‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง ‘สเต็กเฮาส์’ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ หรูหรา บนชั้น 55 โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ เชิญไป อร่อย ทั้งมื้อกลางวัน และมื้อค่ำ แนะนำเมนูใหม่ ‘ปลากะพงฝรั่งเศส’ เฟรนช์ ลูพ เดอ แมร์ (French Loup De Mer) และ Toothfish เนื้อนุ่มซอสดี

Bull & Bear อยู่บนชั้น 55 โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ มองเห็นทิวทัศน์มุมสูงของกรุงเทพมหานคร ภายใต้บรรยากาศห้องอาหารแบบ ไฟน์ไดนิ่ง ล่าสุดได้ปรับเมนูอะลาคาร์ท พร้อมแนะนำอาหารจานใหม่

ที่หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหารฯ เชฟจิ๋ว หรือ  หทัยรัตน์ อุระพันธมาศ รังสรรค์ขึ้นจากความทรงจำ เนื่องจากเธอมีความประทับใจในการเดินทางท่องเที่ยว เคยผ่านรสชาติ อร่อยโดดเด่น จากวัตถุดิบพรีเมี่ยม ที่เป็นไฮไลท์ประจำท้องถิ่น จึงนำมารังสรรค์เมนูใหม่เสิร์ฟแล้ววันนี้ ทั้งอาหารมื้อกลางวัน และมื้อค่ำ

สเต็กเฮาส์ ที่นี่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก นิวยอร์ก เน้นความเข้มข้น จุดสัมผัสข้างนอกของเนื้อสเต็กจะมีความกรอบ เน้นในเรืองของการใช้ไฟ เป็นชาร์โคลกริลล์ที่ใช้เตาถ่าน เนื้อข้างนอกเข้มอาจจะดูดำๆหน่อย

เมื่อเดือนมีนาคม 2567 ก็ได้นำเสนอเมนูใหม่ ยังคงเป็นประสบการณ์ที่เราประทับใจ เช่นการเดินทาง การได้ร่วงงานกับเชฟต่างชาติ นำมาคิดเป็นเมนูใหม่ให้ลูกค้าได้มาสัมผัสประสบการณ์ที่อาจจจะยังไม่เคยทานจากที่ไหนมาก่อน”

เชฟจิ๋ว-หทัยรัตน์ อุระพันธมาศ เล่าต่อว่า ในเรื่องของ ‘เนื้อ’ ทุกท่านอาจจะมีตัวเลือกอื่นๆ เพราะใน กรุงเทพมหานคร มี ร้านสเต็กเฮ้าส์ ชื่อดังหลายแห่ง ทว่า Bull & Bear อยู่บนชั้น 55 โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ ทิวทัศน์ดี

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ สเต็กเนื้อแบล็คแองกัส (Black Angus)มันน้อยถูกใจหมูหวานชวนชิม

ไฟน์ไดนิ่ง หรูหรา พรีเมียม เสิร์ฟ สเต็กสไตล์นิวยอร์ก มีวาไรตี้ของเนื้อให้เลือก อาทิ เนื้อวัวแบล็คแองกัส (Black Angus) ลีนๆไม่มีไขมันแทรกเยอะ มีทั้งเนื้อวากิวสายพันธุ์แท้ จากออสเตรเลีย กับสายพันธุ์ผสม เนื้อวากิวญี่ปุ่นให้เลือก อร่อย ตามใจ

“นอกจากเนื้อแล้ว ซีฟู้ด ที่นี่ก็เด่น วัตถุดิบดี สดใหม่ปรุงออกมาเข้มข้นถึงใจ จิ๋วรู้สึกว่าอาหารฝรั่งแบบคลาสสิคก็อร่อย ทำให้เราได้แรงบันดาลใจ แต่คนไทยอย่างเราชอบรสจัดๆ  ก็เลยทำอาหารออกมาเน้นที่ซอสเข้มข้น น่าจะถูกปากคนไทย และช่วงคริสต์มาส ไปจนถึงปีใหม่ ก็จะมีเมนูพิเศษออกมาขายเฉพาะ 2 เดือน ก็คือธันวาคม กับมกราคมด้วยค่ะ” เชฟจิ๋วกล่าว

วันนี้ หมูหวานชวนชิม ขอแนะนำเมนูใหม่ ห้องอาหารบูล แอนด์ แบร์ (Bull & Bear)  อาทิ อาทิ Toothfish  หรือ ปลาหิมะ ซอสพิเศษจาก เชฟจิ๋ว ได้ลิ้มรสซอสเคลือบบางๆแต่เข้มข้น อร่อย ถูกใจเลยทีเดียว เชฟจิ๋วเล่าว่า เธอพิถีพิถันในการทำซอส ซีฟู้ด ปลา หมู จะมีซอสต่างกัน

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ Toothfish จานนี้ อร่อยมาก ถูกใจคนชอบปลาหิมะ 

อย่างเช่น ปลา ซอสต้องเคลือบด้านนอกมีความกรุบกรอบ ด้านในยังคงชูความสดหวานของเนื้อปลา ส่วนหมู มีรสชาติเข้มข้นกว่าปลา ตัวซอสก็ต้องเข้มข้นไปด้วย  เชฟมีการสกัดกาแฟเอสเพรสโซผสมผสานในตัวซอส เพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมมีเอกลักษณ์

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ ปลากะพงฝรั่งเศส  เฟรนช์ ลูพ เดอ แมร์ (French Loup De Mer)  เนื้อแน่น ไขมันสูงกว่าปลากะพงบ้านเรา

ส่วน ปลากะพงฝรั่งเศส เชฟเน้นรสชาติวัตถุดิบ ยึดแบบแผนที่ศึกษาจากตำราเชฟยุโรป เป็นแนวเมดิเตอร์เรเนียน ที่เชฟจิ๋วสั่งสมประสบการณ์ และมีความรู้เรื่องวัตถุดิบ

ปลากะพงฝรั่งเศส  เฟรนช์ ลูพ เดอ แมร์ (French Loup De Mer)  เนื้อแน่น ไขมันสูงกว่าปลากะพงบ้านเรา เสิร์ฟพร้อมแอนโชวี่ขาว แพนเชตต้า (เบคอนสไตล์อิตาเลี่ยน) และซอสครีมถั่วลันเตา กรอบ เนื้อลีนชุ่มฉ่ำ

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ Celeriac Soup

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ ขนมปังฝรั่งเศส(บาแก๊ต) ยังอร่อย 

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ สลัดบลูแอนด์แบร์

นอกจากนั้นยังมีเมนูไฮไลท์ อาทิ ทูน่า ทาทากิ เสิร์ฟพร้อมซอส และแครกเกอร์สาหร่ายญี่ปุ่น พร้อมไข่ปลา  คาเวียร์จากแบรนด์ Avruga  และ

ราวิโอลีเป็ดรมควันครีมเห็ดพอร์ชินี  เสิร์ฟพร้อมผักเคลทอดกรอบ อินทผาลัม และซอสสูตรพิเศษ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีเมนู อร่อย ตลอดกาลห้ามพลาดอย่าง

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ Hokkaido Scallop

Celeriac Soup เป็นรากของเซเลอรี่ โรยหน้าด้วยเฮเซิลนัท กับขนมปังกรอบ ยังมีรากเป็นเส้นๆของเซเลอรี่ การันตีความเป็นของแท้อีกด้วย

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’

Sustainable Lobster Themidor

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ Truffle Mac & Cheese

เมนู Truffle Mac & Cheese เพื่อนร่วมโต๊ะชื่นชอบมาก  อีกเมนูที่ หมูหวานชวนชิม ไม่อยากพลาดก็คือ Sustainable Lobster Themidor จานนี้มี Cruyere Cheese เพิ่มความอร่อย เป็นล็อบสเตอร์จากประมงยั่งยืน  ตัวไม่โตมากหนักประมาณ 500-600 กรัม

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ Madong Chocolate Mousse

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ Strawberry Short Cake

อิ่มแล้วอย่าลืมจบสวยๆ ด้วยขนมหวาน คราวนี้ลองชิม Madong Chocolate Mousse กับ Strawberry Short Cake จิบชากาแฟส่งท้ายมื้อเที่ยงแสนอร่อย ต้องบอกว่า

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ ภายในห้องอาหารบลู แอนด์ แบร์ 

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ ห้องอาหาร Bull & Bear  เหมาะทั้งอาหารมื้อเที่ยงมองเห็นทิวทัศน์กรุงเทพมหานครสวยงามสุดลูกตา มื้อค่ำแสนโรแมนติก มองเห็นแสงไฟกรุงเทพฯในยามราตรี ดีต่อกายและใจ  

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ อาหารอร่อยๆแกล้มวิว ชั้น 55 โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ

ห้องอาหารบูล แอนด์ แบร์ (Bull & Bear) โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ  เปิดให้บริการทุกวัน สำหรับมื้อกลางวัน ระหว่างเวลา 11.30 น. – 14.30 น. และมื้อค่ำ ระหว่างเวลา 17.30 น. – 22.00 น. 

อาหารจานเดี่ยวราคาเริ่มต้นที่  590++  บาท เซตเมนูอาหารกลางวันจำนวน 3 คอร์ส ราคาเริ่มต้นที่ 1,300 บาท++/ท่าน

‘Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่ง โทร. 02 846 8888 หรือ [email protected]