‘‘หมาล่าหม้อไฟ’ 'เสี่ยวหลงข่าน' จากเสฉวน เปิดสาขาสองที่ ‘สยามดิสคัฟเวอรี่’
ร้าน ‘หมาล่าหม้อไฟ’ ต้นตำรับเสฉวน ‘เสี่ยวหลงข่าน’ (小龙坎) เปิดสาขาสองที่ ‘สยามดิสคัฟเวอรี่’ พร้อมวัตถุดิบจากจีน เมนูเนื้อที่คนไทยชอบ เช่น เนื้อวัวกุ้ยเฟย, เนื้อวากิว A5, เนื้อออสเตรเลีย, หมูคูโรบุตะ และซีฟู้ด
ใครอยากท้าทายความเผ็ดร้อนของ หมาล่าหม้อไฟ ชวนไปร้าน เสี่ยวหลงข่าน (ภาษาอังกฤษเขียนว่า Shoo Loong Kan) เปิดสาขาที่สองที่ สยามดิสคัฟเวอรี่
เอาใจคนชอบเผ็ดสะใจ และเผ็ดลิ้นชาตำรับเสฉวน ไม่ปรับสูตรเอาใจคนไทย ดังนั้นนั่งกินที่นี่ก็เหมือนไปนั่งกิน หมาล่า สไตล์โรงเตี๊ยมที่เสฉวน
พร้อมฉลองเปิดร้านใหม่ มอบส่วนลด 20% วันนี้ถึงวันที่ 16 มิถุนายน 2567
ผู้จัดการร้านเล่าว่า เสี่ยวหลงข่าน แรกเปิดที่นครเฉิงตู มณฑลเสฉวน เมื่อปี 2014 ปัจจุบันในประเทศจีน มีกว่า 900 สาขา และขยายสาขาเปิดที่สิงคโปร์ มาเลเซีย กัมพูชา อเมริกา ปัจจุบันมีเกือบ 1,000 สาขาทั่วโลก เป็นร้านอาหารระดับ Global brand
ในไทยสาขาแรกเปิดเมื่อปีที่แล้วที่ ไอคอนสยาม ผลตอบรับดีทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ประชาสัมพันธ์มาก จนต้องเปิดสาขาที่สองใจกลางเมืองที่ ชั้น 3 Flavor Lab สยามดิสคัฟเวอรี่ เมนูสั่งเป็นอะ ลา คาร์ท เลือกน้ำซุป ตามด้วยเนื้อและผักตามชอบ
ปรุงน้ำจิ้มตามชอบ
จุดเด่นของ เสี่ยวหลงข่าน ผู้บริหารร้านบอกว่า คือ หมาล่าหม้อไฟ ตำรับเสฉวน วัตถุดิบซุปหมาล่า เช่น พริกสด พริกแห้ง พริกหอม เครื่องเทศต่าง ๆ มาจากเมืองจีน และมีอีก 3 ซุปให้เลือก ได้แก่ ซุปมะเขือเทศ ซุปกระดูกหมู และซุปเห็ด ให้กินสลับกับซุปหมาล่าอันเผ็ดร้อน
ซุปหมาล่า สูตรเสี่ยวหลงข่าน เบสน้ำซุปจากกระดูกหมู และเติม น้ำมันวัว ลงไปด้วย ปรุงรสและกลิ่นด้วย น้ำมันงา ส่งเสริมให้ซุปมีกลิ่นหอม เข้มข้น ความจริงร้านหมาล่าบางร้านก็ใส่น้ำมันวัวลงไปด้วย แต่สูตรซุปหมาล่านั้น สูตรใครก็สูตรมัน รสจะเข้มข้นดุเดือดแค่ไหน แต่ละร้านมีสูตรเฉพาะ
น้ำจิ้มเสฉวน สูตรซิกเนเจอร์
ชาวจีนเชื่อว่า น้ำมันวัวกับน้ำมันงา กินแล้วไม่ทำให้เกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือด เป็นน้ำมันที่มีประโยชน์และช่วยเคลือบกระเพาะ ลดทอนความเผ็ดร้อนในขณะรับประทาน ความเข้มข้นและรสเผ็ดร้อนของ เสี่ยวหลงข่าน เรียกอีกชื่อว่า บัตเตอร์หมาล่า ที่เผ็ดร้อนตั้งแต่คำแรก พร้อมน้ำจิ้มเสฉวน มีส่วนประกอบของน้ำมันงา ยังมีน้ำจิ้มอีกหลายชนิดให้เลือกปรุงตามชอบ
หมูบดกุหลาบ
หมูสามชั้นสไลซ์ (Cr.Panee Chevapark)
เนื้อสไลซ์
วัตถุดิบสดใหม่สูตรจากจีน ได้แก่ ไส้หมูพะโล้ หมูบดกุหลาบ (หมูนุ่มเด้งตั้งอยู่บนกลีบกุหลาบที่กินได้) เต้าหู้แข็ง สไบนางดำ (ผ้าขี้ริ้ว) หลอดเลือดหัวใจ สมองหมู เท้ามังกร (ตีนเป็ดถอดกระดูก) เนื้อวัวกุ้ยเฟย (เนื้อวัวหมักพิเศษเสิร์ฟในชามวัวสีทอง) เป็นเมนูยอดนิยมของชาวจีน
ฟองเต้าหู้
เนื้อปลาดอรี่
และเพิ่มเมนูเอาใจคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เนื้อวากิว A5 หมูคูโรบุตะ เนื้อออสเตรเลีย เนื้อวัวติดมันยูเอส เนื้อแกะ ไส้หมู ไส้เป็ด และซีฟู้ดเช่น กุ้งลายเสือ กุ้งบด ปลาดอรี่ ปลาวัว หอยเชลล์ ปลาหมึกบด ลูกชิ้นปลา ฯลฯ
ผักโอซุ่นกับผักกาดขาว
เมนูผักก็มาครบ เต้าหู้แข็งสูตรเสฉวน เส้นมันฝรั่งฝอย ฟองเต้าหู้ เส้นบุกจีน และผักพิเศษที่ไม่มีในเมืองไทย เรียกว่า โอซุ่นสไลซ์ (หรือโอสุ่น, ชิงสุ่น) คล้ายต้นไผ่ที่หั่นบาง ๆ กินเปล่า ๆ ก็หวานกรอบ
หม้อเลือกน้ำซุปได้ 3 ชนิด
ความพิเศษอีกอย่างคือ หม้อน้ำซุป สามารถเลือกซุปได้ 3 ชนิด หม้อแบ่งเป็นสามช่อง หรือจะเลือก 2 ชนิดก็ได้ โดยเตาออกแบบพิเศษที่ปรับความร้อนของเตาให้จุดเดือดแตกต่างกัน ฝั่งที่เป็นซุปหมาล่าน้ำมันเยอะ จุดเดือดจะง่ายกว่า ร้านนี้ปรับเตาให้มีอุณหภูมิทำให้เดือดพร้อม ๆ กัน ถ้าเป็นเตาทั่วไปฝั่งซุปหมาล่าก็จะเดือดปุด ๆ อย่างรวดเร็วและเดือดตลอดเวลาเพราะมีน้ำมันเยอะ
ส่วนวิธีรับประทานเพื่อลดทอนความเผ็ดลิ้นชา ผู้จัดการร้านแนะนำว่า ควรกินซุปหมาล่า สลับกับซุปอื่นที่ไม่เผ็ด เช่น กินหมาล่า 1 คำ สลับกับซุปอื่น ๆ 2-3 คำ แต่ถ้าใครรู้ตัวว่ากระเพาะเหล็ก เผ็ดร้อนลิ้นชาแค่ไหนก็ไหว เลือกตามสะดวกเลย
อีกวิธีคือ เมื่อกินอาหารเผ็ดร้อนแล้ว วันถัดไปก็รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ หรือกินผักผลไม้มากขึ้น
ของหวาน สาคูแคนตาลูป
เชิญท้าทายรสเผ็ดลิ้นชาที่ เสี่ยวหลงข่าน ในบรรยากาศร้านตกแต่งสไตล์โรงเตี๊ยม ที่ชั้น 3 Flavor Lab สยามดิสคัฟเวอรี่