"ชุติมา เปรื่องเมธางกูร" เจ้าแม่ "เสือพ่นไฟ" และ "ปิ้งย่างสไตล์เกาหลี"
"ชุติมา เปรื่องเมธางกูร" แห่งร้าน nice two Meat u, nice two Sea u และเจ้าของแบรนด์ Fire Tiger By Seoulcial Club ขานมเสือพ่นไฟ เล่าถึงแรงบันดาลใจที่เข้าสู่วงการอาหาร ผู้นำเทรนด์ "ปิ้งย่างสไตล์เกาหลี"
คุณเกศ - ชุติมา เปรื่องเมธางกูร เปิดร้าน nice two Meat u 11 สาขา (จะเปิดอีก 2 สาขา) และ nice two Sea u ร้านอาหารทะเลที่พัฒนามาจากสูตรต้นตำรับของปูซาน และร้านอาหาร-ขนม อีกหลายแบรนด์ เล่าถึงแรงบันดาลใจที่เข้าสู่วงการอาหาร
“อยากทำธุรกิจ เพราะอยากจะสร้างตัวเอง"
คุณเกศ - ชุติมา เปรื่องเมธางกูร กับหุ้นส่วน (คุณแนท – นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์) เปิดร้าน Nice two Meat u ปิ้งย่างสไตล์เกาหลี, Fire Tiger By Seoulcial Club ชานมเสือพ่นไฟ, Mil Toast House ขนมปังโทสต์เกาหลี, Da Tang Hotpot ชาบูจีนโมเดิร์น และ Ebomb all things about egg แซนด์วิชไข่และฟรายส์ และโปรเจคอีกหลายแบรนด์
ก่อนจะเปิด nice two Meat u คือทำอะไรมาหลายอย่าง--มาก
“8 ธุรกิจ nice two Meat u เป็นธุรกิจที่ 9 ก่อนหน้ามีเปิดค่ายมวย ร้านสปา ร้านทำเล็บ ทำทีวี ร้านนวด ร้านตัดเสื้อ ร้านกาแฟ วันนี้เหลืออยู่ 2 ร้านคือ ร้านทำเล็บที่สยามสแควร์กับร้านเสื้อ แต่ไม่ได้ทำเป็นธุรกิจแล้ว เนื่องจากเอามาตัดเสื้อยูนิฟอร์มให้พนักงานในร้านอาหาร เพราะพี่ ๆ ช่างตัดเสื้อก็อายุมากแล้ว ถ้าปิดไปเขาจะไม่มีอาชีพ เราก็เหมือนดูแลกันมา
และที่ปิดให้บริการก่อน มีร้านนวดกับร้านสปา ปิดก่อนโควิดแป๊บเดียว ตอนนั้นลูกค้าน้อยลง และลูกค้าชาวต่างชาติน้อยลงไม่เข้าไทย เลยปิดไปก่อน
ความจริงแรกสุดคือทำร้านกาแฟ ชื่อ คาเฟ่ เดอ ลามู เป็นธุรกิจแรก เป็นจังหวะที่เราทำงานบริษัทด้วยและเปิดร้านกาแฟด้วย อยู่ถนนสาทร ขายคนทำงานออฟฟิศ แล้วมีอยู่วันหนึ่งแบงค์ใหญ่เขาย้าย เท่ากับลูกค้าหายไปเยอะ เราก็..ตายละ ทำยังไง ปรากฏว่ามีฝรั่งมาขอซื้อต่อเลยขายไป”
ก่อนทำธุรกิจจริงจังเคยทำงานบริษัทมาก่อน
“กลับจากอเมริกามาทำงานบริษัท 2 ปี เป็นบริษัทพัฒนาศักยภาพบุคลากร เป็น HR Consultant แต่ตัวเองทำด้านพีอาร์มาร์เก็ตติ้ง ระหว่างทำงาน 2 ปีนั้นก็มาเปิดร้านกาแฟที่สาทร
ทำอยู่ 2 ปี พอร้านกาแฟขายต่อเราก็ออกมาเล่นหุ้น นั่งจ้องจอ ขาดทุน...แล้วมาเริ่มเปิดธุรกิจย่านสยามสแควร์”
ทำไมทำหลากหลายธุรกิจ กว่าจะมาพบรักกับธุรกิจร้านอาหาร
“เกศจบโทด้านอาหาร เรียนด้านมิกซ์โซโลจิสต์จากฮาร์วาร์ด จะมีความรู้เรื่องดริงค์ เรื่องอาหาร แต่ที่ไปทำธุรกิจอื่น ๆ ก่อนหน้านี้เพราะพ่อไม่อยากให้มาทำด้านนี้ ไม่อยากให้ยุ่งกับแอลกอฮอล์ ด้วยความเป็นลูกผู้หญิงคนโตด้วย แต่เรื่องดริงค์กับเรื่องอาหารเราแอบไปเรียน พ่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจบฮาร์วาร์ด เพราะเราเป็นครอบครัวคนจีนคะ จะคอนเซอร์เวทีฟ ตอนนั้นพ่อเข้าใจว่าเราไปเรียนสายบิสสิเนส
ด้วยความที่เราเรียนไม่เก่ง เลยพยายามไปเรียนด้าน practical ไม่ใช่ theory ไม่ต้องไปท่องจำอ่านหนังสือเยอะ อีกอย่างใจเราชอบด้านอาหาร อยากรู้เกี่ยวกับอาหาร คอร์สที่เราไปลงเรียนคือ Maestro Gastronomy เรียนรู้ด้านอาหารทั้งหมด และแบ็ค ออฟ เดอะ เฮาส์ ทำให้รู้ overall และการจัดการร้านอาหาร
และมีคอร์ส Hospitality Management ด้วย เรียกว่าเรียนครบลูปการโรงแรม การบริการ อยู่ที่บอสตัน อเมริกา เรียนจบโทปุ๊บก็ได้วีซ่า 1 ปี ทำงานก่อนกลับเมืองไทย”
ระหว่างเรียนทำงาน เรียนจบก็ทำงาน ไม่ใช่คุณหนู...
“ระหว่างเรียนก็ทำงานนะคะ ไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ดูแลคนชรา เป็นพนักงานเสิร์ฟ ทำหลายอย่าง พอเรียนจบทำที่โรงแรมฮิลตัน แผนกฟรอนท์ ออฟฟิศ โอเปอเรชั่น อีกที่หนึ่งโรงแรมแมริออท ทำด้าน F&B ตอนแรกขยันมาก ทำงานควบ 2 โรงแรม ควบกะเลยนะแทบไม่ได้นอนเลย
ตอนทำ F&B เหนื่อยมาก...เลยออก แต่ที่อยู่ไกลจากที่ทำงานด้วย เลยกลับมาที่ฮิลตัน แต่หน้าที่ “ฟรอนท์” ไม่ใช่อยู่แต่หน้าฟรอนท์นะคะ เขาให้ไปแผนกต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับออฟฟิศ เข้าไปนั่งรับโทรศัพท์ทั้งวัน ที่มีแผงมีปุ่มเยอะ ๆ ทำทุกอย่างในแผนกนั้น การไปทำงานได้ผลเรื่องการคอมมิวนิเคทกับคน เรื่องเซอร์วิสมายด์
พอเราอยู่ไปสักพัก เราพิสูจน์ว่าเราทำในส่วนของเราได้ดีที่สุด เชื่อมั้ยเวลาพักแทบไม่มีเลย เกศยืนตลอด ไปโน่นไปนี่ ทำให้เขาตลอด กินข้าวเสร็จกลับมาทำงาน
เกศว่าด้วยนิสัยคนไทย การบริการเราดีกว่าคนอื่น อีกทั้งตั้งใจด้วย ขยัน ทุ่มเท สุดท้ายบอสเห็นศักยภาพของเรา และเรากลายเป็นที่รักของทุกคน เราก็อยู่ในองค์กรนั้นได้”
พออกหักจาก 8 ธุรกิจ (ที่จริง 6) แล้วมาเริ่มธุรกิจร้านอาหาร กลัวมั้ย...
“มาเจอ nice two Meat u ก่อนจะทำเริ่มกลัว จากร้านแรกร้านกาแฟไปยืมทุนพ่อ ร้านก็เล็กนิดเดียวนะคะ พ่อถามว่าทำไมใช้ทุนเยอะจัง เพราะเราซื้อของดีที่สุด เครื่องต้องดี ตอนนั้นเราไม่มีประสบการณ์คิดแต่ว่าอยากเปิด แต่สรุปว่าไม่ขาดทุนเพราะเราขายร้านไป
nice two Meat u ตอนแรกเราเริ่มไม่ค่อยมั่นใจ จากที่พ่อพูดตลอดด้วยทำให้เรากลัว พ่อบอกว่าอย่าไปทำนะร้านอาหาร ชีวิตเปลี่ยน แต่แล้วก็ห้าม passion ของเราไม่อยู่ เราคิดตลอดนะว่าทำไมจะทำไม่ได้ เราก็ผ่านมาตั้ง 8 ธุรกิจแล้ว และ 8 อันที่ล้มเหลวเพราะมันไม่มี passion เพราะที่เราทำตอนนั้นเราคิดแค่ว่าอยากทำอะไรที่ได้เงิน
วันนี้ต้องขอบคุณครอบครัว คือลูกทำธุรกิจมา 8 อย่างแล้วยังให้กำลังใจ ไม่ประสบความสำเร็จจากที่ผ่านมาแต่ก็ยังเชื่อมั่นในธุรกิจที่ 9 เพราะเขาเห็นว่าเราตั้งใจ อยากพูดว่าจะมีสักกี่คนที่ทำธุรกิจ 8 อย่างแล้วจะไปต่อธุรกิจอันที่ 9 คนทั่วไปก็ไม่ทำแล้ว คือล้มไปแล้วจะไม่มีการลุกขึ้นมาอีก เรียกว่าหมดไฟแล้ว”
เมื่อเจอ passion ที่ใช่ ธุรกิจร้านอาหารจึงวิ่งฉิว...
“บอกได้ว่าที่เราทำมา 8 อัน เราตั้งใจทำ แต่คิดเสมอว่าอาจไม่ใช่ธุรกิจที่เหมาะกับเรา เราแค่ยังหาไม่เจอ จนในที่สุดเราคิดว่าต้องจับสิ่งที่เราชอบ เรารู้ และรักที่จะทำ
อย่างเปิดยิมมวยไม่ได้ชอบเลย แต่ตอนนั้นเทรนด์กำลังมาอยู่ในสยาม คิดว่าจะได้ทุนมา ไปเปิดช่องทีวีก็ไม่มีความรู้ ต้องไปจ้างทีมมาทำ ถึงเวลาจอดับเกิดเรื่องทำอะไรไม่ได้ เราโดนปรับ คือเราทำไม่เป็น
แต่ร้านอาหาร เกศไม่กลัวเลย พอเปิดวันแรกเพื่อนเตือน เช่น อยู่มาวันหนึ่งคนหายไปไม่มีใครมาทำงานในครัวจะทำยังไง... แต่เนื่องจากเรารู้ว่าอาหารทำอย่างไร หากคนหายไปเราเข้าไปแทนได้ สอนคนได้ เพราะเรารู้ทุกจุดตั้งแต่เซตอัพเลย ตั้งแต่สเต็ปแรก หน้าบ้านหลังบ้าน ทำให้เราไม่กลัว แต่นับจากวันแรกที่เปิดถึงวันนี้ก็ไม่คิดว่าจะประสบความสำเร็จเหมือนวันนี้
ไม่ได้พูดว่าประสบความสำเร็จมากมาย แต่ดีใจที่เมื่อพูดถึงร้านปิ้งย่างจะนึกถึงเรา เปิดมา 6 ปีก่อนโควิด บางคนที่สบประมาทเราตั้งแต่แรก บอกว่ามันก็แค่เทรนด์ เดี๋ยวก็ไป ต้องบอกว่าใน 6 ปีที่ผ่านมา ยอดไม่ได้ตกมีแต่จะดีขึ้นด้วยซ้ำ เป็นสิ่งที่เกศดีใจว่ามันไม่เป็นเทรนด์อย่างที่คนอื่นพูด อีกอย่างด้วยรสชาติที่เราปรับให้ถูกปากคนไทยด้วย การบริการด้วย คอนเซปต์เราสตรองมาก”
ซื้อแฟรนไชส์จากเกาหลีแล้วสามารถปรับรสชาติได้ด้วย
“เขาให้เราปรับรสชาติแบบโลคัล มาปิ้งย่างสไตล์เกาหลีแล้วเราก็อยากไปให้สุดทาง จึงซื้อแฟรนไชส์อีกร้านคือ nice two Sea u คอนเซปต์ปิ้งย่างอาหารทะเลจากปูซาน เจ้าของเดียวกัน เข้ามาเสริมทัพ ทำให้เรามีครบทุก categlory
การปรับรสชาติให้เหมาะกับคนไทยเขาไม่ว่า ตอนทำ nice two Meat u ก็เหมือนกัน แทบจะเปลี่ยนรสชาติเขาเกือบหมด บางคนบอกไม่ออเทนติกแล้ว แต่เกศว่าเราต้องทำให้ถูกปากคนกินมากกว่า ปรับให้เข้ากับคนส่วนใหญ่
และชื่อเขาด้วย ถ้าสังเกตดูจะเห็นว่าเราจะจำชื่อร้านอาหารเกาหลีไม่ได้ ขนาดไปเกาหลีอยากกินร้านนี้ก็จำชื่อไม่ได้แล้ว อ่านไม่ออก ไม่เคยจำได้ เพราะมันเป็นภาษาเกาหลีไงคะ แค่จำได้ว่ามันอยู่ถนนนี้ห้างนี้
แต่ชื่อ nice two Meat u คือใช่เลย โดนตั้งแต่ชื่อร้าน อีกจุดหนึ่งคือคอนเซปต์เขาชัด ต้องทับหมู 250 องศา ย่างกี่วินาที กลายเป็น top of mind ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลี
อาหารเกาหลีดัง ส่วนหนึ่งมาจากซีรีส์เกาหลีและวัฒนธรรมเค-ป๊อป
“ใช่ค่ะ อย่างเกศชอบวง BTS มาก เป็นอาร์มมี่ (แฟนคลับ) เขาเก่งและหล่อมากด้วย บินไปดูคอนเสิร์ตเขาที่เกาหลี ที่อเมริกา...
ต้องยอมรับว่าเกาหลีเขาใส่ soft power ในซีรีส์จนทำให้คนดูอยากตามไปกิน ความจริงเทรนด์เกาหลีก็มาหลายปีแล้วนะ ตอนนี้ก็กลับมาหนักขึ้นอีก เกศว่าความรู้สึกเด็กรุ่นใหม่เวลาเขาดูซีรีส์ เห็นเขากินกันมันดูน่ากิน อยากทำตาม เวลามากินก็มาถ่ายรูป ดูเก๋เท่...
ล่าสุดดู “อูยองอู” (ซีรีส์นักกฎหมายที่เป็นออทิสติก) กิน คิมบับ เราก็ตามไปกิน อีกอย่างตัวละครเขาเล่นได้ดี เกศว่าเทรนด์เกาหลีจะยังอยู่กับเราไปอีก 10 ปีแน่นอน”
เราซื้อแฟรนไชส์เกาหลี ในขณะเดียวก็ขายแฟรนไชส์แบรนด์ไทยได้ด้วย
“ใช่ค่ะ ร้าน เสือพ่นไฟ Fire Tiger By Seoulcial Club เป็นแบรนด์ที่เราตั้งเอง ตอนนี้ขายแฟรนไชส์ไปประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา และอเมริกา
ล่าสุดเปิดแฟลกชิพสโตร์ Fire Tiger Coffee คาเฟ่กาแฟที่แรกของเสือพ่นไฟ ขายกาแฟด้วยแต่ก่อนขายแต่บับเบิ้ลที (ชานมไข่มุก) และร้าน Ebomb all things about egg แซนด์วิชไข่และฟรายส์ อีกแบรนด์เป็นร้านหม่าล่าชาบูจีนโมเดิร์น Da Tang Hotpot เราขายแฟรนไชส์แบรนด์ที่สร้างขึ้นเอง มิกซ์กันในพอร์ท ตอนนี้มีวางแผนเมกกะโปรเจค จะเปิดเดือนตุลา"
ก้าวมาถึงจุดนี้ มีปรัชญาการทำงานอย่างไร
“เกศนิยามตัวเองว่าเป็นเหมือน “ตุ๊กตาล้มลุก” เป็นคนที่ล้มไปแล้วลุกขึ้นมาได้ทุกครั้ง ระหว่างที่เราทำมา 8 อัน 6 อันมีอุปสรรค ล้มเหลวท้อแท้มาก แต่เราก็ดึงตัวเองกลับมาไปให้ถึงเป้าหมายได้ กับหุ้นส่วน (คุณแนท) ก็วางเป้าหมายเหมือนกันคือต้องไปให้ถึง...
จะพูดกับหุ้นส่วนเสมอว่า เราไม่ต้องคิดไปแข่งกับใคร เราต้องแข่งกับตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องปรับตัวตลอดเวลา ต้องปรับตามเทรนด์ให้ได้ เหมือนทุกวันนี้แทบจะปรับรายวันเลย
ช่วงโควิดที่เราผ่านมาได้ เราโชคดีที่พอร์ทเราไม่ได้มีแต่อาหารอย่างเดียว ตอนโควิดคนไม่เข้าร้านปิ้งย่าง เราก็มีร้านขนม มีเสือพ่นไฟ โควิดมาเราไม่ได้ปรับลดพนักงานเลย แต่สิ่งที่ปรับคือเพิ่มเมนูให้เหมาะกับเดลิเวอรี่ ทำยังไงให้ขายได้ และเป็นช่วงที่เราเตรียมร้านใหม่ และแบรนด์ใหม่
หลายคนพูดว่าโควิดทำให้โลกเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เป็น New Normal คนจะชอบอยู่บ้านมากขึ้น จำได้มั้ยคะว่าเขาพูดกันว่าหลังโควิดคนจะอยู่บ้านมากขึ้น แต่เกศพูดกับหุ้นส่วนตลอดเลยว่า คนที่คิดอย่างนั้น คิดผิดนะ มีแต่พอเปิดมาคนอยากออก ที่เราอยู่บ้านเพราะสถานการณ์มันบังคับ เป็นไปไม่ได้เลยที่คนชอบอยู่บ้านไม่ออกไปไหน
เพราะคนไทยชอบโซเชียลไลซ์ คนเอเชียเป็นแบบนี้ ชอบออกมาเจอเพื่อน ตอนไม่ให้นั่งกินที่ร้านยังออกมาเลย
เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปบูม คลาวด์คิทเช่น (Cloud Kitchen ครัวเฉพาะกิจบริการเดลิเวอรี่) ไม่ต้องลงทุนมาก พอโควิดหายเมื่อไหร่คือศูนย์เลย"
