'Flat White' อีกสไตล์กาแฟนมที่โลกต้องรู้!

เจาะลึก 'Flat White' กาแฟนมอีกสไตล์จากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ หลังกูเกิ้ล ดูเดิ้ล จัดธีมเฉลิมฉลองหน้าโฮมเพจไปเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา
หลังจากเห็น 'กูเกิ้ล ดูเดิ้ล' (Google Doodle) จัดธีมเฉลิมฉลองหน้าโฮมเพจของกูเกิ้ล เป็นภาพกาแฟนมที่เพิ่งได้รับความนิยมเมื่อไม่กี่ปีมานี้เองอย่าง 'แฟลต ไวท์' (Flat White) เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมโชว์ลูกเล่นกราฟฟิกเคลื่อนไหวแสดงวิธีชงเมนูกาแฟตัวนี้ และประวัติความเป็นมาพร้อมสรรพ ผู้เขียนจึงอยากต่อยอดเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนที่กูเกิ้ล ดูเดิ้ล ไม่ได้เอ่ยถึง เพื่อความครบถ้วนสมบูรณ์ คิดน่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
11 มีนาคม ค.ศ. 2011 เป็นวันที่มีการบรรจุคำ Flat White เพิ่มเข้าไปในพจนานุกรมภาษาอังกฤษของอ๊อกฟอร์ด โดยให้ความหมายไว้ว่า "เป็นเมนูกาแฟที่ใส่นมร้อนลงไป แต่ไม่มีฟองนมเหมือนคาปูชิโน่" จากวันนั้นถึงวันนี้ ก็ครบ 13 ปีพอดี
อันที่จริง ผู้เขียนค่อนข้างรู้สึกแปลกใจที่เห็นกูเกิ้ล ดูเดิ้ล เลือกหยิบเอาเมนูกาแฟมานำเสนอเป็นธีมของวันที่ 11 มีนาคม ทั้ง ๆ ที่วันนั้นเป็นวันสำคัญระดับโลกของอีก 2 เหตุการณ์ คือ วันท่อประปาโลกกับวันนอนหลับโลก แต่ผู้เขียนเข้าใจว่า การนำเสนอเมนูกาแฟน่าจะสร้าง 'สีสัน' และ 'ดึงดูด' ความสนใจจากชาวโลกโดยเฉพาะคนรักกาแฟได้มากกว่า
สื่อออนไลน์ทั้งเทศและไทยเลยพร้อมใจยกให้ 11 มีนาคม เป็นวันกาแฟแฟลต ไวท์ อย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยมีการบัญญัติวันกาแฟดังกล่าวมาก่อน
ตามบันทึกปูมกาแฟโลก บอกเอาไว้ว่า 'แฟลต ไวท์' นั้น ถูกเสิร์ฟเป็นครั้งแรกใน 'ออสเตรเลีย' และ 'นิวซีแลนด์' ในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังถกเถียงกันไม่จบว่าชาติใดเป็นต้นกำเนิดกาแฟเมนูนี้กันแน่ จนเริ่มเป็นที่รู้จักกันทั่วไปเมื่อต้นทศวรรษ 2010 จากนั้นก็มีเสิร์ฟตามร้านรวงกาแฟทั่วโลกจนฮิตติดเทรนด์ ในฐานะเมนูอีกทางเลือกหนึ่งของคนรักกาแฟนม นอกเหนือจากเมนูดาวค้างฟ้าอย่าง 'คาปูชิโน่' และ 'ลาเต้'
ปีค.ศ. 2015 เชนกาแฟดังอย่าง 'สตาร์บัคส์' (Starbucks) เปิดตัวกาแฟแฟลต ไวท์ เป็นเมนูใหม่ในตลาดอเมริกาเหนือ โดยบอกว่าคิดค้นขึ้นในออสเตรเลีย เรื่องนี้ทำเอาบรรดาสื่อแดนจิงโจ้ดีใจกันยกใหญ่ นำเสนอข่าวเสียหลายวัน เป็นการเกทับบลัฟแหลกคู่แข่งจากแดนกีวีไปในตัว
แม้เรื่องราวต้นกำเนิดของแฟลต ไวท์ นั้นยังไม่มีความชัดเจน แต่ตามที่นักประวัติศาสตร์ด้านกาแฟที่ชื่อ เอียน เบอร์สเตน บอกไว้ทำนองว่ากาแฟตัวนี้อาจมีต้นกำเนิดในอังกฤษช่วงทศวรรษ 1950 ผู้เขียนเห็นว่า ดูแล้วออกจะเลื่อนลอยมากไปสักหน่อย
ตามร้านกาแฟบ้านเรา เริ่มมีเสิร์ฟเมนูแฟลต์ ไวท์ เมื่อราว 5-6 มานี้เอง ผู้เขียนพอได้จิบเป็นแก้วแรก ก็เกิดติดใจขึ้นมาทันที เลยยกให้มีสถานะเป็นเมนูกาแฟนมประจำตัวในช่วงบ่าย ๆ ลืมไปเลยว่า 'ครั้งสุดท้าย' ที่สั่งลาเต้หรือคาปูชิโน่มาดื่มนั้นเป็นเมื่อไหร่กัน
หากมองแบบผิวเผิน กาแฟแฟลต ไวท์ อาจคล้ายคลึงกับกาแฟนมอย่างคาปูชิโน่และลาเต้ แต่ในรายละเอียดแล้ว มีความแตกต่างอยู่บ้างในเรื่องส่วนผสมและรสชาติ ซึ่งตามสูตรพื้นฐานแล้ว คาปูชิโน่กับลาเต้ ประกอบด้วยเอสเพรสโซ่, นมร้อนที่ผ่านการสตีม และฟองนม แต่สำหรับแฟลต ไวท์ นั้น โดยทั่วไปมักจะใช้คำว่า 'ไม่มีฟองนม' แต่ผู้เขียนเห็นว่ามีนะแต่บางมาก ไม่ได้เป็นเลเยอร์หนา ๆ เช่นเดียวกับคาปูชิโน่หรือลาเต้
แน่นอนว่าไม่ใช่ลาเต้หรือคาปูชิโน่ย่อส่วน... 'สูตรดั้งเดิม' ของเครื่องดื่มกาแฟแฟลต ไวท์ นั้น มีสัดส่วนระหว่างกาแฟกับนม ดังนี้ ใช้เอสเพรสโซดับเบิลช็อต 1/3 และนม 2/3
หรือบ้างก็ใช้เอสเพรสโซดับเบิลช็อต 60 มิลลิลิตร (มล.) หรือ 2 ออนซ์ กับนม 120 มล. หรือ 4.2 ออนซ์ เริ่มต้นการชงด้วยเอสเพรสโซ่ 2 ช็อต ตามด้วยนมร้อนจากการสตีมจนมีความเนียนละเอียดในระดับที่เรียกว่า ไมโคร โฟม (Micro Foam) สุดท้ายหยอดหน้าด้วยฟองนมเป็นจุดกลมเล็ก ๆ ตรงใจกลางแก้ว
ความที่มีสัดส่วนเอสเพรสโซ่มากกว่านม แฟลต ไวท์ จึงให้รสชาติกาแฟที่เข้มข้นมากกว่ารสหวานมันนุ่ม ๆ จากนมสด เมื่อยกแก้วขึ้นจิบ รับรู้ได้ถึงรสสัมผัสอันนุ่มละมุนปราศจากฟองนมหนา นี่แหละครับ ที่เป็นคาแรคเตอร์ 'เฉพาะตัว' ที่ทำให้เมนูนี้ต่างไปจากกาแฟนมอื่น ๆ
บอกเลยว่ากลิ่นรสกาแฟตัวนี้ค่อนข้างสมดุล ถูกใจผู้เขียนมาก ๆ ต่างไปจากลาเต้หรือคาปูชิโน่ที่ให้รสชาติและกลิ่นนมสดนำหน้ากาแฟ
วงกลมสีขาวบางเฉียบลอยบนผิวกาแฟนั้น ถือเป็น 'สัญลักษณ์' ของแฟลต ไวท์ แบบดั้งเดิม และชั้นนมสีขาวที่ดูแล้วบางกว่ากาแฟนมอื่น ๆ ก็เป็นที่มาของชื่อ Flat White นั่นเอง
ต่อมามีการพัฒนาต่อยอด นำ 'ลาเต้ อาร์ต' หรือศิลปะจากฟองนมหรือโฟมนมบนถ้วยกาแฟ มาประยุกต์ใช้กับกาแฟเมนูนี้ บาริสต้าตามร้านคาเฟ่ทั่วโลกนิยมใช้ฟองนมละเอียดวาดเป็นลวดลายบาง ๆ เช่น รูปหัวใจ ใบเฟิร์น หรือดอกไม้ ส่วนนมวัวที่ใช้ประจำในตอนแรกนั้น ตอนนี้ก็มีหลายร้านหันไปใช้ 'นมจากพืช' เป็นทางเลือกแทน แล้วที่ออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ก็นิยมนมข้าวโอ๊ตกันมาก
ทั้งสองประเทศนี้ มีคำเรียกชื่อกาแฟที่ดูมีความเฉพาะตัวมาก ๆ เช่น 'ช็อต แบล็ค' (Short Black) หมายถึงเอสเพรสโซหนึ่งช็อต หรือ 'ลอง แบล็ค' (Long Black) หมายถึงเมนูกาแฟที่เติมน้ำร้อนก่อนแล้วตามด้วยช็อตเอสเพรสโซ่ ซึ่งผลลัพธ์คือจะได้เครม่าสวยเนียนตากว่าเมนูอเมริกาโน่
เปรียบเทียบสัดส่วนเอสเพรสโซ่กับนมใน 3 เมนูที่คล้ายคลึงกัน คาปูชิโน่,ลาเต้ และแฟลต ไวท์ (ภาพ : www.quora.com)
สำหรับสูตรทำแฟลต ไวท์ มีความต่างกันไปตามร้านกาแฟและพื้นที่ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของวัฒนธรรมอาหารและเครื่องดื่มที่มีความเคลื่อนไหวและปรับเปลี่ยนไปมากบ้างน้อยบ้างตามรสนิยมและกาลเวลา
ในออสเตรเลีย แฟลต ไวท์ จะเสิร์ฟกันในแก้วเซรามิกมีหูจับ โดยทั่วไปมีปริมาณพอ ๆ กับแก้วลาเต้ คือ 200 มล. หรือ 7 ออนซ์ ส่วนนิวซีแลนด์ มักเสิร์ฟในแก้วทรงดอกทิวลิป ปริมาณ 165 มล. หรือ 5.8 ออนซ์
เว็บไซต์ www.nespresso.com/th หรือเนสเพรสโซ ประเทศไทย บอกว่า กาแฟแฟลต ไวท์ แบบดั้งเดิม จะเสิร์ฟด้วยถ้วยที่มีขนาดเล็กกว่า ใส่เอสเพรสโซ่ดับเบิลช็อต เพื่อให้กาแฟมีรสที่เข้มข้นขึ้น ขนาดการเสิร์ฟที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 170 มล. หรือ 6 ออนซ์
แต่ถ้าเป็นสูตรแฟลต ไวท์ ของ 'แอนเน็ตต์ โมลด์วาเออร์' จากโรงคั่วกาแฟชั้นแนวหน้าในกรุงลอนดอน ชื่อ 'สแควร์ ไมล์ คอฟฟี่ โรสเตอร์ส' ที่นอกจากเป็นบาริสต้ามือฉมังแล้ว เธอยังคั่วกาแฟให้ใช้ในรายการชิงแชมป์โลกบ่อย ๆ เขียนตำรับตำรากาแฟก็หลายเล่ม โดยสูตรของเธอคือ เอสเพรสโซ่ดับเบิลช็อต 50 มล. หรือ 1.7 ออนซ์, นมที่ผ่านการสตีม 130 มล.หรือ 4.5 ออนซ์ ตามด้วยฟองนมระดับไมโคร โฟม หนา 0.25 นิ้ว
โรงคั่วกาแฟสแควร์ ไมล์ คอฟฟี่ โรสเตอร์ส ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 2008 จัดเป็นหนึ่งในหัวหอกผู้บุกเบิกตลาดกาแฟแบบพิเศษ (speciality coffee) มีแอนเน็ตต์ โมลด์วาเออร์กับ 'เจมส์ ฮอฟฟ์แมน' เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง
ใช่ครับ... เป็นฮอฟฟ์แมน คนเดียวกับที่เป็นยูทูบเบอร์สายกาแฟฝีปากกล้า และอดีตแชมป์บาริสต้าโลกปี 2007 คนนั้นนั่นแหละ
เทียบกับกาแฟนมที่เป็นเมนูประจำร้านกาแฟอย่างคาปูชิโน่, ลาเต้ หรือแม้กระทั่งเดอร์ตี้ คอฟฟี่ แล้ว แฟลต ไวท์ ดูจะตกเป็นรองอยู่มากในเรื่อง 'ชื่อเสียง' และความเป็นที่รู้จัก เมื่อยังไม่รู้จักก็ยังไม่สั่งมาดื่ม แม้จะเห็นเขียนโชว์ไว้บนบอร์ดแสดงชื่อเมนูเครื่องดื่มตามร้านกาแฟก็ตาม ยกตัวอย่าง กลุ่มเพื่อน ๆ ของผู้เขียน ส่วนใหญ่ชอบกาแฟนมกันทั้งสูตรร้อนและเย็น เวลาเข้าร้านก็สั่งออเดอร์ทันทีว่า ลาเต้แก้วหนึ่ง.. คาปูชิโน่แก้วหนึ่ง
พอได้ยินผู้เขียนสั่ง 'แฟลต ไวท์' เข้าเท่านั้น ก็ทำหน้างง ๆ กัน แล้วหันมาถามว่า คือกาแฟอะไรกันหรือ?
เมื่อกูเกิ้ล ดูเดิ้ล เลือกใช้กาแฟแฟลต ไวท์ เป็นธีมบนหน้าโฮมเพจของกูเกิ้ล น่าจะทำให้คอกาแฟได้ทำความรู้จักกับกาแฟนมสไตล์นี้กันมากขึ้น อย่างน้อยก็เข้าใจได้ว่า แม้เป็นกาแฟนมเหมือนกัน แต่ระหว่างลาเต้กับแฟลต ไวท์ ก็มีความต่างกันตรงอัตราส่วนของกาแฟต่อนม โดยแฟลต ไวท์ นั้น มีสัดส่วนเอสเพรสโซ่มากกว่านม
ใครเป็นคอกาแฟสายนม แต่ชอบรสชาติกาแฟนำหน้านม อยากให้รับพิจารณา แฟลต ไวท์ ไว้ในอ้อมใจอีกหนึ่งเมนูครับ
........................................
เขียนโดย : ชาลี วาระดี