“ไชยา มิตรชัย” เจ้าของฉายา "ไม่ธรรมดา" ชีวิตจริง ยิ่งกว่าลิเก
พระเอกลิเกเงินล้าน ที่ผ่านเรื่องราวความยากลำบากในชีวิตมาไม่ใช่น้อย วันนี้ ไชยา มิตรไชย และ แป้ง ศรันฉัตร์ มิตรชัย (พ่อ-ลูก) มาเปิดเผยเรื่องราวชีวิต แง่คิด และตัวตน เคล็ดลับการทำงานให้ประสบความสำเร็จ รวมทั้งการดูแลตัวเอง
เรื่องราวในชีวิตจริงของ ไชยา มิตรชัย เหมือนละคร เติบโตในครอบครัวลิเกยุครุ่งเรือง แล้วตกต่ำ ต้องไปอยู่วัดในฐานะเด็กกำพร้า
แล้วมาเป็น พระเอกลิเกเงินล้าน จนถึงจุดอิ่มตัวขอลาออกจากวงการ......
หากย้อนไปถึงวีรกรรมของพระเอกลิเกเงินล้านที่มีความอ่อนน้อม ถ่อมตัว เป็นที่รักของเหล่าแม่ยก จนแม่ยกบางคนอยากยกลูกสาวให้
ยกพร้อมบ้านและที่ดินให้ แต่ต้องทะเบียนสมรสก่อน หรือเรื่องราวภรรยาและลูก กว่าจะเปิดเผยตัวและอยู่ด้วยกันได้ เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก
วันนี้ จุดประกาย จึงบุก ช่อง 8 พูดคุยกับไชยา และแป้ง (ศรันฉัตร์ มิตรชัย) พ่อ-ลูก ที่มารับบทพิธีกรคู่ รายการปากท้องต้องรู้ ....
ถามคุณพ่อก่อนก็แล้วกันนะคะว่า อะไรที่ทำให้ตัดสินใจเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพเล่นลิเก
ไชยา : ครอบครัวผมเป็นลิเกทั้งบ้าน คุณตาเขียนฉากลิเก เล่นโขน คุณยายถักเสื้อกั๊กลิเก แม่เป็นนางเอกลิเกวิทยุ พ่อก็เป็นพระเอก
คุณปู่เล่นตลกรุ่นปู่ดอกดิน กัญญามาลย์ เป็นเพื่อนซี้กันเลย สมัยก่อนลิเกถ้าคณะไม่ใหญ่จริงๆ เจ้าภาพก็จะว่าจ้างน้อย
ตอนนั้นเป็นยุครุ่งเรือง พอมีข่าวว่าแม่มีน้อง ก็คือมีผม กระแสนิยมก็ตก คณะลิเกก็ไปต่อไม่ไหว
เขาก็เลยเอาผมไปฝากไว้กับวัดสระแก้ว สถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า และเด็กยากจน ตอนนั้นต้องยอมรับว่า ครอบครัวเรายากจน พ่อไม่มีเงินส่งเรียนแล้ว
ผมอายุ 10 ขวบก็เลยไปหัดลิเกในวัด หารายได้เลี้ยงเด็กกำพร้าในวัด จำได้เล่นที่ตลาดพระโขนง 9 คืนได้ข้าวสารร้อยกระสอบ กลับมาเลี้ยงเด็กกำพร้าในวัด
ใครเป็นคนตั้งชื่อ “ไชยา มิตรชัย”
ไชยา : พ่อผมกับหลวงพ่อฉบับ อดีตเจ้าอาวาส เอาชื่อ ไชยา สุริยัน กับ มิตรชัย บัญชา มารวมกัน ผมถือว่า
ไชยา มิตรชัย เป็นชื่อที่พ่อและพระที่เลี้ยงผมมา ซึ่งเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ตั้งให้ ผมยินดีรับชื่อนั้นมาเล่นลิเกครั้งแรกที่ตลาดพระโขนง
ผมหัดลิเกตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ตอน 5 ขวบพ่อแต่งกลอนให้ ผมร้องลิเกเล่นเป็นตัวลูก
ทุกวันนี้ยังจำกลอนนั้นได้ แม่ปักชุดให้ วัดสระแก้วให้ความรู้และอาชีพกับเด็กๆ ใครมีความสามารถด้านไหน ใครจะเล่นลำตัด
เขาก็เอาครูลำตัดมาหัดให้ ใครจะเล่นโขน เรียนตัดผม ทอผ้า ตอนนั้นมีหลายอาชีพมาก เพราะหลวงพ่อมองการณ์ไกล
เด็กร้อยพ่อพันแม่บางคนเรียนไม่รอด มีอาชีพเสริมให้ตามแต่จะเลือก
ตอนฝึกฝนเล่นลิเก ท้อบ้างไหม?
ไชยา : ก่อนที่ผมจะถูกบรรจุลงในคณะลิเกวัดสระแก้ว ตอนอายุ10 ขวบ เลิกโรงเรียน ต้องฝึกร้อง ฝึกรำ ตื่นตี 4 มาฝึกรำ จนถึง 8 โมง
พักกินข้าว 4 ชั่วโมงไม่ได้หยุดเลย แล้วหน้าหนาวด้วยนะ พอกินข้าวเสร็จออกทุ่ง ร้องลิเก แต่ละคนได้กลอนไปแล้ว ต้องร้องให้ดัง
ร้องให้พ่อได้ยิน ฝึกร้อง 2 ชั่วโมงกลับมารำต่อ แล้วมาฝึกเข้าเรื่องกัน ฝึกไปจนถึงเที่ยงคืนเข้ากับตะโพน ระนาด
ต้องฝึกหนักเพราะมีเวลา 3 เดือน ไปสอบเพื่อบรรจุเป็นคณะลิเกวัดสระแก้ว เลิกเรียนมาหัดลิเกทุกวัน ต้องดัดมือให้อ่อน
แช่น้ำร้อนดัดบ้าง ใครว่าไปกินน้ำค้างเสียงจะได้ใส ผมก็กิน (หัวเราะ)
ภาพโดย : วันชัย ไกรศรขจิต
มีช่วงหนึ่งที่ “ไชยา มิตรชัย” หายไปจากจอทีวี เกิดอะไรขึ้น
ไชยา : ตอนนั้นเป็นช่วงที่ลูกเข้ามหาวิทยาลัย (แป้ง-ศรันฉัตร์ มิตรชัย) ผมรู้สึกเหนื่อย อยากหยุดแล้ว ไม่ทำอะไร กิน นอน กิน นอน
ผมอ้วนเป็นถังแก๊สเลยตอนนั้น รู้สึกอิ่มตัวมาตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ ผมมีลูกไวด้วย ตอนนั้นผมพร้อมทุกอย่างแล้วชีวิตไม่ต้องดิ้นรนอะไรแล้ว
แต่พอหันไปเจอพี่น้องในคณะ อ้อ!ยังหยุดไม่ได้ เพราะป้าย ไชยา มิตรชัย ก็ยังแขวนอยู่ คณะไชยา มิตรชัย แต่ไม่มีเราไปแสดงมันก็ไม่ได้
น้องแป้ง ลูกสาวสุดที่รักของพ่อ ไชยา มิตรชัย
เพราะพี่ๆน้องๆที่หากินด้วยกันมา เขายังลืมตาอ้าปากไม่ได้ เราทิ้งเขาไม่ได้ ก็เลยทำต่อไป แต่ก็ไม่ได้ทำแบบสุกเอาเผากินนะ
กลายเป็นว่าอิ่มก็จริงแต่มีความสุข ตอน “ไม่ธรรมดา” งานเยอะมาก จนต้องหามขึ้นเวที เพราะไม่ได้พักเลย ตอนลูกเข้ามหาวิทยาลัย
ก็เลยลาวงการ ไม่รับงานทีวี ลิเกก็พอแล้ว จำหน่ายทุกอย่างออกไปให้คนไปตั้งตัว หยุดไป 2 ปี แม่เป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้น เครียดอะไรหรือเปล่าลูก
ในที่สุดก็กลับมา ?
ไชยา : ก็ทางผู้บริหารสถานี ช่อง 8 โทรมาชวนไปทำรายการ ปากท้องต้องรู้ ก็หลวมตัว (หัวเราะ) พอรับรายการ คนเห็นหน้าจอ
ก็ติดต่อเข้ามาอีก ตอนวางมือผมไม่คิดอะไรเลย ปล่อยตัว กินวันละ 7 มื้อ เพราะเหนื่อยมาทั้งชีวิต อยู่บ้านที่อ่างทอง มีต้นไม้ใบหญ้า
แต่ก็แอบเล่นลิเก ประปราย ชาวบ้านบอกว่า ขอดูเรื่องขุนช้างขุนแผนก็ยังดี เราก็เล่นเป็นจมื่นไวย ต่อยมวย รำดาบ ตีกระบี่กับพลายชุมพล เชื่อไหมว่าเจ้าภาพฮาเลย คือเราอ้วนซิปแตก (หัวเราะ)
ช่วงที่ดังๆ พีคๆ มีวีรกรรมแม่ยกมาเล่าบ้างไหม
ไชยา : มีหลายสิ่งหลายอย่าง เขาก็ไม่รู้ว่าเรามีเมียแล้ว หน้าผมเด็กมาก ไม่สมควรที่จะมีลูกหรอก มีคนจะมายกลูกสาวให้ บอกว่า
ไม่ต้องกลัว แม่มีบ้าน มีที่ดิน ฯลฯ บางคนซื้อบ้านไว้แล้วหลังใหญ่ หลอกพาเราไปดู จะเซอร์ไพรส์ ยกให้เลยนะ
แต่ต้องเซ็นจดทะเบียนอยู่ด้วยกันเลย จนเราต้องหนี มีข่าวลือกอีกว่า ไอ้นี่มันไม่ชอบผู้หญิงหรอก
คือเขารักเอ็นดูเราจริงๆ เขาเห็นว่าเราเป็นมนุษย์ทำงาน เป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ไม่มีข่าวเสียๆหายๆ เป็นคนที่เรียนหนังสือ เชื่อฟังพ่อแม่
มีรุ่นพี่บอกว่ามาอยู่กับพี่นะ อยากได้อะไร แหวนเพชรเท่าไหร่ก็จะซื้อให้ เราเองก็ทิฐิเหมือนกัน ผมหาเงินมาตั้งแต่เด็ก จับเงินล้านมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่
ลูกกับภรรยารู้เรื่องแบบนี้ไหม
ไชยา : ไม่รู้หรอก เกี่ยวกับเนื้องานและอาชีพของเรา แม่ยายผมเป็นคนหาลิเกไปสร้างโบสถ์ ทำบุญ วัดโน้นวัดนี้ แฟนผมก็ตามไปอยู่แล้ว
แต่ไม่มีใครรู้ เขาก็จะเห็นภาพคนเกพวงมาลัยทับกันเหมือนเชียร์มวย แต่บางเรื่องเราก็ไม่ได้เล่าให้เขาฟัง เพราะเดี๋ยวจะคิดมากเปล่าๆ
เพราะอะไรถึงรักภรรยาคนนี้มาก
ไชยา : ผมรักเขา เพราะเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย จนเป็นข่าว เขาก็ยังปกป้องเรา พาลูกสาวหนีขึ้นไปอยู่บนเขา หนีไม่รู้กี่ครั้ง
ย้ายบ้าน ย้ายโรงเรียน จนแม่ภรรยาบอกว่าพอเถอะ ให้เขาโลดแล่นบนเส้นทางบันเทิง เราอย่าไปอยู่กับเขาเลย เขาก็บอกแม่ว่าไม่เป็นไร
หนูอยู่ได้ มันคือความรักและความอดทนไงครับที่เขามีต่อเรา ช่วงที่ห่างกัน เขาเป็นทั้งแม่ทั้งพ่อแทนเรา 1 ปีเต็ม ไม่พูดไม่คุยกัน
ไม่กลับบ้านไปหาเขาเลย จนเขาคิดว่า เขาเสียเราไปแล้ว แต่เขาก็รอ จนถึงมีวันนี้ไงครับ
น้องแป้งหัดลิเกตอนอายุเท่าไหร่คะ
แป้ง : ตอนป.6 คุณอามิกซ์ (น้องชายพ่อ) อยากทำคณะลิเก ก็เลยมาเริ่มหัดลิเกกัน ฝึกปีเดียว ก็ออกเล่นคู่กัน เป็นคณะเด็ก
เพื่อนในคณะเยอะก็เลยอยากจะลองหัดดู หัดร้องกลอน สนุก แต่ก็ยากมาก พอขึ้นเวทีจริง กลับกลายเป็นว่าไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้
พอเห็นคนดูก็ตื่นเวที ด้วยความที่เราอยู่ ป.6 ตัวนิดเดียว แต่ต้องแบกเครื่องเพชร อลังการ เสื้อผ้าก็หนัก รำไม่ออก
ต้องเกร็งคอร้องกลอน จนคิดว่าน่าจะไม่ใช่ทางของเรา หนูชอบร้องเพลงมากกว่า ก็เลยเดินสายประกวดร้องเพลง
ไชยา : ตอนเขาประกวดร้องเพลง เราก็แอบไปดูห่างๆ บอกใครไม่ได้ว่าลูกฉันนะ บ้านอื่นพ่อแม่เขาไปเชียร์ลูกกัน น้องแป้งมีแต่แม่ ไม่มีใครรู้ว่าพ่อเป็นใคร
แป้ง : แต่พ่อก็แต่งหน้าให้หนูนะ แล้วก็แอบดูอยู่ในรถ
น้องแป้งเล่นลิเกกับพ่อ แล้วยังมาจัดรายการคู่กัน อันไหนยากสุด
ไชยา : ลิเกยากสุดแล้ว กว่าจะเข้าขากัน โดนแฟนคลับมาเยอะ เล่นคู่กันใหม่ๆ ไม่ได้เปิดตัวว่าเป็นลูกสาว คนก็เข้าใจว่าเป็นเครือญาติ
เป็นมิตรชัยคนหนึ่ง เวทีของผม Option เยอะ พอออกโรงปั๊บผิดพลาดไม่ได้ ไอ้นี่ก็ขาสั่น รำออกไป กลัวทุกอย่าง เกร็งทุกอย่าง
แป้ง : พอเราได้ยินแม่ยกพูดว่าเราอ่อน ไม่เหมาะ หนูกลัวจนหูดับไปเลย ตอนจบ ทุกคนที่ออกมาเล่นได้มาลัย ยกเว้นหนูคนเดียว
ซึ่งหนูเป็นนางเอกนะ เราเป็นนักร้อง ฟังคีย์ออก แต่เรากลัวจนฟังคีย์ลิเกไม่ออก
ไชยา : น้องเขาร้องไห้ มากราบผมหลังเวที พ่อหนูขอโทษนะ หนูทำงานพ่อเสียหาย เราก็ให้กำลังใจลูกไม่ซ้ำเติม เขาเคยเห็นผมดุไง
เวลาที่ออกไม่ทัน เดดแอร์เสี้ยววินาที เพราะลิเกเราระดับประเทศแล้ว พลาดไม่ได้ นี่ก็เลยกลัวไปใหญ่เลย
แป้ง : สิ่งเดียวที่ทำให้หนูกลับมาเล่นลิเกต่อก็คือ แม่ถามว่า ลืมจุดมุ่งหมายแรกที่จะมาเล่นลิเกแล้วเหรอ จะมาเล่นเพราะใคร ...เพราะพ่อ
งั้นก็ต้องสู้สิ ทำไมจะไม่สู้ ก็เลยมุ่งมั่นเล่นทุกคืน คิดว่าถ้าเราเล่น 100 คืน จะแย่ทั้ง 100 คืนก็ให้มันรู้ไป ต้องมีคืนที่เป็นของเราบ้างสิ
มาจัดรายการปากท้องต้องรู้คู่กันได้อย่างไร ?
ไชยา : ก่อนอื่นต้องบอกเลยนะครับว่า ผมไม่เคยดันลูก หรือฝากลูก ผู้ใหญ่เขาเห็นน้องแป้ง เพราะเขาถ่ายละครอยู่แล้ว ผมรู้ดีถึง
ความลำบากใจเวลาใครมาฝากลูกฝากหลาน เพราะเราเองก็เคยตกอยู่ในสถานะนั้น ถ้าเราฝากลูกเรา กี่คนที่เดินเข้าไปหาผู้ใหญ่ ผมถึงไม่เคยทำเลย
กล้าพูดว่าเขามาด้วยความสามารถ มาจากความกดดันที่เขาเคยมี พ่อเคยบอกเขาว่าถ้าไม่อยากพลาดหนูต้องทำการบ้าน รวมทั้งงานละครที่เขาทำ
เป๊ะไปหมด ซึ่งลูกสาวมาทำงานตรงนี้ ก็ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ ทางรายการปากท้องต้องรู้ ช่อง 8 เขาอยากได้พิธีกรเป็นคู่พ่อลูก
แป้ง : หนูก็โดนกระแสอีกว่า เข้าวงการได้เพราะพ่อ ความจริงหนูพยายามด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็ก เป้าหมายเราคืออยากเป็นนักร้อง
นักแสดง ไปลองแคสมาเยอะมาก จนจบมหาวิทยาลัย ก็เลยคุยกับแม่ว่า ต้องทำอาชีพอื่นแล้วแหละ แม่ก็เห็นด้วย
หรือจะไปเรียนต่อปริญญาโท ทำงานสายอื่นไปเลย ก็เคยแอบคิดว่าพ่อเล่นละครหลายเรื่อง พ่อฝากหนูได้ไหม หนูอยากเล่นละครมาก
แต่เขาไม่ทำ ใจหนึ่งก็อยากทำด้วยตัวเอง ไม่บอกใครว่าเป็นลูกไชยา พอทุกอย่างมันเปิด ทุกคนรู้ว่าเราเป็นลูกสาว ไชยา มิตรชัย
เราก็ต้องพัฒนาฝีมือ ให้สมกับที่เป็นลูกพ่อ ไม่ให้เสียชื่อพ่อ และไม่อยากให้ใครมาสบประมาทว่าเราไม่เก่ง
ไชยา : แป้งเล่นละครเรื่องแรก นางฟ้าอสูร ที่พ่อเปี๊ยก (พิศาล อัครเศรณี )กำกับ เราเดินเข้าไปที่กองถ่าย ซึ่งไม่เคยไปเลย ตอนนั้นยังไม่ได้เปิดตัว
กะจะเดินไปกระซิบว่า ฝากแป้งด้วยนะลูกสาวผม จะไปเช็คผลงานลูกด้วยว่าเป็นอย่างไร ก้าวขาเข้าไป ยังไม่ทันพูดอะไร พ่อเปี๊ยกบอก
ไอ้เอ ไอ้แป้ง มันอย่างงี้เลย (ยกนิ้วโป้ง) เป๊ะมากทุกอย่าง มันเก่ง มันทำการบ้านมาหมดเลย แต่มึงระวังนะ ลูกมึงจะเครียด เขาพูดคำนี้ออกมาเลย สายตาผู้ใหญ่เขามองรู้หมด
หวงลูกสาวไหม?
ไชยา : อะไรนะ (หวงลูกสาวไหม? ถามซ้ำ) อะไรนะ (หัวเราะ) ห่วง ไม่หวงหรอกครับ ตอนนี้เขาก็มีเพื่อน เรายังใช้คำว่า เพื่อนที่รู้ใจอยู่นะครับ
ใครเข้ามาเราก็ช่วยดูให้ บางทีเขาก็ดูเองแหละ ถามว่าพ่อ คนนี้ไหวไหมเนี่ย พ่อก็จะบอกว่าอันนี้ไม่ใช่ โน่นนี่นั่น ไม่หวงหรอกครับ
จริงๆ ด้วยวัยของเขา ถ้าลูกวัยขนาดนี้ ไม่มีคนมาจีบเลย ก็แปลกละ
ถ้ามีคนมาชอบลูกสาว เราจะดูคุณสมบัติอะไรบ้าง แบบไหนผ่านไม่ผ่าน
ไชยา : ผมจะเห็นความสำคัญของกาลเทศะ เราก็ถูกสอนมาแบบนี้ และเราก็สอนลูกแบบนี้ เจอที่ทำงานจีบๆ กัน ก็กลายเป็นเพื่อนร่วมงาน
เพราะต้องทำงานด้วยกัน ก็บอกเขาไว้ตั้งแต่เริ่มโตเป็นสาวว่า ถ้าเราทำไม่ดีปั๊บ จะมาถึงพ่อแม่ ถึงครอบครัวเลยนะ เพราะเราก็ถูกสอนมาแบบนั้น
แต่ถ้าเราทำดีปั๊บ มันก็มาถึงพ่อแม่อีกนั่นแหละ ตอนนี้ปล่อยได้แล้ว เพราะลูกโตแล้ว รู้ว่าอะไรควร ไม่ควร เขามีอะไรก็มาปรึกษาเราได้ มีพ่อเป็นที่ปรึกษา
มีเคล็ดลับการดูแลตัวเองอย่างไร
ไชยา : พวกเราคนหน้าจอ ตื่นนอนมาก็ส่องกระจก ผมอยู่แบบนั้นมาตั้งแต่เล็กจนโต พ่อผมสอนว่า เราเป็นดารา ถ้าไม่พร้อมอย่าก้าวขาออกจากบ้านนะลูก
พ่อผมสำอางมาตั้งแต่หนุ่มๆ จริงๆ เริ่มมาจากปู่ด้วยซ้ำ เวลาไปงานลิเกนี่ หวีผมเรียบแปล้ พระเอกลิเกนี่ครับ ยิ่งตอนดังมากๆ ผลงานชุดไม่ธรรมดา
หวีผมเรียบไม่กระดิกซักเส้น พ่อบอกว่าต้องรักษาภาพของเรา นักข่าวรออยู่เต็มไปหมดเลย ก็เลยถ่ายทอดมาถึงลูกสาว ไม่ได้นะเราเป็นผู้หญิง
หนูจะมอมแมมออกไปไม่ได้เลย บางทีคนเห็นเรา ขอถ่ายรูป เราต้องพร้อมเสมอ ครั้งหนึ่งผมไปถ่ายรายการครัวลั่นทุ่ง ตื่นนอนรีบลงจากรถ คนวิ่งมา
พี่เอมาแล้วๆๆ ขอถ่ายรูปหน่อย เดี๋ยวนะผมขอหวีผมหน่อย เค้าบอกไม่เป็นไรๆๆ
โอ้โหลงโซเชียลไปแล้ว รูปคุณสวยพริ้งเลย ผมนี่ยังกะผี ตั้งแต่นั้นมาเห็นเอ-ไชยาลงจากรถตู้ไป ต้องพร้อมแล้ว จะไม่เหมือนวันนั้นอีกแล้ว
ผมก็ดูแลตัวเองตลอดตั้งแต่นั้น เรื่องสุขภาพก็ต้องดูแล เพราะผมอยากอยู่กับลูกเมียไปนานๆผมสอนลูกเลยว่า
ในเรื่องกิริยามารยาท อ่อนน้อมถ่อมตนไว้ ดีที่สุดลูก ใครเขาจะอวดโอ้ อะไรก็แล้วแต่ แต่สังคมไทยเรายังไงก็ต้องรู้กาลเทศะ
แฟนคลับ “ไชยา มิตรชัย” ติดตามผลงานของเขาได้ ในรายการ “ปากท้องต้องรู้ ดูแล้ว ร้วย รวย” ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-09.30 น. และ วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-10.00 น. ทางช่อง 8 กดเลข 27