เรื่องอื้อฉาวทางเพศ "ทรัมป์และคลีฟแลนด์" อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ
สองอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ มีความเหมือนกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องอื้อฉาวทางเพศ นั่นก็คือ คลีฟแลนด์มีลูกนอกสมรส ส่วนทรัมป์ถูกหญิงสาวถึง 24 คนกล่าวหาว่าประพฤติผิดทางเพศกับพวกเธอ
เมื่อเร็วๆ นี้ อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกาวัย 76 ปีออกมาประกาศว่า จะลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อเป็นประธานาธิบดีรอบที่ 3 ในปี 2024 เมื่อประธานาธิบดี โจ ไบเดน ครบวาระ เขาประกาศเรื่องนี้หลังจากการเลือกตั้งกลางสมัยเสร็จสิ้นลงไม่นาน
กูรูด้านการเมืองหลายคนแสดงความแปลกใจที่ทรัมป์ออกมาประกาศในเรื่องนี้ เพราะผลการเลือกตั้งกลางสมัยแสดงให้เห็นว่า ความนิยมของเขาลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะผู้สมัครที่เขาเลือกด้วยตัวเองทำผลงานไม่ดี
ถ้าทรัมป์สามารถกลับมากำชัยในการเลือกตั้งในปี 2024 ได้ เขาจะเป็นประธานาธิบดีคนที่สองในประวัติศาสตร์ของสหรัฐที่เป็นประธานาธิบดีสองสมัยแบบไม่ต่อเนื่อง
คนแรกคือ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ที่ชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 22 และ 24 โดยอยู่ในตำแหน่งช่วงปี 1885-1889 และปี 1893-1897 ในบรรดาประธานาธิบดี 46 คนของสหรัฐ มีประธานาธิบดี 4 คนที่กลับมาลงเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง เป็นครั้งที่ 3 เมื่อความพยายามครั้งที่ 2 ไม่ประสบความสำเร็จ (ทรัมป์จะเป็นคนที่ 5 ถ้าพรรครีพับลิกันเลือกเขาให้ลงเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง)
และมีคลีฟแลนด์เพียงคนเดียวที่กลับมาเป็นผู้นำประเทศครั้งที่ 2 แบบไม่ต่อเนื่อง ถ้าทรัมป์ชนะเลือกตั้งในรอบที่ 3 เขาจะกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 และ 47 ของสหรัฐ
อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์
คลีฟแลนด์ซึ่งเป็นอดีตนายกเทศมนตรีของเมืองบัฟฟาโล่และผู้ว่ารัฐนิวยอร์ค เป็นประธานาธิบดีครั้งแรกในปี 1884 โดยเป็นเดโมแครตคนแรกที่ชนะเลือกตั้งได้เข้าไปทำงานในทำเนียบขาว หลังจากที่พรรคของเขาว่างเว้นจากตำแหน่งสำคัญนี้นับตั้งแต่ปี 1856 แต่เขาก็เสียตำแหน่งนี้ให้กับนายเบนจามิน แฮริสัน ในการเลือกตั้งในปี 1888
เรื่องที่เหมือนกันสองประธานาธิบดีสหรัฐ
เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างทรัมป์และคลีฟแลนด์แล้วจะเห็นได้ว่า ทั้งสองคนมีข้อเหมือนกันอยู่หลายประการ เช่น เป็นคนนิวยอร์คโดยกำเนิดเหมือนกัน มีนโยบายในบริหารประเทศเรื่องผู้อพยพคล้ายๆ กัน
และ ที่สำคัญทั้งคู่เข้าไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวทางเพศ คือ คลีฟแลนด์มีลูกนอกสมรส ในขณะที่ทรัมป์ก็ถูกหญิงสาวถึง 24 คนกล่าวหาว่า เขามีการประพฤติผิดทางเพศกับพวกเธอ
ในระหว่างการหาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกของคลีฟแลนด์ สื่อมวลชนออกมาเปิดเผยว่า เขามีลูกสมรสกับหญิงหม้ายคนหนึ่งนามว่า มาเรีย ฮัลพิน ซึ่งให้การว่า การเริ่มต้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ใช่เป็นการสมยอม เธอกล่าวหาว่า คลีฟแลนด์ข่มขืนเธอ
เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผย หลายฝ่ายแสดงความไม่พอใจ คลีฟแลนด์ออกมายอมรับว่า เด็กเป็นลูกของเขา แต่ความสัมพันธ์เกิดขึ้นในระหว่างที่เขายังเป็นโสด เขากล่าวหาว่า ฮัลพินเป็นผู้หญิงที่เสรีในเรื่องเพศและมีความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่แต่งงานแล้วของเขาหลายคน
เขาอ้างว่า เขาช่วยให้เด็กไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์และช่วยให้ฮัลพินเข้ารักษาทางจิตใจในโรงพยาบาลประสาท แต่หลังจากนั้นเพียง 2 วัน แพทย์ที่นั่นก็ปล่อยตัวเธอออกมาหลังจากวินิจฉัยว่า เธอไม่มีปัญหาทางจิต
ครอบครัวของโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ
ฟรานซิส คลีฟแลนด์ สตรีหมายเลข 1 ภรรยาของโกรเวอร์ คลีฟแลนด์
แต่ฮัลพินอ้างว่า คลีฟแลนด์ตามตื๊อเธอครั้งแล้วครั้งเล่า และเธอไม่ได้อนุญาตให้เขาเข้ามาในห้องนอนของเธอ และการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งนั้น คลีฟแลนด์กระทำการใช้อำนาจและรุนแรง
ส่วนการหาเสียงของทรัมป์ในปี 2016 ก็เต็มไปด้วยเรื่องอื้อฉาวทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เขาสนิทสนมกับนายเจฟฟรีย์ เอปสไตน์ นักธุรกิจชื่อดังที่โดนกล่าวหาว่า เป็นพวกวิปริต ชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก
ทรัมป์ยังถูกผู้หญิงทั้งหมด 24 คนกล่าวหาว่า ถูกล่วงละเมิดทางเพศ หนึ่งในนั้นคือ จีน แคร์โรล ซึ่งกล่าวหาว่า ถูกเขาข่มขืนในห้องแต่งตัวในห้างดีพาร์ทเม้นสโตร์แห่งหนึ่ง
ในช่วงนั้นเองที่ทรัมป์พูดโอ้อวดระหว่างให้สัมภาษณ์กับพิธีกรชื่อดัง บิลลี บุชว่า “ผมชอบผู้หญิงสวยๆ ผมจะเริ่มด้วยการจูบพวกเขาเหมือนแม่เหล็กนั่นแหละ เมื่อคุณเป็นคนดัง พวกเขาจะยอมคุณ คุณจะทำอะไรก็ได้ จะจับ ... ก็ได้”
ฟรานซิส คลีฟแลนด์
ทั้งทรัมป์และคลีฟแลนด์ ต่างชอบผู้หญิงอายุน้อยและสวย ทรัมป์เคยเป็นเจ้าของบริษัทจัดการประกวดมิสอเมริกา และเขาชอบโม้อย่างภาคภูมิใจว่า เขารอดจากการเป็นโรคติดต่อทางเพศมาได้อย่างปลอดภัย
สตรีหมายเลข 1 อายุน้อยที่สุด
ส่วนคลีฟแลนด์เป็นประธานาธิบดีคนเดียวที่แต่งงานระหว่างอยู่ในตำแหน่ง ตอนแต่งงานเขาอายุ 49 ปีแล้วโดยเจ้าสาวคือ ฟรานซิส โฟลซอม วัย 21 ปี เขาพบเจ้าสาวในอนาคตในขณะที่เธอยังเป็นทารกอยู่เลย โดยเขาเป็นเพื่อนของพ่อของเธอ
เมื่อพ่อของฟรานซิสเสียชีวิตในปี 1875 เขาก็เข้าไปอุปถัมป์เธอและแต่งงานกันในที่สุด ฟรานซิสก็กลายเป็นสตรีหมายเลข 1 ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
ส่วนทรัมป์แต่งงานมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกกับอิวาน่า ทรัมป์และมีลูกด้วยกัน 3 คน ในระหว่างนั้นทรัมป์ถูกจับได้ว่ามีความสัมพันธ์กับมาร์ลา เมเปิ้ล นางงามวัย 26 ปี มาร์ลากลายมาเป็นภรรยาคนที่ 2 ของทรัมป์และมีลูกด้วยกัน 1 คน
ทรัมป์หย่ากับมาร์ลาในปี 1999 และทรัมป์ก็มาแต่งงานกับเมลานี ทรัมป์ ภรรยาคนที่ 3 ซึ่งอายุน้อยกว่าทรัมป์ 2 รอบ
โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศลงเลือกตั้งปี 2024
ทรัมป์อ้างสาเหตุที่ไม่ไปรบในสงครามเวียดนามว่า เขาเป็นโรคกระดูกงอก ในขณะที่คลีฟแลนด์จ้างให้คนไปรบในสงครามกลางเมืองแทน (ซึ่งทำได้ในสมัยนั้น)
ในทางการเมือง คลีฟแลนด์ให้สัญญาระหว่างหาเสียงว่า จะปฏิรูประบบราชการและมีรัฐบาลที่มีขนาดที่เล็กลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นโยบายผู้อพยพของสองประธานาธิบดี
คลีฟแลนด์ประสบความสำเร็จในนโยบายที่สัญญาไว้ระดับหนึ่ง เพราะเขาสามารถลดจำนวนข้าราชการในหน่วยงานที่เขาคิดว่า มีตำแหน่งซ้ำซ้อนและผู้สนับสนุนเขายกย่องว่า เขาสามารถสกัดกั้นการให้ความช่วยเหลือพิเศษแก่บางกลุ่ม
เมื่อเกษตรกรในรัฐเท็กซัสได้รับผลกระทบจากปัญหาความแห้งแล้ง เขาวีโต้การเสนอร่างกฎหมายฉบับหนึ่งที่เสนอให้รัฐบาลกลางแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์มูลค่า 10,000 เหรียญสหรัฐแก่เกษตรกร
เขากล่าวว่า “ความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางในกรณีเช่นนี้เป็นการทำให้เกิดความคาดหวังว่า รัฐบาลกลางจะเข้ามาช่วยเหลือทุกครั้งและจะทำให้ประชาชนเป็นคนอ่อนแอ”
ส่วนทรัมป์ก็หาเสียงในการรณรงค์การเลือกตั้งในปี 2016 ว่า จะจัดการกับปัญหาคอร์รัปชันในวงราชการ ด้วยการจำกัดน้ำเน่าซึ่งก็คือ นักการเมือง ต้นตอของการคอร์รัปชันและแต่งตั้งรัฐบาลที่ทำงานรับใช้ชาวอเมริกันทุกคนไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ ก่อนถึงวันเลือกตั้งในปี 2016 ทรัมป์ทวีตเรื่องที่เขาจะกำจัดน้ำเน่าจากวงการเมืองสหรัฐถึง 79 ครั้ง แต่ผู้สันทัดทางการเมืองวิจารณ์ว่า เขาไม่ได้ทำตามสัญญาเลย
โดนัลด์ ทรัมป์และมาร์ลา เมเปิ้ล อดีตภรรยา (คนที่ 2)
นโยบายของคลิฟแลนด์และทรัมป์ที่เหมือนกันอีกคือ นโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพ ทรัมป์เสนอให้สร้างกำแพงตรงชายแดนระหว่างสหรัฐและเม็กซิโกให้ยาวขึ้นเพื่อป้องกันการลักลอบหนีเข้าสหรัฐของผู้อพยพชาวเม็กซิโก
และยังออกระเบียบห้ามคนจากประเทศมุสลิมเช่น อิหร่าน อิรัก ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรียและเยเมน เดินทางเข้าสหรัฐอีกด้วย ในขณะที่คลีฟแลนด์ต่ออายุกฎหมายที่ทำให้ผู้อพยพชาวจีนไม่สามารถสมัครขอสัญชาติอเมริกันได้
สตรีหมายเลข 1 ของทั้งสองคนล้วนแล้วแต่มีความหวังว่า จะได้กลับมาเป็นสตรีหมายเลข 1 อีก รายงานข่าวเล่าว่า ฟรานซิสพูดกับเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวตอนช่วงท้ายๆ ว่า
“ขอให้รักษาเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของในทำเนียบไว้ให้เหมือนเดิมเพราะเราจะกลับมา สี่ปีหลังจากนี้” และเธอก็ได้กลับมา
ส่วนเมลานี เคยตอบคำถามระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์ นิวส์ว่า เธอคิดว่า จะได้กลับมาที่ทำเนียบขาวหรือไม่
เธอตอบว่า “อย่าพูดว่า ไม่มีวัน” เราคงต้องมาดูว่า เธอจะสามารถตามรอยฟรานซิสได้หรือไม่
.............
รูปและเรื่อง : เว็บไซท์เดลี่ เมลล์, วิกิพีเดีย, ซีเอ็นเอ็น, บีบีซี
อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์และเมลานี ทรัมป์ ภรรยา