เปิดโลกส่วนตัวแดนซิงควีน และเคล็ดลับความงาม “คริสติน่า อากีล่าร์”
“คริสติน่า อากีล่าร์” แดนซิงควีน หรือ Queen of Dance เมืองไทย นักร้องสังกัด “ค่ายแกรมมี่” ผู้ครองใจแฟนเพลงมายาวนาน 32 ปี มีกลุ่มแฟนคลับทุกเพศทุกวัย อะไร... ที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จขนาดนั้น
คริสติน่า อากีล่าร์ นักร้อง ค่ายแกรมมี่ ฉายา “แดนซิงควีน” ผู้ได้รับความนิยมต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้ 32 ปีแล้ว
คงไม่ยากถ้าใครสักคนตั้งใจสร้างผลงานเพลง จนได้เป็นศิลปิน และคงไม่ง่ายที่จะประสบความสำเร็จ จนถล่มทลาย
ครองความเป็นหนึ่ง ยาวนานยากที่จะทำลายสถิติ “ราชินีล้านตลับ”
แล้วแดนซิงควีน (Queen of Dance) ติ๊น่า-คริสติน่า อากีล่าร์ มีเคล็ดลับอย่างไร
จุดประกาย กรุงเทพธุรกิจ มีโอกาสพูดคุยกับ มาดอนน่าเมืองไทยในบรรยากาศสบายๆ ที่ บ้านสุริยาศัย ในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะคำถามสุดท้ายที่หลายคนอยากรู้ ...
อะไรทำให้ คริสติน่า อากีล่าร์ Queen of Dance ของเมืองไทยอยู่มายาวนานจนถึงทุกวันนี้
คงเป็นเพราะเราค่อนข้างดูแลตัวเอง ดูแลภาพพจน์ของตัวเราเองด้วย เพราะกลุ่มที่เป็นแฟนคลับ มีทั้งคนรุ่นเรา มีทั้งเด็ก มีทั้งผู้ใหญ่
มันเป็นสิ่งที่เราทำมาตั้งแต่วันแรก ไม่อยากให้คนที่ชอบเราเสียความรู้สึก หรือว่าผิดหวัง ว่าทำไมคนที่เขาชอบเป็นคนแบบนี้ การวางตัวของเราจึงสำคัญ
ทำดีที่สุดเท่าที่เราทำได้นะ ติ๊นาไม่ใช่คนเพอร์เฟคอะไร ติ๊นามีความรู้สึกว่า ในเมื่อเขารักเรา เราควรจะมอบสิ่งดีๆให้เขา
เราควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้เขาในการดำเนินชีวิต อย่างเวลาที่ติ๊นาไลฟ์ ก็จะพูด อธิบายความคิด ให้กำลังใจคน
ติ๊นารู้สึกว่าเราได้รับความรักและกำลังใจจากคนที่ชื่นชอบเราเยอะมากและยาวนานมาจนถึงวันนี้ จนเป็นเหมือน Family
เราก็ต้องดูแล้วซึ่งกันและกัน คิดว่าตรงนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของเขา
คริสติน่า อากีล่าร์ "แดนซิงควีน" หรือ "Queen of Dance" ของเมืองไทย เล่าต่อไปว่า
อีกอย่างการที่เราเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก ติ๊นาเป็นคนที่มีวินัยในการทำงาน เช่น พอมีงานเข้ามาติ๊นาจะต้องทำให้ดีที่สุด
ถ้าทำไม่ดีจะรู้สึกเหมือนโกรธตัวเอง ว่าทำไมเราทำไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์อย่างที่ตั้งใจไว้ ถ้าติ๊นารับงานไหน ต้องทำให้เต็มที่
ก็อาจจะเป็นอย่างหนึ่งที่เด็กเขาเห็นว่า คนเราต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของเรา อย่างติ๊นาเป็นนักร้อง เราเป็นคนที่ต้องเอนเตอร์เทนคน
เพราะฉะนั้นเราจะทำยังไง ให้คนดูมีความสุข ถ้าใครยังเรียนหนังสือเป็นนักศึกษาอยู่ เราก็ต้องรู้ว่าอะไรคือหน้าที่ของเรา
หน้าที่ของเราคือการเรียนหนังสือให้จบ และมีงานที่ดีทำ ทำให้พ่อแม่ภูมิใจ
นี่คือสิ่งที่ติ๊นาจะพูดกับเด็กๆ หรือว่าเวลาที่เขารู้สึกแย่ๆ ก็พยายามให้เขามองในสิ่งดีๆ ว่า ไม่มีอะไรที่มันจะแย่ไปตลอด
ทุกคนจะต้องมีช่วง Up and Down มันอยู่ที่ความคิด มุมมองของเรามากกว่า ถ้าเราไม่คิดเราก็ไม่เครียด ติ๊นาเองก็มีเรื่องเครียด
แต่เราพยายามที่จะจัดการ ไม่ให้อยู่ตรงนั้นนานๆ เพราะเครียดมากก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น อาจไปทำอย่างอื่นก่อน
พอรู้สึก Relax ก็กลับมาใหม่ นี่คือวิธีการดำเนินชีวิตของติ๊นา ที่แชร์ให้กับคนที่เรารัก
ภาพโดย : ศุกร์ภมร เฮงประภากร
ถ้าอยากเป็นนักร้องที่จะประสบความสำเร็จแบบติ๊นาต้องทำยังไง
เดี๋ยวนี้การแข่งขันสูงกว่ายุคก่อนมาก ทุกๆ เรื่อง เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จ ต้องรักในสิ่งที่คุณอยากจะทำจริงๆ
สองคุณต้องตั้งใจและคุณต้องรับผิดชอบจริงๆ แน่นอน จังหวะ เวลา โอกาส มีความสำคัญด้วย
ทุกคนไม่ได้มีโอกาสเหมือนกันหมด ทุกคนไม่ได้โชคดีเหมือนกันหมด บางคนอาจจะได้เร็ว แล้วก็ไปเร็ว บางคนอาจจะได้ช้า แต่อยู่ได้ยาว
ติ๊นาคิดว่าถ้าคุณมีความพยายาม มีความตั้งใจจริงๆ ก็ต้องทำได้แต่ท้ายสุดก็ต้องยอมรับความจริงด้วย เช่นฉันอยากเป็นนักร้องแบบนั้นแบบนี้
แต่ร้องไม่เป็น ตั้งใจทำก็อาจจะทำได้ แต่มันอาจจะไม่เหมาะกับคุณจริงๆ ก็ได้ บางอย่างก็ต้องยอมรับ
บางอาชีพมันอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน ความชอบ กับความถนัด มันอาจจะเป็นคนละเรื่องกัน
อย่าง “คริสติน่า อากีล่าร์” นี่ถือว่า Born To Be
ติ๊นาถือว่าเป็นคนที่โชคดีมาก เพราะได้ทำสิ่งที่ติ๊นารัก และถือว่าประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ติ๊นารัก และได้รับความรักจากคนมากมาย
ได้รับความสนับสนุน อย่างพี่เต๋อ (เรวัต พุทธินันทน์) ถือว่าโชคดีมาก ถือว่าเป็นจังหวะชีวิตของติ๊นา ถูกเรียงมาแบบนี้ เป็นจังหวะเวลาที่ถูกต้องในวัยที่เราไม่ใช่เด็ก
เพราะติ๊นาเริ่มต้นตอนอายุ 24 ถ้าเริ่มต้นตอนอายุน้อยๆ อาจจะไม่ใช่แบบนี้ก็ได้ อาจจะไม่ใช่คนที่มีความรับผิดชอบ อาจจะมีความคิด Attitude ที่แตกต่าง
ติ๊นามาตอนที่เรียนจบ ทำงานมาแล้ว ก็จะมีความรอบคอบในแบบของติ๊นา และโชคดีได้ทำงานกับคนเก่งๆ ทั้งนั้นเลย และพ่อก็เป็นส่วนหนึ่งของตรงนี้
เพราะพ่อเป็นคนทำให้ติ๊นามีโอกาสมาร้องเพลงเราเติบโตมากับเสียงดนตรีที่พ่อเล่น พ่อเล่นเปียโนติ๊นาก็ไปยืนอยู่ข้างๆ เวลาไปฟังพ่อร้องเพลง
พ่อก็จะเรียกติ๊นา เรียกเอ๋ (เทเรซ่า อากีล่าร์) เหมือนเป็นการปูทางอย่างหนึ่ง ที่พ่อให้เรามา ให้เรามีความคุ้นเคยกับการไปยืนต่อหน้าคน ได้ซ้อม ได้ร้องเพลง ทำให้เราไม่เขิน
เหมือนเป็นการค่อยๆปูทางมาทีละข้างๆ จนทำให้เราแข็งแรงมาจนถึงทุกวันนี้ โอเค แน่นอน มันอยู่ที่ตัวเราด้วย เราได้รับสิ่งที่ดีๆมา เราจะให้คุณค่ากับสิ่งที่เขาให้เรามามากน้อยแค่ไหน
ขออัพเดทชีวิตช่วงนี้สักนิด ?
ชีวิตช่วงนี้ นอกจากความเป็นนักร้องของติ๊นาแล้ว ก็จะมีอีกหนึ่งบทบาทคือ นักธุรกิจ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ช่วงโควิดพอเราอยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไร รู้สึกคุณค่าเราดูน้อยลง การที่เราไม่ทำอะไรเลย เหมือนเราเสียเวลาไปเปล่าๆ
ติ๊นากับเอ๋ (เทเรซ่า อากีล่าร์) ก็เลยคุยกันว่าเราต้องทำอะไรแล้วล่ะ ให้เราแอคทีฟมีอะไรทำ ไม่งั้นเดี๋ยวเราจะร่วงโรยไป
เรามีพี่ชายที่สนิทกันมาก รู้จักมานานมาก เขาเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร มีโปรดักส์ของเขาเองด้วย ติ๊นาอยากทำเกี่ยวกับอาหารเสริม บิวตี้โปรดักส์
ไอเดียพุ่งหลายอย่างมาก ท้ายสุดคิดว่า เราควรจะทำอะไรที่เป็นติ๊นา มากที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก
พอตัดสินใจทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำหอม เริ่มต้นอย่างไร
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ติ๊นาดูเองทุกขั้นตอนตั้งแต่ 1 ถึง 10 ไม่ใช่แค่บอกว่า เราอยากได้แบบนี้ แล้วปล่อยให้เขาทำ ติ๊นาเข้าไปคุย
เข้าไปดมน้ำหอมเยอะมาก ดมจนมึน ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาตัวแรกเหมือนเป็นลูกของเราแหละ
เพราะฉะนั้นเราต้องใส่ใจเขา ดูแลเขาเป็นอย่างดี ให้ลูกเรามีประสิทธิภาพ และเป็นที่รักของทุกคน ไม่เสียชื่อติ๊นาแน่นอน
ทำออกมาแล้ว ญาติที่มาจากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นคนทำงานอยู่ที่ Duty Free Shop เขาจะอยู่กับน้ำหอมเยอะมาก ก็บอกว่า
มันมากกว่าที่ฉันคิดอีก มันไม่ใช่กลิ่นธรรมดา มันคือ Creation ของติ๊นาจริงๆ
ติ๊นาชอบน้ำหอมกลิ่นอะไร ?
ติ๊นาชอบกลิ่นน้ำหอมที่หลากหลายมากๆ แล้วแต่อารมณ์ กลิ่นที่มีความสดชื่น ยกตัวอย่างที่ติ๊นาทำออกมา ชื่อกลิ่น First Love
เพราะว่าเวลาเราพูดถึงรักครั้งแรกเราจะมีความสุข มีความสดชื่น มีความกระตือรือร้น คนเรามีความรักครั้งแรกไม่มองในมุมลบอยู่แล้ว
มันเหมือนดอกไม้บาน มีความสุข และแอคทีฟมากๆ กลิ่นนี้จะสดชื่นเหมือนเป็นรักครั้งแรก น้ำหอมแต่ละกลิ่นจะบ่งบอกอารมณ์ที่ไม่เหมือนกัน
ป๊อปปี้เลิฟ ของติ๊นาก็ประมาณอายุ 13 ปี (ยิ้มหวาน) ตอนนั้นก็รู้สึกแบบนี้เลย สดชื่น อุ๊ยน่ารัก เป็นการแอบชอบ พอเค้ามาคุยด้วยก็เขิน
กลิ่นที่สองเป็นชื่อ La Vie en Rose เป็นกลิ่นกุหลาบ ติ๊นาชอบกลิ่นกุหลาบ ถ้ากุหลาบเปรียบเสมือนผู้หญิง ก็จะเป็น Personality ในมุมมองของแต่ละบุคคล
อย่างบางคนมองกลีบกุหลาบ คือความอ่อนโยน ถ้าเรามองที่ก้านกุหลาบ มองหนาม ก็คือความเข้มแข็ง แข็งแกร่ง
กลิ่นกุหลาบที่ทำออกมาเป็นกุหลาบในมุมมองของติ๊นา มีความเชื่อในเรื่องของความรัก ความสวยงาม ความรักที่มีพลัง ความหวัง
มีความสดชื่น ที่สามารถจะเติมเต็มได้ โดยไม่มีสิ้นสุด อันนี้เป็นมุมมองของติ๊นา ซึ่งก็แล้วแต่ว่าคนที่ชอบกุหลาบมุมมองของแต่ละคนเป็นยังไง
กลิ่นที่สาม ติ๊นาต้องการดึงเอาความเป็น Sex Appeal ของแต่ละคนออกมา กลิ่นนี้จะมีความเย้ายวน เซ็กซี่ ไม่มีใครไม่ชอบกลิ่นนี้
และติ๊นาทำทุกกลิ่นออกมาให้เป็น Unisex ใช้ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ติ๊นาจะทำทั้งหมด 9 กลิ่น แต่ตอนนี้ออกมาแค่ 3 กลิ่นก่อน จริงๆแล้วยังทำลิปสติกด้วยนะเน้นโทนส้ม ชมพู นู้ดๆ
ช่วงโควิด ติ๊นา ทำอะไรบ้าง
ต้องยอมรับว่าโควิดมาก็ตกใจเหมือนกับทุกๆคน ออกไปไหนไม่ได้ ห้ามเจอคน แม้กระทั่งพ่อแม่เราก็พยายามไม่ไปเจอ เพราะเขาอายุมากแล้ว
จากการที่เราฟังข่าวสาร คือมันโหดร้ายมาก มีคนป่วยหนัก มีคนตาย เราก็เริ่มรู้สึกว่าเราต้องดูแลตัวเองดีๆ
ถามว่าเหงาไหม? โชคดีที่ติ๊นาเป็นคนชอบอยู่บ้าน ชอบอยู่เงียบๆของติ๊นาคนเดียว เพราะฉะนั้นการที่ต้องอยู่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหน
เราก็สบาย นอนดูซีรีย์ ออกไปข้างนอกจ่ายตลาดบ้าง ใส่ทั้ง Mask ทั้งถุงมือ ป้องกันทุกอย่าง แล้วก็ทำกับข้าวเอง ดูซีรีย์เกาหลีทั้งวัน
ดูเยอะมาก จนรู้สึกว่าเราอยู่ในโลกของความฝันเยอะไปแล้ว แต่ก็ฟังเพลงบ้าง พอช่วงที่ดีขึ้นติ๊นาก็ไปเรียนเต้น เพราะรู้สึกตัวว่าสมบูรณ์มาก (หัวเราะ)
เป็นคนที่น้ำหนักขึ้นง่าย ลงง่ายหรือเปล่า?
ไม่นะคะ ต้องซีเรียสจริงๆ ต้องออกกำลังกายจริงจัง คุมอาหาร แล้วติ๊นาทำ IF (Intermittent Fasting การลดน้ำหนักแบบจำกัดช่วงเวลาการกิน
เช่นกิน 8 ชั่วโมง อด 16 ชั่วโมง) มีช่วงหนึ่งน้ำหนักลง แล้วโควิดก็มาอีก ออกไปไหนไม่ได้อีกละ น้ำหนักก็เด้งขึ้นมาอีก การลดน้ำหนักเป็นอะไรที่ยากมาก (ลากเสียงยาว)
แต่ถ้าตั้งใจจริงๆ ก็ลงได้ ต้องตัดแป้ง ตัดของหวาน กินให้อยู่ในเวลา แรงฮึดที่จะลดน้ำหนักจริงๆ ก็ตอนที่เราจะต้องขึ้นเวทีคอนเสิร์ต
ต้องคำนวณว่าเรามีเวลาเท่าไหร่ ในการดูแลตัวเอง แต่ก็ยังมีปัญหาว่า ติ๊นาเป็นคนนอนดึกประมาณตี 2-3 ด้วยความเคยชิน ถ้าเรานอนเร็ว
นี้ก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้ ติ๊นาเลี้ยงหมาตัวหนึ่ง 7 โมงเช้า เขาก็จะมาปลุก แล้วต้องพาลงไปหาอาหารให้กิน
อาหารโปรดของติ๊นาคืออะไร
ทุกอย่างที่อร่อยค่ะ ซึ่งไม่อยากบอกเลยดูไม่ดีเลย หมูกรอบเนี่ย (หัวเราะ) พาสต้าก็ชอบนะคะ อาหารอีสานก็ชอบ ส้มตำ ปลาร้า กินได้หมด
ถ้าทำอาหารเองก็จะทำอาหารฝรั่ง ทำเนื้อชิ้นหนึ่งกับสลัด หรือกุ้งปาปริก้า เป็นกุ้งทอดกระเทียมแล้วใส่เกลือนิดๆ ใส่ปาปริก้า
แล้วกินกับโทสต์ ขนมปังปิ้งที่ไม่ใช่ขนมปังขาว แล้วก็มีสลัด พาสต้าก็ทำง่ายๆ เช่นTomato Sauce ก็ซื้อแบบเป็นขวด
แล้วเรามาปรุงเพิ่มใส่กระเทียม โอลีฟออย ก็พอมีเสน่ห์ปลายจวักอยู่บ้างนะ (หัวเราะ)
ติ๊นาจะมีคอนเสิร์ตเมื่อไหร่
ปลายปีหน้า เราเห็นว่ายังอีกไกล แต่วันเวลาผ่านไปเร็วมากนะ อย่างปีนี้เผลอแป๊บเดียวก็จะปลายปีแล้ว เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เราต้องเหนื่อยมาก
ต้องเริ่มต้นเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้ ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ถ้าหากไม่ได้ออกนอกบ้าน ก็จะรับประทานอาหารเร็วหน่อย5-6 โมง
ถ้าเราควบคุมเอง เรารู้ว่ากินอะไรได้ แต่ถ้าออกนอกบ้านเมื่อไหร่ไม่ต้องพูดถึงนะคะ ไปได้เรื่อยๆ เลยเราก็ทานปกติ เพราะมันอดไม่ได้ด้วย
ออกกำลังกายด้วยวิธีไหนบ้าง?
ติ๊นาใช้ Personal Trainer เขาบอกอะไรก็ทำตามทุกอย่าง แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็บอกว่าเดี๋ยวๆ ขอพักก่อนๆ (หัวเราะ)
แต่ถ้าไปยิมเองก็ชอบเล่นเครื่องรีฟอร์เมอร์ พิลาทิส อะไรแบบนี้ เพราะทั้งร่างกายเราต้องเฟิร์ม ส่วนผิวหน้า ติ๊นาดูแลมาตั้งแต่เด็ก
ทุกวันนี้ยังใส่ใจดูแลทั้งความสะอาด ไม่มีวันไหนที่ติ๊นาจะไม่บำรุงผิว ว่างๆ ก็มาร์คหน้าบ้าง ไปกระตุ้น นวดบ้าง เราก็ไม่ใช่อายุน้อยๆ เด็กๆสมัยนี้เค้าไปถึงไหนแล้ว
เราก็ต้องดูแลให้เหมาะกับวัยของเรา ดีที่สุดสำหรับวัยของเราแค่นั้นเอง ริ้วรอยก็มีบ้างแหละ มันเป็นริ้วรอยของประสบการณ์ชีวิต
ยิ่งเราทำงานตรงนี้ ร้องเพลงให้คนดู คนฟัง สิ่งแรกเขาต้องเห็นหน้าเรา ติ๊นาเชื่อว่า ถ้าเราผิวดี ไม่ได้หมายถึงเราต้องผิวตึง ถ้าเราผิวดี อย่างอื่นก็ง่าย เพราะดูสบายตา
ก็เลยให้ความสำคัญกับสุขภาพของผิว ดื่มน้ำเยอะ เพราะเราชอบดื่มไวน์ ติ๊นาดื่มกาแฟ ซึ่งก็ไม่ดีต่อผิว และผิวหน้า ถ้าเราชอบดื่มกาแฟ
ก็ต้องเอาอย่างอื่นที่สำคัญมาทดแทน เช่นดื่มน้ำเยอะๆ จิบระหว่างวันไปเรื่อยๆ ยิ่งช่วงที่เราลดความอ้วน ต้องกินน้ำเยอะมาก ทำให้เราหิวน้อยลง
และช่วย Detox ติ๊นาดื่มน้ำไม่ต่ำกว่าลิตรครึ่ง ถึง 2 ลิตร ความจริงด้วยส่วนสูงและน้ำหนักควรจะดื่มน้ำ 3 ลิตร ถ้าจะลดความอ้วน
คุณพ่อไม่อยู่แล้ว ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
จริงๆแล้วเป็นอะไรที่ครอบครัวทุกคนก็เตรียมใจกันมาปีกว่าแล้ว คุณพ่อป่วยติดเตียงมาปีกว่า ทำให้เราเห็นว่าคนเราอยู่ดีๆ
จากที่ยังคุยกันได้ปกติ พาไปเดิน อยู่ๆก็ไปไหนไม่ได้แล้ว พ่อเป็นคนที่ชอบออกไปข้างนอกมาก ก็ไปไหนไม่ได้แล้ว
เป็นคนที่ชอบทานมาก ก็ทานไม่ได้แล้วให้ทางสายยางอย่างเดียว ก็เลยคิดว่าเราต้องใช้ชีวิตของเราให้คุ้มค่า
เราก็ควรเลือกสิ่งที่ดีกับสุขภาพ ไม่หวานมาก ไม่มันมาก นานๆทีก็โอเค อย่างที่บอก พ่อก็ยังอยู่กับเราทุกๆวัน ติ๊นารู้สึกว่าพ่ออยู่ในตัวติ๊นา
เนื้อ หนัง เลือด กระดูก ครึ่งหนึ่งของติ๊นามีพ่ออยู่ เพราะฉะนั้นจะไปไหนก็แล้วแต่ ติ๊นาคิดว่าพ่อก็อยู่กับเรา
เพียงแค่นิดหนึ่งที่เราไม่ได้เจอหน้าเขาแล้ว เอ๋กับติ๊นาก็พยายามดูแลพ่ออย่างดีที่สุด ท่านก็จากไปอย่างสงบ
ตอนนี้ผลงานล่าสุดในแบบของนักธุรกิจก็มีน้ำหอม มีคอนเสิร์ตปลายปีหน้า แล้วจะมีผลงานเพลงใหม่ให้แฟนๆฟังไหมคะ
ก็ยังคุยๆว่าจะทำโปรเจคพิเศษดีไหม คอนเสิร์ตปลายปีหน้าประมาณเดือนพฤศจิกายน 2566 ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
วันนี้มาอัดรายการ "เจ๊คิ้ม กินรอบวง" ก็ตื่นเต้น ไม่รู้จะเจอคำถามอะไรบ้าง วันนี้ก็ต้องฝากลูกๆของติ๊นา น้ำหอมแบรนด์ คริสติน่า
แรกๆจะขายออนไลน์ก่อน ราคาไม่แรง จับต้องได้ ประมาณ 1,390 บาท
คำถามสุดท้าย ติ๊นา ไม่มีแฟนจริงๆ เหรอ ?
ไม่มีจริงๆ ติ๊นาอาจจะเป็นคนที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่ถามว่าอยากมีไหม ก็อยากมีนะ แต่ติ๊นาก็มีความคิดว่าท้ายที่สุดแล้วคนเราก็ต้องการเพื่อนคู่คิด
ติ๊นาเป็นคนค่อนข้างขี้รำคาญนิดหนึ่ง เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างเยอะ คิดว่าคนที่จะมาอยู่กับเรานี่ยากมาก (เสียงสูงมาก)
นอกจากว่าติ๊นาจะรักเขามากๆ จึงต้องยอม ซึ่งก็ยากมากๆ ก็เลยไม่มีใครเลยจริงๆ ตอนนี้ทุ่มเทดูแลตัวเอง ดูแลแม่
มีหลานชาย 2 คน เริ่มโตเป็นหนุ่มกันแล้ว ก็คงยืมหลานไปควงก็แล้วกัน ติ๊นาก็เคยคิดนะว่าถ้าเราอายุมากๆ แล้วใครจะดูแล
แต่ติ๊นาก็มองอีกอย่างหนึ่งว่า ถ้าเรามีใคร ก็ใช่ว่าเขาจะดูแลเรา เพราะฉะนั้นตนต้องเป็นที่พึ่งของตน เราก็ทำงานไป ท้ายสุดมีอะไรปุ๊บเราก็จ้างคนมาดูแล ง่ายสุด