลังจากที่ วิสกี้ โยอิชิ (Yoichi) ได้รับรางวัล Best of the Best ประจำปี 2001 จากนิตยสาร Whisky Magazine ขณะเดียวกันก็มี ซิงเกิ้ล มอลต์ ของญี่ปุ่นอีกหลายยี่ห้อ หลายรุ่น ที่ได้รับคะแนนสูง จากการชิมทดสอบของผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ บางรุ่นได้คะแนนมากกว่าซิงเกิ้ล มอลต์ ของสก็อตแลนด์
อุตสาหกรรมวิสกี้ของญี่ปุ่นเริ่มมาตั้งแต่ประมาณทศวรรษที่ 1870 แต่ที่ถือว่าเป็นการจุดประกายอย่างจริงจังก็คือ การก่อตั้งโรงกลั่นยามาซากิ (Yamazaki Distillery) โดยนายมาซาทากะ ทาเกะสึรุ (Masataka Taketsuru) เมื่อปี 1924 ถือเป็นโรงกลั่นวิสกี้แห่งแรกของญี่ปุ่น
แหล่งผลิตวิสกี้ของญี่ปุ่น
ต่อมาเขาได้ตั้งบริษัทโรงกลั่นนิกกะ (Nikka Distillery) ในปี 1934 ตามด้วยโรงกลั่นโยอิชิ ก่อนจะผนวกเป็น นิกกะ โยอิชิ (Nikka Yoichi)
มาซาทากะ ทาเกะสึรุ ได้รับการยกย่องให้เป็น บิดาแห่งวิสกี้ของญี่ปุ่น เป็นคนที่วงการเหล้ากลั่นของญี่ปุ่นภูมิใจ เดินทางไปเรียนเคมีที่มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ ในสก็อตแลนด์ และทำงานในโรงกลั่นวิสกี้ไปด้วย
จนกระทั่งได้เมียเป็นสาวสก็อตชื่อเจสซี (Jessie Roberta "Rita" Cowan) และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในโรงกลั่น Hazelburn หลายปี ก่อนจะกลับบ้านเกิดเขาได้ทำงานกับโรงกลั่นและตั้งโรงกลั่นของตัวเองดังกล่าว
ฝั่งอเมริกาก็มี อเมริกัน วิสกี้ (American Whiskey) กำเนิดครั้งแรกราวปี 1791 เริ่มจากรัฐเวอร์จิเนีย แต่มาเติบโตที่รัฐเพนซิลวาเนีย ซึ่งอยู่ตะวันออกเกือบสุดแผ่นดินสหรัฐและมีทางออกทะเล จึงเป็นรัฐที่มีคนสก็อตและไอริชอพยพลงเรือมาอยู่มากที่สุด เป็นที่รู้กันว่าทั้ง 2 ชาตินี้เต็มไปด้วยกูรูทางด้านการกลั่นเหล้า
เทนเนสซี่วิสกี้
ในแผ่นดินอเมริกามี 2 คำที่พบบ่อยและมีความต่างกันคือ เบอร์เบิ้น (Bourbon) กับเทนเนสซี่ วิสกี้ (Tennessee Whiskey) ต่างกันด้วยกระบวนการผลิตที่รัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา ออกกฎหมายกำหนดไว้ ที่แน่ ๆ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับอเมริกาเป็นอย่างมาก ไม่แพ้สก็อตวิสกี้คุณภาพเยี่ยม ๆ คือ เทนเนสซี่ วิสกี้
ความแตกต่างของวิสกี้ 4 ประเทศ
เมื่อกลางปี 2022 สถาบันประมูลโซเธบีส์ (Sotheby’s) ขายอเมริกันวิสกี้ 1 ชุดจำนวน 5 ขวด ในราคา 187,245 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นแรร์วิสกี้ที่โรงงานปิดไปแล้ว จากปี 1976-1982 ประกอบด้วย Old Quaker Indiana Corn Whiskey 21 Year Old (65% ABV) 1976 / Stitzel-Weller Kentucky Straight Bourbon 17 Year Old (53.5% ABV) 1980 /
แคนาเดี้ยนวิสกี้
Taylor-Williams Kentucky Straight Bourbon 17 Year Old (56% ABV) 1980 / George T Stagg Kentucky Straight Rye Whiskey 16 Year Old (57% ABV) 1981/ Buffalo Springs Kentucky Rye Mash Whiskey 15 Year Old (62.5% ABV) 1982 ทั้งหมดบรรจุขวด 700 ml.
ที่แคนาดามี แคนาเดี้ยน วิสกี้ เริ่มผลิตตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 โดยชาวสก็อตแลนด์ กลั่นวิสกี้จากข้าวไรย์ ซึ่งปลูกมากที่สุดในแคนาดา รสชาติต่างจากสก็อต วิสกี้ ซึ่งใช้ข้าวบาร์เลย์เป็นวัตถุดิบสำคัญ ต่อมาจึงมีการปลูกข้าวบาร์เลย์ เพื่อผลิตแคนาเดี้ยน วิสกี้ บางเจ้าก็ผสมกันทั้ง 2 อย่าง
จากข้อมูลของ Canadian Distillers Association โรงกลั่นแห่งแรกตั้งขึ้นในปี 1769 เมื่อทศวรรษที่ 1840 จำนวนเพิ่มขึ้นถึง 200 แห่ง แคนาดาเคยห้ามผลิตเหล้าในช่วงปี 1916 – 1917 โดยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกจำกัดให้ใช้เฉพาะกองทัพ การแพทย์ วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรมบางประเภท
ในขณะที่อเมริกามีปัญหาเรื่องเหล้าเถื่อนในปี 1933 นั้น แคนาเดี้ยน วิสกี้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งทั้งในแคนาดาและอเมริกา
วิสกี้ สินทรัพย์มูลค่าสูง ลงทุนแล้วคุ้ม นับวันจะเพิ่มมูลค่ามากขึ้น มิได้มีเจตนาชักชวนให้ดื่ม แต่ถ้าจะดื่มต้องดื่มด้วยความรับผิดชอบต่อตัวเอง ครอบครัว และสังคม
