'จิบน้ำชายามบ่าย' ที่ THE O.S.S. Room 'พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน'
‘จิบน้ำชายามบ่าย’ ที่ THE O.S.S. Room 'พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน' บรรยากาศเงียบสงบ ผ่อนคลาย ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวชอุ่ม บรรยากาศบ้านไทย เพลิดเพลินไปกับ 11 เมนู คาว-หวาน และน้ำชาสุดคลาสสิค สำหรับ 2 ที่ 1,990 ++ บาท
ช่างเหมาะกับการนั่งชิล พูดคุยกับเพื่อนฝูง คนรู้ใจ ในบรรยากาศของการ จิบน้ำชายามบ่าย แกล้มขนม Afternoon Tea Set ที่ถูกรังสรรค์ออกมาด้วยความตั้งใจ ให้มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย ผสมฝรั่งอย่างลงตัว เสิร์ฟมาในกล่องกระดาษสีสันสวยงาม ความ อร่อย ที่อยู่ในกล่อมได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินทางและหลงใหลในการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ของ คุณจิม หรือ จิม ทอมป์สัน นักธุรกิจชาวอเมริกันนั่นเอง
ย่อมาจาก OSS หรือ Office of Strategic Services เป็นหน่วยงานสายลับที่กำเนิดก่อน CIA เป็นหน่วยงานที่ ‘จิม ทอมป์สัน’ เคยทำงานในขณะที่เขาเป็นทหารของกองทัพสหรัฐ ก็คือเป็นหน่วยข่าวกรองของอเมริกานั่นเอง
ห้องนี้เสิร์ฟ Afternoon Tea Set ในช่วงกลางวัน เวลาเย็นย่ำจะแปลงโฉมเป็นบาร์ บริการซิกเนเจอร์ค็อกเทลทั้งหมด 12 แบบ โดยจะเล่าเรื่องราวของจิม ทอมป์สัน
ในส่วนของ Afternoon Tea Set ในสำรับที่จัดมาในรูปแบบกล่อง มีทั้งหมด 11 เมนู หากไป จิบน้ำชายามบ่าย กับคนที่รู้ใจ ที่ THE O.S.S. Room
พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน ในสำรับก็จะมีอาหารอย่างละ 2 คำ สำหรับเราสองคน ให้เลือกน้ำชาได้ 2 แบบ (2 กา)
หมูหวานชวนชิม ประทับใจ กระทงทอง สำหรับเสิร์ฟเมนู เซวิเช่ปลากระทงทอง (Seasonal Fish Ceviche in Kratong Tong) เชฟจะใช้ปลาที่หาได้ตามฤดูกาลมาทำเซวิเช่ปรุงรสอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟมาพอดีคำ เพื่อความกรอบของกระทง ดังนั้นเชฟจะเสิร์ฟแยกไว้ให้เราตักใส่กระทงก่อนรับประทาน ก็จะได้รสชาติของกระทงทองที่กรอบ และเซวิเช่ที่รสชาติกลมกล่อม เหมาะเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยจริงๆ
คำถัดมาเป็น เมี่ยงคําโคราช (Meang Kum – Korat) ทีแรกก็รู้สึกแปลกๆ ที่เมี่ยงคำหน้าตาเปลี่ยนไปจากที่เคยรู้จัก ทำไมถึงเป็นเมี่ยงคำโคราช นั่นก็คือ ทาง จิม ทอมป์สัน มีโรงงานผ้าไหมอยู่ที่ปักธงชัย ใบคะน้าลวก หมูสับ ราดด้วยกะทิ เคี้ยวๆไปเจอลูกโดด (พริกขี้หนูสวนเม็ดเล็กๆ) รู้สึกสนุกเวลาเคี้ยวจริงๆ
ขนมเบื้องปาเตกับพริกเผาบลูเบอร์รี่ และคุกกี้ทูเล (Pate with Sweet Chili Blueberry and Tuile) มี หมูพะโล้ซาวโดวจ์โทสต์ (Moo Paloh Sourdough Tostada) ประกอบไปด้วยหมูสามชั้นตุ๋นเข้มข้น เสริมด้วยไข่นกกระทาหมักและพริกปิปารัสดอง เสิร์ฟบนขนมปังซาวโดวจ์โทสต์เหนียวนุ่ม
ถัดมาเป็น สนิกเกิ้ลดูเดิ้ลเครื่องเทศ (Five-Spice Snickerdoodle) เป็นเมนูขนมสุดคลาสสิกในใจทุกคน สนิกเกิ้ลดูเดิ้ลผสมผสานรสชาติเครื่องเทศแสนอบอุ่น ให้รสชาติที่หอมหวานลงตัว จากนั้นก็จะเป็น ฟินองซิเย่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ (Cashew Nut Financier) หอมกลิ่นลูกจันทน์เทศอ่อน ๆ พร้อมรสสัมผัสของส้มจี๊ด ดูแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
ถัดมา หมูหวานชวนชิม ปลื้ม ก็คือ ครีมบิสกิตกับแยมกระเจี๊ยบและคล็อตเตดครีม (Cream Biscuit with Rosella Jam and Clotted Cream) เสริมความเป็นท้องถิ่นตรงแยมกระเจี๊ยบ อันนี้ชนะเลิศ
ชูสังขยาและซิลก์มอตต์ครัสต์ (Thai Custard Choux with Silk Mott Crust) ทาร์ตเมอแรงค์ส้มจี๊ด (Som Jeed Meringue Tart) ที่ผสมผสานรสชาติไทย-ฝรั่งได้อย่างลงตัวมีทั้งชาไทย และส้มจี๊ด ดับเบิลฟอร์มาจชีสเค้ก (Double Formage Cheesecake) เมนูนี้จะได้ความนุ่มละมุนของดับเบิลฟอร์มาจชีสเค้กที่เกิดมาเพื่อสายหวานอย่างแท้จริง
สุดท้าย ‘คราฟต์ช็อกโกแลต’ (Bean to Bar Chocolate) เป็นคราฟต์ช็อกโกแลตคุณภาพเยี่ยมจาก PARADai ร้านช็อกโกแลตชื่อดังของเมืองไทย
เครื่องดื่มเย็นๆสั่งได้
บรรยากาศด้านนอกนั่งรับลมริมคลอง
หลบอากาศร้อน จิบน้ำชายามบ่าย ในบรรยากาศชิลๆ สบายๆ ท่ามกลางแมกไม้และบ้านเรือนไทยสไตล์ จิม ทอมป์สัน ในราคา 1,990 ++ (สำหรับ 2 ที่)
