ในสายตาชาวต่างชาติ ฤดูร้อนเชียงใหม่ คือ Burning Season – หนีเหอะ !

ฤดูร้อนในเมืองไทย โดยเฉพาะเชียงใหม่และภาคเหนือ เว็บไซต์ท่องเที่ยวต่างชาติแนะนำนักท่องเที่ยวไว้ว่า นอกจากร้อนและแห้งแล้ว ยังปกคลุมด้วยหมอกควันจากการเผา แนะนำให้เลี่ยงภูมิภาคนี้
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม ฤดูนี้สำหรับคนไทยคือช่วงของวันหยุด ความสนุกสนาน เกษตรกรยังไม่มีปลูก โรงเรียนก็ปิดเทอม จากนั้นก็จะเข้าสู่ตรุษ-สงกรานต์ สีสันของเทศกาลยาวต่อเนื่อง
ความสนุกสนานดังกล่าวถูกบรรจุในกิจกรรมท่องเที่ยวระดับโลกที่ชาวต่างชาติรู้จักเทศกาลแห่งน้ำสงกรานต์ไทยเป็นอย่างดี ประเทศไทยนั้นติดลำดับประเทศท่องเที่ยวระดับโลกมานาน ข้อมูลข่าวสารมากมายละเอียดยิบเขียนแนะนำการท่องเที่ยวลงลึกเป็นรายภาค มาเยือนไทยฤดูร้อนควรจะไปที่ไหน อย่างไร สามารถหาดูได้ทั่วไปแค่พิมพ์คำค้นหาในอินเตอร์เน็ต
แต่มันก็น่าเสียดายไม่น้อยที่ระยะหลังข้อมูลข่าวสารท่องเที่ยวฤดูร้อนประเทศไทย แนะนำให้ไปเที่ยวได้ทุกที่ ยกเว้นเชียงใหม่และภาคเหนือ เพื่อหลีกเลี่ยงฤดูการเผา และมลพิษอากาศ !
ยกตัวอย่าง :-
เว็บไซต์ดัง https://gotothailand.com ซึ่งเป็นข้อมูลแนะนำประเทศไทยที่ละเอียดเป็นที่ยอมรับมาก เขียนโดยคู่สามีภรรยา Sander&Mariska คนทั้งคู่หลงรักประเทศไทยและใช้เวลาท่องเที่ยวไปทั่วประเทศ เขียนแนะนำใน หมวดฤดูกาล/การท่องเที่ยวแต่ละเดือน Weather/ Monthly Weather Overview ประจำเดือนมีนาคม
คำแนะของเขาบอกว่าฤดูนี้ประเทศไทยร้อนมาก ข้อแนะนำส่วนใหญ่ให้ไปแถบชายทะเล ทั้งยังเขียนว่า เมืองเชียงใหม่และทางเหนือของประเทศนั้น นอกจากอากาศจะร้อนและแห้งแล้ว ยังถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันจากการเผา แนะนำให้หลีกเลี่ยงภูมิภาคนี้ในช่วงฤดูร้อน https://gotothailand.com/weather-thailand-march/
เว็บไซต์แนะนำท่องเที่ยวอีกเจ้า www.holidify.com ออกบทความชื่อ Burning Season In Chiang Mai - All You Need To Know ซึ่งได้บรรยายปัญหามลพิษอากาศของเชียงใหม่ได้อย่างเจ็บแสบ บอกว่ามีการเผามากมายในท่ามกลางภูมิประเทศภูเขา ที่แสบยิ่งกว่านั้น
https://www.holidify.com/pages/chiang-mai-smoke-season-1222.html
บทความนี้ยังมีหัวข้อ Survival Guide แนะนำว่า ให้หนีออกจากเมืองแห่งนี้ไปหาสถานที่เที่ยวใหม่เหอะ อาจจะเป็นบาหลี หรือมาเลเซียก็ได้ หรือไม่ก็สวมหน้ากาก N95 ตลอดเวลา ใช้เครื่องฟอกอากาศ หรือ ไม่ก็อยู่แต่ในห้องไม่ต้องออกไปไหน (ดูจะเป็นคำแนะนำที่เชือดเฉือนมาก มาเที่ยวแต่ไม่ให้ออกไปไหน) เว็บไซต์นี้มีทัศนะไม่ดีอย่างยิ่งกับฤดูฝุ่นควันเชียงใหม่
ชาวต่างชาติสนใจและศึกษาปัญหามลพิษอากาศของเชียงใหม่เป็นอย่างดี บทความชื่อ A Survivor’s Guide to Chiang Mai’s Burning Season เขียนโดย Ryan Zander ในเว็บไซต์ https://iglu.net/ นำเสนอข้อมูลสาเหตุต้นตอปัญหาการเผา ระดับค่าอากาศ ระดับความอันตราย และสุดท้ายคือแนะนำให้หนีออกนอกเมืองชั่วคราว
Should you leave town during the smoky season?
I always do—at least for the worst few weeks of it.
ประเด็นว่าด้วยฤดูร้อนของภาคเหนือและเชียงใหม่ที่ไม่น่าท่องเที่ยว ถูกจุดขึ้นมานานพอสมควรเมื่อดูจากช่วงเวลาการเขียนบทความตัวอย่างที่ยกมา มันเป็นภาพลักษณ์ด้านลบใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาแทนภาพของฤดูกาลแห่งเทศกาล สีสัน ความสนุกสนาน
สะดุดกับวิดีโอยูทูป Chiang Mai Burning Season 2023: What's it Like? ที่เพิ่งอัพโหลดหยกๆ โดยผู้ใช้นาม Walk-About Wayne มีคนเข้าไปดูและแลกเปลี่ยนความเห็นมากมายถึง 124 คอมเมนท์ ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ แน่นอนว่า แทบทั้งหมดแสดงออกถึงความไม่พอใจ
ตัวอย่างเช่น :-
Beverly Weber : Ah, yes...time for the smoke and haze and heat. What I hated about burning season was the smell and the yellow skies,
Amanda Kuch : My boyfriend and I are first timers to Thailand and are coming for Songkran and staying for a week. As soon as I began to plan and research, I realized it may not be ideal to go to Chiang Mai at this time.
ในฐานะที่เป็นราษฎรอาศัยในเมืองเชียงใหม่ที่ถูกกล่าวถึงจากภายนอกเช่นนี้ ย่อมรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง เพราะมันเป็นภาพลักษณ์ที่บั่นทอนเศรษฐกิจสังคมในระยะยาว แต่มองอีกด้านหนึ่งหากประเทศไทยยังไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ คือ ยังปล่อยให้เกิดมลพิษฝุ่นควันไฟประจำฤดูซ้ำซากเช่นเดิมปีแล้วปีเล่า
แน่นอนที่สุด คำว่า Burning Season จะมาแทนที่ภาพลักษณ์ของฤดูกาลท่องเที่ยวสีสันสนุกสนาน สงกรานต์และการสาดน้ำที่เคยเป็นจุดแข็งในอดีตอย่างแน่นอน ในปัจจุบันขณะนี้มลพิษฝุ่นควันไฟมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวขนาดไหน ตอบว่า คนที่ไม่พอใจและผละออกไปก็มากอยู่ แต่จำนวนผู้มาเยือนรายใหม่ก็ยังไม่ได้ลดลงมาก
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เขียนเพิ่งไปเมืองปายกลับมา ที่นั่นยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากที่ยังสนุกอยู่ที่นั่น แพห่วงยางลอยเล่นน้ำปายเป็นที่นิยม จากที่เคยมีรอบละ 100-200 คน ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนปาขึ้นไป 450 คน แน่นขนัดลำน้ำ เนื่องจากว่า ค่ามลพิษ pm2.5 ไม่ได้หนักสาหัสมากทะลุ 300-400 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ดั่งในอดีต
กล่าวคือ มลพิษที่นั่น (ซึ่งคุมไฟในพื้นที่ได้ดีพอควร) อยู่ที่ระดับ 100 ไมโครกรัม +/- คือยังพอครึ้มๆ เห็นดอยลางๆ ก็พอเห็นอยู่บ้าง ส่วนตัวเมืองเชียงใหม่ยังมีต่างชาติหนาตา โดยเฉพาะชาติเอเชีย ซึ่งก็ได้แต่หวังว่า พวกเขาเหล่านั้นคงไม่เอาประสบการณ์ที่ไม่ประทับใจไปขยายเผยแพร่ต่อ
การสร้างภาพลักษณ์ประทับจำ Branding เมืองท่องเที่ยวระดับโลก เป็นต้นทุนที่ต้องสร้างขึ้นชนิดที่เมืองหลายเมืองทุ่มทุนทรัพย์มากมาย อาจจะยังไม่ได้รับผลตอบกลับอย่างที่ควร ขณะที่การเปลี่ยนภาพลักษณ์เดิม สู่ภาพลักษณ์ใหม่ที่ไม่พึงปรารถนา ก็คือการทำลายต้นทุนสะสมที่อุตส่าห์สร้างสมมาในอดีต ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลไม่รู้จะคำนวณเป็นตัวเลขได้อย่างไร ผลกระทบก็มหาศาลเช่นเดียวกัน.
อ้างอิง :
https://www.holidify.com/pages/chiang-mai-smoke-season-1222.html
https://gotothailand.com/smoky-season-chiang-mai/
https://gotothailand.com/weather-thailand-march/
https://iglu.net/survivor-guide-chiang-mai-smoky-season/
https://www.youtube.com/watch?v=Tx22ZFpLgiA