‘4 เชฟอาหารไทย’ กับดินเนอร์พิเศษ Long Lost Recipe ที่ ‘ห้องอาหารชมสินธุ์’
‘4 เชฟอาหารไทย’ รังสรรค์ มื้อพิเศษ ที่ ห้องอาหาร ชมสินธุ์ (ChomSindh) โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ ได้สัมผัสความซับซ้อนของอาหารไทย รวมทั้งสูตรลับที่หายไป Long Lost Recipe อาทิ ‘มูสหลนเต้าเจี้ยวเนื้อปู กับเจลเสาวรส’ ตำรับชาววังโบราณ
หมูหวานชวนชิม สุดประทับใจ เมื่อได้ไปชิมฝีมือ 4 เชฟอาหารไทย กับดินเนอร์สุดพิเศษ ที่ ห้องอาหาร ชมสินธุ์ (ChomSindh) นำโดย เชฟบูม-กันต์ยรัตน์ หนึ่งใน 3 ผู้เข้ารอบสุดท้าย The Next Iron Chef ซีซั่น 2 เขามีร้านอาหารของตัวเอง 4 แห่ง ก็คือ Chunky,ข้าวหนมจีน, Blueshark Café Koh Tao และ Boom’s Cookies
เชฟเบลท์-เอกชัย แสงกาศนีย์ ผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย Top Chef Thailand ซีซั่น 3 เป็นเชฟที่สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ใน อาหารไทย ปัจจุบันเป็นเจ้าของร้าน Chunky เป็นที่ปรึกษาให้เชฟ และรับสร้างสรรค์อาหารในงานแบบไพรเวท เชฟบอย-ปิยะชาติ พุทธวงษ์ ที่ปรึกษาของห้องอาหารชมสินธุ์ เชี่ยวชาญทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติ
เคยทำงานในร้านอาหารไทยที่คว้าดาวมิชลินปี 2019 เขาเชี่ยวชาญทั้งอาหารคาว-หวาน และ เชฟประวีณ ดีลี หัวหน้าเชฟรุ่นใหม่ไฟแรง ของห้องอาหารชมสินธุ์ ตั้งใจทำอาหารอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลักดันเรื่อง Zero Waste พร้อมใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นทั่วไทย เขายังปลูกพืชผักสมุนไพรไว้ที่ชั้น 8 ของ โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ อีกด้วย
4 เชฟอาหารไทย กับดินเนอร์สุดพิเศษ ที่ ห้องอาหารชมสินธุ์ (ChomSindh) ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการรวมตัวกันของเพื่อนร่วมสถาบัน วิทยาลัยดุสิตธานี ที่พอเรียนจบต่างก็แยกย้ายไปทำงาน และยังเฝ้ามองซึ่งกันและกันในเส้นทางของการเป็น เชฟอาหารไทย
จึงเป็นที่มาของการร่วมมือรังสรรค์ อาหารไทย จานพิเศษ Long Lost Recipe เมนูที่หายไปอาทิ มูสหลนเต้าเจี้ยวเนื้อปู กับเจลเสาวรส เป็นอาหารโบราณตำรับชาววัง สมัยก่อนคนไทยยังไม่มีน้ำปลาใช้ จึงอาศัยความเค็มจากเต้าเจี้ยวหมัก จานนี้เสิร์ฟมาในยุคสมัยปี 2024 ใส่เทคนิคการทำอาหารแบบยุโรปผสมผสานได้อย่างลงตัว
หมูหวานชวนชิม ประทับใจตั้งแต่จานที่เรียกว่า The Overture เป็นการเปิดมื้อด้วย ขนมปังที่ทำมาจากข้าวหอมมะลิ เสิร์ฟพร้อมกุ้งแห้ง และเนยใส่พริก ตามมาด้วย ของว่าง 2 แบบ ก็คือ ไข่เต่ากับน้ำพริกหนุ่ม โดย เชฟบูม-กันต์ยรัตน์ แล้วยังมี ทาร์ตน้ำพริกไข่ปู กับมูสมันปู ตามด้วย คาร์ปาชิโอ เนื้อปลาเก๋า กับซอสซีฟู้ด น้ำมันมะกอก แนมกับแตงกวาดองหมักเหล้าขาว แรงบันดาลใจมาจาก กุ้งแช่น้ำปลา
ขนมปังที่ทำมาจากข้าวหอมมะลิ เสิร์ฟพร้อมกุ้งแห้ง และเนยใส่พริก
4 เชฟอาหารไทย กับดินเนอร์สุดพิเศษ ที่ ห้องอาหารชมสินธุ์ (ChomSindh)
เชฟบูม-กันต์ยรัตน์ ยังคงรังสรรค์ อาหารไทย โบราณตำรับชาววัง อย่าง มูสหลนเต้าเจี้ยวเนื้อปู กับเจลเสาวรส พร้อมเล่าว่าสมัยโบราณสยามประเทศยังไม่มีการหมักน้ำปลา จึงอาศัยความเค็มจากเต้าเจี้ยวแทน
ของว่าง 2 แบบ ไข่เต่ากับน้ำพริกหนุ่มและทาร์ตน้ำพริกไข่ปู กับมูสมันปู
คาร์ปาชิโอ เนื้อปลาเก๋า กับซอสซีฟู้ด
แล้วเราก็เดินทางเข้าสู่จานแรกของ มื้อค่ำสุดพิเศษ The Beginning ฝีมือ เชฟประวีณ ดีลี นำเสนอ แกงรัญจวนกะทิ เนื้อตุ๋น หอมกรุ่นกะปิที่อยู่ในน้ำแกง พร้อมเนื้อวัวตุ๋นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ย่อยง่าย ละลายในปาก พร้อมด้วยสมุนไพรอย่าง ตะไคร้ ใบโหระพา เสิร์ฟพร้อมโฟมกะทิและผงโหระพา
ไก่กอและ ย่างถ่านหินกะลามะพร้าว
ตามมาด้วย ไก่กอและ ซึ่งเชฟจะนำไก่ไปหมักและปรุงแบบทางใต้ ปั่นจนเข้าเนื้อก่อนปรุงสุก เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มอาจาดใส่แตงกวาและหอมแดง
เชอร์เบทข้าวแช่ กับเจลดอกไม้
ล้างปากด้วย เชอร์เบทข้าวแช่ กับเจลดอกไม้ สูตรของ เชฟบอย-ปิยะชาติ พุทธวงษ์ เสิร์ฟพร้อมเจลที่ทำจากดอกไม้กินได้ ชัทนีย์ไชโป๊วหวาน มะม่วงน้ำปลาหวาน สับปะรด และซอสกระชาย มีน้ำลอยดอกไม้มาเติมสีสันตามใจชอบด้วยนะ
กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ ก้บซอสมะขามและข้าวหุงมันกุ้ง ด้านบนมีดอกของมะตูม ให้ความรู้สึกคล้ายกับสะเดา น้ำปลาหวาน
แล้วก็มาถึง Main Course by Chef Belt ในค่ำคืนที่มีธีมว่า Long Lost Recipe มีมาลิ้มลองกันทั้ง 2 เมนูก็คือ กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ กับซอสมะขามและข้าวหุงมันกุ้ง และ
เนื้อวากิวย่างถ่าน กับแกงใต้และข้าวหุงกะทิ
เนื้อวากิวย่างถ่านเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ
เนื้อวากิวย่างถ่าน กับแกงใต้และข้าวหุงมะลิ กุ้งหวานเกาะยอ และ ปลาข้าวสารทอด เสิร์ฟพร้อมชัทนีย์สับปะรด น้ำจิ้มซีฟู้ด โดยเชฟเบลท์ เป็นคนคิดทั้งสองเมนู โดยอธิบายว่า ข้าวมันแกงไก่ เป็นอาหารเช้าของคนสงขลา หาดใหญ่
'ข้าวเหนียวมะม่วง' ทำจากข้าวเหนียวลืมผัว จากเชียงใหม่ และมะม่วงน้ำดอกไม้ หวานฉ่ำ
มาถึงเมนูส่งท้าย The Finale Dessert by Chef Boy เป็นข้าวเหนียวมะม่วง ที่เชฟใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูจากจังหวัดเชียงใหม่ ปลูกแบบออร์แกนิค เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมน้ำนมข้าวยาคูกินคู่กับซอสบ๊วย และทองม้วนกรอบ
ขนมถ้วย ขนมเบื้อง ขนมสอดไส้
ส่วนขนมกินเล่นปิดท้ายมื้ออาหาร หรือ Petit Fours น่ารับประทานทั้งนั้น แม้ หมูหวานชวนชิม อิ่มมากทว่าเมื่อเห็นหน้า ขนมไทย อาทิ ขนมถ้วย ขนมเบื้องไส้ฝอยทอง ก็ต้องฟื้นคืนชีพอีกครั้ง รับประทานด้วยความ อร่อย
‘4 เชฟอาหารไทย’ กับดินเนอร์พิเศษ Long Lost Recipe ที่ ‘ห้องอาหารชมสินธุ์’
พูดถึง ห้องอาหารชมสินธุ์ (ChomSindh) แห่งนี้เขานำเสนอเมนูอาหารไทย ที่หารับประทานได้ยาก โดยนำสูตรต้นตำรับมาปรับให้ร่วมสมัยยิ่งขึ้น สำหรับวัตถุดิบหลักที่เป็นตัวชูโรงคืออาหารทะเล และของสดจากแม่น้ำ อาทิ ล็อบสเตอร์จากภูเก็ต ปูจาก ประจวบคิรีขันธ์ และกุ้งแม่น้ำจากอยุธยา เป็นต้น
'โน่-ปาเจร พัฒนศิริ' ระนาดเอกแนวใหม่ ร่วมบรรเลงเพลงในค่ำคืนสุดพิเศษ
ชมสินธุ์ ยังเลือกใช้วัตถุดิบทั้งหมดจากผู้ผลิตโดยตรงทั่วประเทศไทย และใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกให้มากสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นสร้างการบริโภคอย่างยั่งยืน เช่นเดียวกับกระบวนการในห้องครัวซึ่งเชฟประวีณจะใช้ทุกส่วนของวัตถุดิบอย่างรู้คุณค่า เช่น ใช้ก้างปลามาทำน้ำสต็อก หรือทำผงปรุงรสจากเปลือกกุ้ง ตรงกับหลักการ Zero Waste หรือแนวคิดลดขยะให้เป็นศูนย์
‘แกงรัญจวนกะทิ เนื้อตุ๋น’
‘แกงรัญจวนกะทิ เนื้อตุ๋น’ มีการเทน้ำซุปร้อนๆ ที่โต๊ะ ทำให้ดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น
สำหรับเมนูไฮไลท์ประจำห้องอาหารแห่งนี้อาทิ ‘ยำมะเขือยาวปลาสลิด’ อาหารเรียกน้ำย่อยที่จะสร้างความอร่อยจากสัมผัสอันแตกต่าง ระหว่างความกรุบกรอบของปลาสลิดทอด และเนื้อนุ่มละมุนของมะเขือยาว พร้อมน้ำยำรสชาติจัดจ้าน
‘มูสหลนเต้าเจี้ยวเนื้อปู กับเจลเสาวรส’
ไอศกรีมข้าวกระยาคู เจลมะยงชิด กับทองม้วน
‘แสร้งว่ากุ้ง’ อาหารไทยโบราณ ที่จะพาเราไปสัมผัสความแน่นของเนื้อกุ้ง ที่จับได้ตามธรรมชาติ ‘พระรามลงสรงกับล็อบสเตอร์ภูเก็ต’ เป็นจานหลักที่ ‘เชฟประวีณ’ ปรุงให้มีรสจัดจ้านด้วยพริกเผา ใช้ผักบุ้งจีนออร์แกนิก มีรสหวานแบบธรรมชาติ ‘นารีกรรแสง’
เป็นอีกหนึ่งเมนูโบราณ ที่ใช้กุ้งทะเลเป็นส่วนประกอบหลัก เพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยสามเกลอ พริกแห้ง ใบกะเพรา กินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ ซึ่งทางห้องอาหาร ชมสินธุ์(ChomSindh) เขาเลือกใช้ข้าวหอมมะลิจากจังหวัดสุรินทร์
ห้องอาหารชมสินธุ์ (ChomSindh) ตั้งอยู่ที่ ชั้น 4 โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12:00 น. – 23:00 น. โทร: 02 653 9000