‘ปิ่นโต’ เซตอาหารกลางวัน ที่ ‘Blue Elephant Bangkok’
‘ปิ่นโต’ สำรับไทยน่ารักมีเอกลักษณ์ ‘เซตอาหารกลางวัน’ ที่ ‘เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้’ แห่ง Blue Elephant Bangkok (บลู เอเลเฟ่นท์) คิดขึ้นเพื่อเป็นมื้อด่วน ให้พนักงานออฟฟิศ ได้ อิ่ม อร่อย ราคาจับต้องได้ เสิร์ฟตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ เมนูพิเศษของแต่ละวันไม่ซ้ำ
วันนี้ หมูหวานชวนชิม มาถ่ายรายการ หมูหวานชวนชิมริด้าชวนชิล ที่ ร้าน Blue Elephant Bangkok (บลู เอเลเฟ่นท์) พบกับ ความอร่อย บน ถนนสาทร ดื่มด่ำกับเซตอาหารกลางวัน สไตล์ ปิ่นโต สำรับไทยที่ฝรั่งเห็นแล้วต้องยิ้มเพราะหลงเสน่ห์
อีกทั้งย่านนี้เต็มไปด้วยออฟฟิศ และใกล้กับสถานทูตต่างๆ เชฟนูรอ ต้องการให้ลูกค้าย่านนี้ได้อิ่มแบบด่วนๆ แถมยังอร่อย ก่อนกลับเข้าไปทำงาน ตั้งราคาไว้ไม่สูงเกินเอื้อม ครั้งนี้ อาหารไทย ในปิ่นโต มีทั้งอาหารเหนือ อาหารภาคกลาง อาหารใต้ นำมาจัดสำรับตลอดวันทำงานก็คือ จันทร์-ศุกร์ อร่อย อร่อยได้ทุกวัน
เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ เจ้าของร้าน Blue Elephant Bangkok เล่าให้ หมูหวานชวนชิม ฟังว่า
“เราอยากให้ลูกค้าได้ชิมอาหารหลากหลายในสำรับ อาหารไทย นำเสนอวิถีชีวิตคนไทยที่กินอาหาร มีซุป แกง ยำ ขนมหวาน วันนี้เป็นวันอังคาร บก็จะมีเมนูแสร้งว่า เป็นอาหารโบราณ มีปอเปี๊ยะกุหลาบ ต้มข่าเนื้อปู เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าว แก้มวัวตุ๋น ปลาหิมะซอสมะขาม
เป็นอาหารที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติชื่นชอบ มีอาหารไทยขึ้นชื่ออย่างต้มข่าด้วย ไฮไลท์ก็คือ ต้มข่าเนื้อปู ซึ่งชาวต่างชาติอาจจะไม่เคยสัมผัส หรือสำหรับบางคนที่ไม่ชอบรับประทานเนื้อไก่ ก็สามารถทานได้”
พานาคอตต้ารสต้มข่า ท็อปด้วยคาเวียจากหัวหิน และมมะนาวจากสระบุรี
อีกหนึ่งไฮไลท์ก็คือ แสร้งว่าปลาดุกฟู ส่วนขนมหวาน ประจำวันนี้ก็คือ ข้าวเหนียวเปียกลำไย ทางร้านใช้น้ำมะพร้าวแทนน้ำเปล่า เชฟนูรอ เล่าว่า ปัจจุบันนี้ลูกค้าต่างชาติ นอกจากจะรู้จัก ต้มยำกุ้ง ผัดไทย ต้มข่าไก่ แล้ว
ยังรู้จัก ผัดกะเพรา เธอได้นำแก้มวัวไทยไปกงฟี (Confit) จนเปื่อยนุ่ม ไม่มีกลิ่นสาบ นำมาผัดกะเพรา ลูกค้าชอบมาก หากใครไม่รับประทานเนื้อ จะเปลี่ยนเป็นกะเพราไก่ กะเพรากุ้ง กะเพราหมู ก็ อร่อย ไม่แพ้กัน
เชฟนูรอ เล่าต่อไปว่า “แก้มวัวลงตัวที่สุด เป็นอะไรที่พิเศษมาก ทำยาก ส่วนไฮไลท์วันพฤหัส จะมียำมะเขือม่วง เราใช้มะเขือม่วงจากโครงการหลวง ใส่หอยเชลล์ลงไปด้วย สำหรับคนที่กินเจ
ทอดมันหัวปลี
มัสมั่นน่องแกะ เสิร์ฟมากับโรตีกรอบ
โรตีเนื้อหนาๆ กรอบนอกนุ่มใน
เราก็จะมี ทอดมันหัวปลี เวลาเคี้ยวจะกรุบๆ อร่อย ไปอีกแบบ แล้วยังมี ปลาอินทรีย์ผัดพริกขี้หนู ใบกะเพราป่า และมี เพอรานากันแกงตูมี้กุ้งแชบ๊วย
ซึ่งเพอรานากันนี่เป็นอาหารใต้ ลูกครึ่งจีนผสมภูเก็ตและมาเลย์ ส่วนดิฉันเป็นคนเบลเยียม ก็เลยทำเมนู ช็อกโกแลตมูส ช็อกโกแลตจากเบลเยียม เสิร์ฟกับไอศกรีมวานิลลา เป็นไฮไลท์ขนมหวาน ”
ต้มขมิ้นปลาหิมะในถ้วยร้อน ใต้ถ้วยมีไฟทำให้อาหารอุ่นตลอดเวลา
อาหารของ Blue Elephant จะเต็มไปด้วย Story เล่าเรื่องที่มาที่ไป มีความสนุกสนาน เพื่อให้ชาวต่างชาติได้เข้าใจวัฒนธรรมอาหารของประเทศไทย คนไทยเองเมื่อได้ฟังก็ยิ่งภูมิใจในความเป็นไทย นอกจาก บลู เอเลเฟ่นท์ กรุงเทพฯ
‘ข้าวเหนียวเปียกลำไย’ ทางร้านใช้น้ำมะพร้าวแทนน้ำเปล่า
Blue Elephant Bangkok Sathorn จะเป็น ร้านอาหารไทยชาววัง แล้ว ทื่นี่ยัง มี โรงเรียนสอนทำอาหาร เชฟนูรอเล่าให้หมูหวานชวนชิมฟังว่า วัตถุดิบส่วนใหญ่ที่ใช้ในร้าน เป็นของไทย 90 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้ง ‘แก้มวัว’ ที่ได้ชิมในวันนี้ เป็นไทยวากิวเกรดพรีเมียม พยายามสนับสนุนเกษตรกรไทยทุกรูปแบบ
เซตอาหารกลางวัน
เชิญไปย้อนอดีต รับประทาน อาหารไทย อร่อยๆ กับเซตอาหารกลางวัน สำรับ ปิ่นโต วันจันทร์-ศุกร์ ท่ามกลางบรรยากาศบ้านประวัติศาสตร์ อาคารสไตล์โคโลเนียล ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากร ไทย อยู่หน้าอาคารหอการค้าไทย-จีน ถนนสาทร
บลู เอเลเฟ่นท์ กรุงเทพฯ เปิดบริการทุกวัน จันทร์-อาทิตย์ มื้อกลางวันเวลา 11.30 น. รับออร์เดอร์สุดท้าย 14.30 น. มื้อเย็นเวลา 18.00 น. รับออร์เดอร์สุดท้าย เวลา 22.30 น.
เครื่องดื่มมีให้เลือกหลากหลาย
รายการ 'หมูหวานชวนชิมริด้าชวนชิล' กระทบไหล่ 'เชฟนูรอ'
บรรยากาศภายใน ร้าน บลู เอเลเฟ่นท์ กรุงเทพฯ
โถงบันไดชั้น 2
ชั้นล่างมีมุมจำหน่ายสินค้าของแบรนด์ฯ อาทิเครื่องแกงต่างๆ
Blue Elephant Bangkok Sathorn
Blue Elephant Bangkok Sathorn เลขที่ 233 ถนนสาทรใต้ เขตยานนาวา กรุงเทพฯ (BTS สถานีสุรศักดิ์)เปิดบริการทุกวัน จันทร์-อาทิตย์
โทร. 02 673-9353 และ 02-673 9356