'โหรฟองสนาน' เผยดวงชะตา เมืองรัตนโกสินทร์ ปี 2567
"โหรฟองสนาน" เผยดวงชะตา เมืองรัตนโกสินทร์ ปี 2567 ตลอดปียังอยู่ในโหมดปฎิวัติเศรษฐกิจ - เกณฑ์เจ็บ - ตาย - เสียหาย - เศร้าหมู่โดดเด่นแรงไม่ตกตลอดปี แถมจากต้นปีถึงวันเกิดเมืองเรื่องร้ายยังกวนเมืองให้ระส่ำ
"โหรฟองสนาน" เปิดเผยคำทำนาย ดวงชะตา เมืองรัตนโกสินทร์ ปี 2567 ผ่าน ฟองสนาน จามรจันทร์ ระบุ ตลอดปียังอยู่ในโหมดปฎิวัติเศรษฐกิจ - เกณฑ์เจ็บ - ตาย - เสียหาย - เศร้าหมู่โดดเด่นแรงไม่ตกตลอดปี แถมจากต้นปีถึงวันเกิดเมืองเรื่องร้ายยังกวนเมืองให้ระส่ำ - เริ่มวันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2567 เป็นต้นไป ดาวใหญ่ - เล็ก พลิกร่วมอำนวยด้านบวกให้แบบชวนตะลึง - แถมดาวประจำชีพเมืองเป็นสิริมงคลของเมืองแข่งอะไรมักบวก - รัฐบาลยังเหนียวแต่ผู้นำระวังตายน้ำตื้น - ฝ่ายค้านออกแนวสายแข็งแต่เจอแรงกดดันไม่เลิก
ตลอดปี 2567 ปรากฎการณ์สำคัญที่จะเกิดในเมืองรัตนโกสินทร์ทั้งปีทั้ง ดี-ร้าย มีดังนี้
เกณฑ์ที่ 1 ออกแนวร้าย-ร้ายมาก เป็นระยะๆตลอดปี มีโอกาสเจ็บหมู่-ตายหมู่-เสียหาย-วิบัติฉับพลัน-เศร้าเสียใจในวงกว้างจะเกิดเป็นระลอกๆทั้งจากอุบัติเหตุร้ายแรง อาวุธปืน-ระเบิด-เลือด-ไฟพิษ-ควันพิษเกิดได้ทั้งบนดิน-ในน้ำ-ลมอากาศ-ไฟ (มฤตยูจร-เจ้าของภัยอาเพศเดินในราศีพฤษภทับพระอังคาร๓ดาวประจำชีพเมืองเป็นสื่อล่อเป้า)
บันทึกเป็นปูมโหรว่าเหตุร้ายนี้ตัวอย่างนำมาคือการสังหารหมู่ 38 ศพที่ อ.นากลาง หนองบัวลำภูเมื่อ 6 ตุลาคม 2565 แล้วซาไป
รอบใหม่จะเกิดขึ้นเป็นระลอกๆ ตั้งแต่ปลายปี 2566 - ข้ามมาปีใหม่ 2567 เริ่มด้วยเหตุกราดยิงที่สยามพารากอนจนกระทบนักท่องเที่ยวจีน - ฮามาสรบอิสราเอลที่คนไทยตายเกินสามสิบคนและถูกจับเป็นตัวประกันจำนวนหนึ่ง และเกิดแบบแรงไม่ตก ครั้นประมาณกลางตุลาคม 2567 สถานการณ์จะซาไปก่อนจะเริ่มรอบใหม่ปีต่อไป
เกณฑ์ที่ 2 ออกแนวบวกเป็นระยะๆตลอดปี คือ เสียอะไรแล้วสู้ผลจะได้กลับมาตลอดปี 2567 เป็นไปตามโฉลก ลาภคืนคง รณรงค์เรามีชัย (พระเสาร์จร7 เดินในราศีกุมภ์ภพสิบเอ็ด-ลาภะ
ปูมโหรบันทึกไว้เป็นตัวอย่างเกณฑ์นี้ที่ได้เกิดขึ้นแล้วตั้งแต่มีนาคม 2566 คือ จากที่เป็นลูกหนี้ไอเอ็มเอฟ.ไทยพลิกกลับเป็นเจ้าหนี้- เงินบาทไทยที่เคยเป็นความอัปยศของชาติคราววิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 พลิกกลับเป็นยืดหยุ่นแกร่งเป็นอันดับสองของโลกรองจากสวิสฟรังส์ตามรายงานของนิตยสารไฟแนลเชี่ยลไทม์
บริษัทการบินไทยจำกัดที่ต้องเข้าแผนฟื้นฟูพลิกถูกกระชากพลิกกลับเป็นทำกำไรในปี 2566โดยฝีมือของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และรอกลับเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นฯลฯ
เกณฑ์ที่ 3 เข้าสู่ปีที่สามในเจ็ดปีของการตีฝ่าสงครามเศรษฐกิจโลกและความล้ำสมัย-ปั่นป่วน(Disrupt)ไปทั้งโลก แล้วเมืองต้องปฏิวัติเศรษฐกิจเมืองไปพร้อมกัน -ในระดับยืนอยู่ข้างกำแพงพระนคร กรกฎาคม 2572 เราจะถามตัวเองว่าเศรษฐกิจของเมืองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
เป้าหมายคือหากทำได้ดีไทยจะหลุดจากประเทศกับดักรายได้ปานกลางไปสู่รายได้สูงในราวกลางปี 2572 - หากทำได้ไม่ดีก็จะติดกับดักต่อไป
ลีลากิจกรรมทางเศรษฐกิจปี 2567 จะแบ่งเป็นสองช่วง ดังนี้
3.1 ช่วงแรกตั้งแต่ต้นปี-21 เมษายน 2567 เศรษฐกิจยังสั่นไหว ด้วยปัจจัยลบมากกว่าบวกทั้งปัจจัยภายนอก และภายใน ตลาดหุ้นออกทรงเดินหน้าหนึ่งถอยหลังสอง
3.2 ช่วงที่สองตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน เป็นต้นไป-สิ้นปีสถานการณ์เศรษฐกิจพลิกกลับออกแนวบวกมากกว่าแนวลบ ข่าวดีเริ่มเข้ามาท่วมตลาด เป็นช่วงทองในการชิงลงมือของเมืองในการตีฝ่าสงคราม-ความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจ โดย
ก.กิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่ๆล้ำสมัยจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆบางส่วนจะเป็นฐานเศรษฐกิจสำคัญที่จะได้ใช้ต่อไป
ด้านร้าย อาจจะมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางส่วนที่อาจล้มหายตายจากด้วยถูกกระทบ-ปั่นป่วน(Disrupt) อย่างหนัก หรือต้องปรับ-เปลี่ยน-ปฏิวัติ-ต่อยอดเพื่อความอยู่รอดเช่นการลดคนลงเอาเครื่องจักรมาแทน โดยขอให้ดูเครดิตสวิสเป็นตัวอย่าง
ข.จะมีการเปลี่ยนแปลงมากในระบบเงินตรา-บทบาทของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะเจอสภาวะล้ำสมัย-ท้าทายมาก ต้องปรับตัวอย่างรุนแรงให้ทันสถานการณ์เศรษฐกิจล้ำยุค และคาดจะเห็นแววผุดขึ้นของเงินตราแบบใหม่ที่เห็นๆคือเงินเหรียญอินทนนท์ที่จะออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
ค่าเงินบาทนิ่งขึ้นกว่าช่วงก่อนวันเกิดเมือง
ค.ตลาดหุ้นมีโอกาสทำสถิติใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านมูลค่าซื้อขาย หรือมีผลิตภัณฑ์-กลุ่มธุรกิจใหม่เข้ามาในตลาดหุ้นเพิ่มมาให้เลือกลงทุน
ง.เริ่มจะเห็นความก้าวหน้าของโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่เช่นโครงการแลนด์บริจ หรือเมืองหลวงแห่งที่สอง
จ. กฎ-กติกาทางเศรษฐกิจใดที่เคยสร้างความอึดอัด-ผูกขาด-ตัดตอนเอื้อประโยชน์ต่อคนส่วนน้อย จะต้องเปลี่ยนแปลงใหญ่ไม่เช่นนั้นจะถูกท้าทาย-เปลี่ยนแปลง-ปั่นป่วน(Disrupt) หรือหากฝืนได้จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างเจ็บปวด
ภาคเอกชนใดที่คุ้นเคยกับกฎเกณฑ์เก่าหรือความได้เปรียบทางเศรษฐกิจแล้วทำอะไรแบบเดิมๆ ไม่ยอมปรับตัวหรือต่อยอดจะถูกกระทบอย่างรุนแรง
ตัวอย่างชัดธุรกิจเหล้าที่เคยครองตลาดผูกขาดไม่กี่รายในที่สุดก็ถูกปลดล้อคการผลิตที่เป็นนโยบายที่ได้ใจประชาชนของพรรคก้าวไกลที่ชูนโยบายสุราเสรี ทำลายการผูกขาด
ฉ. ปีนี้กลุ่มธุรกิจที่จะเปลี่ยนแปลง-กระทบอย่างรุนแรงในระดับไม่เปลี่ยนก็ถูกเปลี่ยน-เปลี่ยนหรือปรับยังมีทางรอด ประกอบด้วยธุรกิจสื่อสารทุกประเภท-ธุรกิจขนส่งทุกทางหรือโลจิสติกส์-การศึกษาชั้นต้นถึงมัธยม--ธุรกิจสุขภาพอนามัย-ร้านขายยา-เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่เป็นปัจจัยสำคัญของชีวิต-อาหารการกิน-ห้างสรรพสินค้า-ภาคการเงินธนาคาร-บันเทิงประโลมโลก-แฟชั่นความงาม-เครื่องประดับ-ศิลปะ-พลังงาน-เหล้า ธุรกิจเกี่ยวข้องการบิน-ของปลอม เช่น คลิปโตฯ
ช.เข้าสู่ปีที่สามของกระบวนการเปลี่ยนแปลงใหญ่ระบบภาษี รวมทั้งที่เกี่ยวกับคนต่างดาวที่เข้ามาทำงานในไทย
ซ.สู่ปีที่สามของปรับระบบนำเหน็จ-บำนาญ-เงินเดือน-ค่าจ้างของรวมทั้งการประกันภัยประกันชีวิต และปรับระบบสุขภาพของชาติ
เกณฑ์ที่ 4 ด้านการเมืองตลอดทั้งปี
4.1 รัฐบาลจะไม่รับภาระหนักเท่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา-รัฐบาลออกแนวมั่นคงโดยรวม และอาจจะมีฝ่ายรอร่วมรัฐบาลมาเสริมกำลังให้ได้
4.2 แต่นายกรัฐมนตรี รวมทั้งบุคคลมียศ-ศักดิ์ หรือผู้นำคนสำคัญในองค์กรต่างๆมีลีลาอันตราย -เน้นไปที่นายกรัฐมนตรีขวากหนามรออยู่เป็นระยะๆคือ
4.2.1 กรอบระยะเวลาอันตรายจากการใช้อำนาจล่อแหลมเกินขอบเขต- หลุด-เผลอ เริ่มแต่วันเกิดเมืองปีที่แล้ว (ที่ 21 เมษายน 2566) ย้วยมาถึงต้นปีใหม่-วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2567 ที่ นายกรัฐมนตรี-ผู้นำทุกองค์กร-คนมีตำแหน่งยศศักดิ์ เป็นตำแหน่งเป้าล่อให้เกิดเหตุนำมาซึ่งการจะหลุดจากตำแหน่งจากการใช้อำนาจเกิดขอบเขต-การทำผิดระเบียบ-กฎหมายที่ผลการใช้อาจย้อนเล่นงานอย่างเจ็บปวด
นอกจากวงการเมืองแล้ววงการกฎหมายหรือศาล-กระบวนการยุติธรรมหรือสมาชิกองค์กรอิสระต่างๆ-สาธารณสุข-การศึกษาของประเทศ หรือคนของธนาคารแห่งประเทศไทยระวังตกเป็นเป้าด้วยโดย สำหรับนายกรัฐมนตรีตัวอย่างที่มีให้เป็นในอดีตคือการย้ายคุณถวิล เปลี่ยนศรี เลขาฯสมช.โดยอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร-การทำรายการอาหารของคุณสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯเป็นต้น-เปรียบได้ปลาตายน้ำตื้น-พระเอกตกม้าตาย
4.2.2 ตีกรอบให้แคบเข้ามาคือช่วงประมาณ 9 มกราคม 2567 ก่อน-หลัง 7 วันจะเกิดเหตุใหญ่คล้ายๆ แผ่นดินไหว เกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี หรือคนมียศศักดิ์ หรือไม่ก็บุคคลที่เป็นผู้นำในวงการต่างๆที่เป็นตำแหน่งแหน่งเด่น สุดแท้แต่ว่าใครจะดวงตก-ดี หรือมีแรงด้านทานขนาดไหน หลังจากนั้น
4.2.3 ด่านอันตรายแรกของปีที่นายกรัฐมนตรี (หรือคนมียศศักดิ์หรือผู้นำคนอื่นๆ)ต้องรักษาตำแหน่งให้มั่นคือประมาณ 15 มิถุนายน-17 กรกฎาคม 2567
4.2.4 ด่านอันตรายที่สอง ระหว่าง 26 สิงหาคม 2567-19 ตุลาคม 2567 ซึ่งด่านนี้แม้จะเหลื่อมล้ำกันบ้างก็สอดคล้องกับเกณฑ์ชะตาของรัฐบาลโดยรวมคือ
4.3 ระหว่างวันที่1กรกฎาคม-4พฤศจิกายน 2567 แม้รัฐบาลจะเข้มแข็ง แต่คาดว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายสำคัญ-หรือพรรคร่วมรัฐบาล
โดยให้จับตาจุดวกกลับสำคัญวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ก่อนเจ็ดวัน-หลังเจ็ดวันที่คาดจะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในรัฐบาล หรือพรรคร่วมรัฐบาลหรือนโยบายสำคัญของรัฐบาล
4.4 เมืองได้ฝ่านค้านออกแนวสายแข็ง แต่ก็ถูกกดดัน-มีทุกข์เป็นระยะๆ
เกณฑ์ที่ 5 เข้าสู่ปีที่สามในเจ็ดปีเมืองสู่ความทันสมัยมีเสน่ห์และเนื้อหอม ดึงดูดต่างชาติสามารถพลิกเป็นรายได้เข้าประเทศได้ แต่ในทางตรงกันข้ามความมีเสน่ห์แรงเกินไปอาจออกผลแนวร้ายแทรกมา ถ้าเป็นคนคืออันตรายจากความสวยหรือมีเสน่ห์ ปรากฎการณ์นี้จะยาวนานไปอีกถึงประมาณกรกฎาคม 2572
5.1 อาการมาตั้งแต่กรกฎาคมปี 2565 แล้ว (มฤตยูจร0เดินในราศีพฤษภภพที่สอง-ดินแดนของการทำมาหาได้-บ้านเดิมของพระศุกร์ดาวกิเลสสมบัติ-เจ้าเสน่ห์) ที่ประเทศไทยเสน่ห์แรงมากสำลักความนิยมจากชาวต่างประเทศอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพเมืองหลวงที่ติดอันดับต้นๆที่นักท่องเที่ยวต้องการมา-วัง-วัด-อาหารการกินที่ติดอันดับความนิยมระดับโลกเช่นผัดไทย-ข้าวซอย-ชุดนักเรียน-มวยไทยฯลฯ
5.2 โดยในปี 2567 นี้แม้จะป่วน-ถูกป่วน(Disrupt)ขนาดไหน ให้จับตาความทันสมัยทางการแพทย์ หรือสุขภาพอนามัย เสน่ห์เรื่องบันเทิง-ความรื่นรมณ์ จะมีส่วนหนึ่งดึงดูดใจให้คนมาใช้บริการ
5.3 อย่างไรก็ตามเสน่ห์แบบนี้ หากเมืองมีมากเกินไป-ปล่อยมากเกินไปอาจจะออกผลด้านร้ายได้ เช่นทำให้คนไทยไม่สบายใจเพราะบางย่านกลายเป็นชุมชนชาวต่างชาติมาแย่งการทำมาหากินของคนไทย หรือพวกคนชั่วใช้ไทยเป็นฐานหลอกลวงออนไลน์ทำคนไทยเดือดร้อนเป็นต้น
เกณฑ์ที่ 6 เข้าสู่ปีที่สามของการปฏิวัติใหญ่กองกำลังของชาติ ที่เริ่มมาตั้งแต่กรกฎาคม 2565-และจะสิ้นสุดลงประมาณ กรกฎาคม 2572 (มฤตยูจร0เดินในราศีพฤษภทับพระอังคารดวงเดิมดวงเมือง๓) เกณฑ์คล้ายๆนี้ในอดีตพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเคยปฏิวัติกองกำลังของชาติให้ทันสมัยโดยจ้างต่างชาติมาฝึกทหารมาแล้ว
ส่วนรอบนี้แรงบีบให้ปฏิวัติเป็นไปอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจที่นักวิชาการและสังคมเรียกร้องให้ปฏิวัติเป็นระยะๆ แต่ละเรื่องที่เป็นประเด็นขึ้นมาแล้วแต่กระทบใจสังคมเช่นส่วยรถบรรทุก หรือตั๋วช้าง หรือส่วยน้ำมัน
ส่วนเรื่องทหารก็เป็นประเด็นสำคัญในการใช้หาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมาเน้นไปที่การเกณฑ์ทหาร ล่าสุดตำรวจรถไฟที่มีมาเจ็ดสิบกว่าปีก็ถูกยุบ เกณฑ์นี้หากไม่ทำกองกำลังของชาติจะกลายเป็นปัญหาของชาติเสียเอง หรือไม่หากทำแบบลูปหน้าปะจมูกกองกำลังของชาติก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างเจ็บปวด-ตกสมัย กลายเป็นภาระของเมือง
เกณฑ์ที่ 7 ตั้งแต่ต้นปี-วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2567 หัวหน้าเทวดาประจำเมืองยังวิปริตผิดปกติอยู่ ความระส่ำระสายสามารถเกิดในเมืองได้ทั้งจากภายนอก-ในประเทศเช่นฮามาสรบอิสราเอลประเทศไทยปั่นป่วนระส่ำระสายเพราะแรงงานไทยตาย-ถูกจับเป็นตัวประกันต้องระดมขนคนกลับประเทศ
เกณฑ์ที่ 8 ตั้งแต่ต้นปี-วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2567 ในเมืองยังจะมีปรากฎการณ์เห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัวอยู่มาก
เกณฑ์ที่ 9 ตั้งแต่ต้นปี-วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2567 ในเมืองยังจะมีปรากฎการณ์ศัตรูให้คุณกันอยู่เป็นระยะสุดท้ายของรอบนี้ ดูตัวอย่างง่ายๆ พลเอกประยุทธ์ จันทร์อาชา ประกาศวางมือการเมือง เพื่อเปิดทางโล่งให้เพื่อไทยตั้งรัฐบาล เพื่อให้พรรคเข้าร่วมรัฐบาล
เกณฑ์ที่ 10 ตั้งแต่ต้นปี-วันที่ 30 เมษายน 2567 เมืองมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวประหลาดอยู่เช่นรอยเลื่อนที่ไม่น่าเกิดก็เกิด หรือมีเหตุแผ่นดินไหวแล้วสั่นสะเทือนถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นรอบสุดท้ายสำหรับปรากฎการณ์นี้
เกณฑ์ที่ 11 เมืองเริ่มออกแววมีเกณฑ์บวกมากกว่าเกณฑ์ลบตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2567 เป็นต้นไป-สิ้นปี
11.1 เมืองจะได้ลาภเป็นอันมาก ตามโฉลก ลุลาภามากคาม
11.2 เมืองเกิดสิริมงคล ด้วยดาวประจำเมือง(พระอังคาร) เป็นศรีจร สิ่งมงคลจะเกิดในเมืองเป็นระยะๆเช่นแข่งขันกีฬานัดสำคัญมีโอกาสชนะ หรือประกวดแข่งขั้นระดับนานาชาติมีโอกาสได้รางวัลใหญ่ตลอดปี
11.3 โชคทางการเงินผ่านมือให้ เมืองอยากได้อะไรแถวๆชายทะเล หรือเกาะแก่งต่างๆเช่นโครงการแลนด์บริจ หรือได้โชคจากแก๊สในทะเลที่จะนำมาใช้เพิ่มก็น่าจะเห็นความคืบหน้าระยะนี้
11.4 ศัตรูมีขอเป็นมิตร เมืองหรือเจรจาขอคืนดีกันในเมือง ตามโฉลก ศัตรูมีมาคืนดีโอนอ่อนเอง
เกณฑ์ที่ 12 แม้เมืองเริ่มออกแววดีตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2567 เป็นต้นไปแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ในเมืองต้องระวังคำพูด อย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่น หรือชาติอื่น ตามโฉลก เป็นความเพราะปากเรา ความของเขามาใส่ตน
รวมทั้งสถานการณ์ทั่วไปในเมือง คงมีปรากฎการณ์ ยุ่งเรื่องคนอื่นที่ไม่ใช่ธุระของตัวเองผุดขึ้นในเมืองเป็นข่าวใหญ่เป็นระยะๆ
เกณฑ์ที่ 13 แม้เมืองเริ่มออกแววดีตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2567 เป็นต้นไป-สิ้นปี แต่จะมีปรากฎการณ์ฝนตกขี้หมูไหล คนอะไรโผล่เป็นเรื่องใหญ่กลางเมืองให้ฮือฮาเป็นระยะๆ
เกณฑ์ที่ 14 ตลอดทั้งปีระวังปรากฎการณ์ส้องสุม หรือการเกิดขึ้นของลัทธิใต้ดินหรือผิดกฎหมายแบบแปลกๆ
เกณฑ์15 ฝนตกมากกว่าปี 2566 โดยฝนจะเริ่มมาตั้งแต่ ประมาณ 8 พฤษภาคม 2567 แล้วจะตกเป็นระยะๆ
โดยจะเห็นปรากฎการณ์ฟ้ารั่วหลายครั้งไปถึงประมาณปลายตุลาคม 2567 ส่วนภาคใต้จะมีฝนถึงกลางธันวาคม 2567
เกณฑ์ที่ 16 เข้าสู่ปีที่สามในเจ็ดปีของความพยายามเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสมรส หรือเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ
เกณฑ์ชะตาบุคคลสำคัญ (คาดผลได้ไม่ถึงครึ่งเพราะส่วนใหญ่ไม่มีเวลาเกิดที่แน่นอน)
1.คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี-หากลัคนาสถิตราศีเมษ -ระหว่างวันเกิดที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567-15 กุมภาพันธ์ 2568 โปรดระวังพลาดเพราะตัวเอง-กล้าในสิ่งไม่ควรกล้า-เกณฑ์มีคดีความรออยู่ตลอดปี ช่วงอันตรายสำหรับเก้าอี้นายกฯสำหรับปีนี้คือระหว่าง 15 มีนาคม-24 เมษายน 2567 และช่วง 2 มิถุนายน-13 กรกฎาคม 2567
2.คุณแพทองธาร ชินวัตร -ต้นปี-21 สิงหาคม 2567 ยังมีเกณฑ์เป็นเจ้าได้สถาปนา-เป็นคนธรรมดาจะได้เป็นพระยาพานทองตามระดับวาสนา เช่นการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
อีกปรากฎการณ์ใหญ่ในชีวิตคือระหว่าง 30 เมษายน 2567-สิ้นปี 2568 (ถึง 13 พฤษภาคม 2568) จะปรากฎชีวิตคือถูกบีบให้เดินในทางแคบๆที่ไม่อยากเดิน หรือแทบจะไม่มีทางเลือกต้องเดินไปตามแรงขีด เมื่อปรากฎการณ์นี้จบลงแล้วชีวิตจะได้ไปเล่นในสนามที่สูงกว่าเดิม
3.คุณอนุทิน ชาญวีรกูล มี เกณฑ์เสียอะไรไปได้กลับมาตลอดปี แม้จะในแบบทุกขโชคหรือโชคทุกข์ ช่วงจังหวะบวกของชีวิตคือประมาณ 5 กุมภาพันธ์-23 เมษายน 2567 แต่รอไปให้ถึง 5 พฤษภาคม 2568 ดวงชะตาจะแจ่มกว่านี้ ด้านร้ายระวังพลัดพรากสูญเสียเจ็บไข้ได้ป่วยถูกทรยศหักหลัง
4.คุณพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค-เริ่ม 30 เมษายน 2567 จบปรากฎการณ์ชีวิตถูกบีบ-เริ่มได้เล่นในสนามที่สูงกว่าเดิม
5.พรรคประชาธิปัตย์ ดวงชะตาแตก-ร้าวเหมือนคนอกแตก เพราะความลุ่มหลง-มัวเมา-อวิชชาตลอดปี แถมตั้งแต่ต้นปีแม่ธรณีบีบมวผมเหมือนอยู่ห้องไอซียู.-รอดวง(แค่) ค่อยๆฟื้นมีสติกลับมาตั้งแต่ 30 เมษายน 2567 เป็นต้นไปอาจเริ่มเห็นพัฒนาด้านบวกบ้าง-ถ้าอยากได้อะไรดีๆต้องสู้หนักแบบสู้ไป-อกแตกไป
7.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อยากได้อะไรต้องสู้หนักต่อตลอดปี แต่หัวหน้าเทวดาประจำตัวจะเริ่มเข้มแข็ง 30 เมษายน 2567 เป็นต้นไปคงได้สถานะใหม่คือหลุดจากคุกหรือโรงพยาบาล-ด้านร้ายหลังวันเกิดปีนี้คดีความจะแรง และระวังแตกแยกในบรรดาหุ้นส่วนผู้มีส่วนได้เสียในชีวิต-ระวังอาการสู้ไป-อกแตกไปและปัญหาสุขภาพ
8.คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลุยสู้คดีความเก่าที่เริ่มก่อตัวมาตั้งแต่ประมาณมีนาคม 2566