‘โอเด้ง’ บาร์ลับ ใน ซอยสุขุมวิท 41 นามว่า ‘โอบันไซ คิตาโร่’

‘โอเด้ง’ โอใจต้องไปร้านนี้ ‘โอบันไซ คิตาโร่’ OBANZAI KITARO บาร์ลับ ที่ไม่ลับ ในซอยสุขุมวิท 41 ดื่มกินแบบคนญี่ปุ่น
เห็นคำว่า บาร์ลับ หลายคนอาจจะนึกในใจไปต่างๆนานา หมูหวานชวนชิม เองก็เคยรู้สึกกับคำๆนี้ มีคำถามว่า ‘ลับตรงไหน’ ทว่าถ้ามีร้านอาหารที่เราไม่ได้สนใจแล้วเดินผ่านไป ความอร่อย ความประทับใจ ยังคงถูกเก็บไว้เป็นความลับ จนกว่าจะได้เข้าไปสัมผัส
ครั้งนี้ก็เช่นกัน เพื่อนกินคนหนึ่งเธอเธอเอ่ยถึงชื่อร้าน ‘โอบันไซ คิตาโร่’ OBANZAI KITARO หลังจากพวกเราไปดูแสงเหนือที่ท้องฟ้าจำลอง ออกมาแล้วรู้สึกหิว ก็เลยออกตามหา ร้านโอเด้ง เพราะท้องฟ้าจำลองกับ ซอยสุขุมวิท 41 ไม่ไกลกันมาก
ร้านเปิด 17.30 น.พอดี ทางร้านบอกว่า ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ถ้าไม่จองมาก็ไม่สามารถนั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์ได้ เสียดายเป็นยิ่งนัก พวกเราถูกเกณฑ์ให้ขึ้นชั้น 2 ก็รู้สึกมีความเป็นส่วนตัวไปอีกแบบ
เรา 3 คน ศึกษาดูใจเมนูอาหารสักพัก เพื่อนๆก็ลงความเห็นให้ หมูหวานชวนชิม เป็นคนสั่งอาหาร ยกความรับผิดชอบให้ผู้เชี่ยวชาญ (ฮา)
จุดประสงค์เดียวที่อยากมาร้าน โอบันไซ คิตาโร่ คืออยากกิน โอเด้ง เท่านั้น ว่าแล้วเราก็สั่ง เมนูเบาๆ ตกลงกันว่าจะไม่รับประทานข้าว แล้วเราก็สั่งเบียร์ญี่ปุ่นมาดื่มฉลองให้สมกับเป็นเย็นวันศุกร์แห่งชาติ
เริ่มจากเมนู สลัดเต้าหู้ราดซอส ราคา 180 บาท ความอร่อย เป็นที่ประจักษ์แก่ทั้งสามคน ในฐานะนักชิมที่เพื่อนไว้ใจ ก็เลยรอดตัวเมื่อเพื่อนๆพูดคำว่า อื้มมม... อร่อย
จานนี้เป็นการรวมตัวของผักอย่างกะหล่ำปลีม่วง กะหล่ำขาวปลีซอย มะเขือเทศ ผักสลัดกรีนโอ๊ค ท็อปปิ้งด้วยเต้าหู้ญี่ปุ่นนุ่มๆเย็นๆ ราดด้วยซอสงาญี่ปุ่นมีความเปรี้ยวๆหอมๆสดชื่น โรยหอมเจียวทอดมาเพิ่มความกรอบด้วย
อาหารญี่ปุ่น จานถัดมาเป็น เต้าหู้ร้อนใส่คอมบุ จานนี้ 150 บาท ปกติเราจะสั่ง เต้าหู้เย็น ราดซอสโชยุด้านบนมีขิงดองขูด ไชเท้าขูด และวาซาบิ โรยต้นหอมซอย ทว่าคราวนี้เป็นเต้าหู้ร้อน เนื้อเต้าหู้นุ่มเนียนละเอียด
มีความเหนียวนิดๆ ตามสไตล์เต้าหู้ญี่ปุ่น เสิร์ฟมาร้อนๆ ท็อปปิ้งด้วยสาหร่ายชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น และต้นหอมซอย บอกเลย อร่อย ไม่ผิดหวัง
สลัดเต้าหู้ราดซอส
หอยตลับต้มสาเก ราคา 280 บาท เพื่อนๆบอกว่าน้ำซุปมีความขม ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ หมูหวานชวนชิม ชอบเนื่องจากความขมนิดๆนั้นมาจากเปลือกเลมอน จึงออกรสเปรี้ยวๆผสมขมนิดๆ มีความหอมของหอยตลับ เค็มจากเกลือ ได้กลิ่นอายของทะเล ญี่ปุ่น จึงชอบซุปหอยร้อนๆถ้วยนี้มาก
เนื่องจากจะดื่มเบียร์ญี่ปุ่นกัน จึงสั่ง ครีบปลากระเบนย่าง (Eihire) มีรสออกหวานๆ คล้ายๆปลาริวกิวที่ซื้อจากทะเลบางแสน ยิ่งเคี้ยวยิ่งมัน จานนี้สั่งเบิ้ลในภายหลัวด้วยนะ
และ แปะก๊วย (Ginnan) อบมาทั้งเปลือกหอมกรุ่น มีเกลือเกาะด้านนอกเล็กน้อย แกะรับประทานร้อนๆ แกล้มเบียร์อร่อยสุดๆ
กลัวเพื่อนๆ ไม่อิ่ม ก็เลยสั่ง ไก่ทอด ครึ่งตัว 350 บาท ปรากฏว่า ทุกคนประทับใจ ทราบภายหลังว่าเขาใช้เกลือที่ทำจากสาหร่ายธรรมชาติหมักดองอย่างพิถีพิถันไว้ถึง 2 วัน แล้วนำมาทอด เนื้อไก่ด้านในนุ่มละมุน รสชาติเค็มๆหอมๆ หนังไก่บางไร้มัน สุดประทับใจ
เพื่อนตั้งใจมาหม่ำ โอเด้ง ขอพูดถึงโอเด้งท้ายสุดเพราะเรื่องมันยาว พอเราเข้าไปในร้าน โอบันไซ คิตาโร่ (OBANZAI KITARO) ที่มีลักษณะเป็นตึกแถว 1 ห้อง
โอเด้ง มีคือวัตถุดิบต่างๆที่ต้มในน้ำซุปสาหร่ายคอมบุกับปลาแห้งคัตสึโอะบุชิ มีให้เลือกหลากหลาย ทว่าพวกเราสั่งแบบที่ชอบอาทิ หัวไชเท้า ไข่ญี่ปุ่น ลูกชิ้นปลาเส้น ฟองเต้าหู้ห่อแป้งโมจิ
เพื่อนๆไม่ค่อยชอบ ฟองเต้าหู้ห่อแป้งโมจิ เพราะไม่คุ้นเคยกับความเหนียวของแป้งที่สอดไส้ในฟองเต้าหู้ แต่ หมูหวานชวนชิม กลับชอบมาก เพราะชอบแป้งโมจิอยู่แล้ว และชอบฟองเต้าหู้ด้วย พอมารวมกันแล้วก็อร่อยไปอีกแบบ ไปคราวหน้าต้องสั่งซ้ำแน่นอน คราวหน้าจะลองสั่ง เต้าหู้ทอดต้มน้ำโอเด้ง เอ็นเนื้อตุ๋น เส้นชิราทากิ (บุก) ทอดมันปลาหมึก ด้วยนะ
นอกจากนั้นเรายังสั่ง ลูกปลาซาร์ดีนย่าง ราคา 3 ตัว 100 บาท พอจานนี้มาเสิร์ฟ เพื่อนๆมองตากันแล้วหัวเราะ เอ็นดูในความตัวเล็กมากของเจ้าลูกปลา เพราะต่างคิดว่ามันน่าจะตัวใหญ่กว่านี้ ทว่ารสชาตินะหรือ? โอเคเลย มีความเค็มๆมันๆเข้ากันได้ดีกับเบียร์เย็นๆ
ค่าเสียหายเบาๆ
คราวหน้าถ้าได้ไป ร้านโอบันไซ อีกครั้ง จะสั่งปลาฮอกเกะย่าง, โซบะเย็นเส้นชาเขียว, ข้าวสามเหลี่ยมย่างใส่น้ำโอเด้ง.ลิ้นปลาวาฬกับผักมิซึนะ รวมทั้ง รากโกโบทอด ซึ่ง ‘โกโบ’ นั้นเป็นรากไม้มหัศจรรย์ เป็นรากของหญ้าเจ้าชู้ชนิดหนึ่งในญี่ปุ่น ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีคุณสมบัติทางยาอีกด้วย
ของเล่นบนชั้น 2
ก็คือช่วยบำรุงเลือด เชื่อว่าช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ต่อต้านเบาหวาน นำมาทำอาหารได้หลายอย่าง ชาวเกียวโตนิยมนำมาทอดกรอบ คล้ายๆกับมันฝรั่งทอด นอกจากนั้นยังมีโกโบนึ่ง โกโบตุ๋น สลัดโบโบย่าง หรือจะนำมาใส่ในผัดผักรวมก็ได้
สรุปแล้ว OBANZAI KITARO ไม่ใช่ บาร์ลับ หรือ ร้านลับ สำหรับพวกเราอีกต่อไป เพราะทุกคนได้รู้จักแล้ว เดินเข้ามาใน ซอยสุขุมวิท 41 เลี้ยวซอยแรกขวามือ ร้านนี้จะอยู่ตรงตึกแถวด้านขวามือ แถบนั้นมีร้านอาหารมากมาย ทั้งอาหารไทย อาหารญี่ปุ่น
เจอกันครั้งต่อไปต้องทักทาย มิกะซัง (คิมูโระ มิกะ) เจ้าของร้านสาวชาวฮอกไกโด เสียหน่อย มาร้านนี้ ‘ญี่ปุ่น’ ก็แค่ปากซอยจริงๆ (ฮา)เพราะราวกับดื่มกินอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น