‘แมวบิน’ นักจัดระเบียบบ้าน ที่มีคิวจองล่วงหน้า 6 เดือน
‘แมวบิน’ ชวนทุกคนมาจัดการชีวิต ด้วยการจัดบ้านกับนักจัดระเบียบบ้านหนึ่งเดียว ที่มีคิวจองล่วงหน้าถึง 6 เดือน
‘บ้าน’ คือ โลกส่วนตัวของคนทุกคน เมื่ออยู่อาศัยนาน ๆ ข้าวของก็เพิ่มขึ้น จนเต็มพื้นที่ ถ้าไม่จัดระเบียบก็รก ในยุคนี้เรียกหานักจัดระเบียบบ้านมาช่วยเหลือได้
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 ในงานบ้านและสวน 'แมวอิม' อิมยาดา เรือนภู่ และ 'แมววา' ปริยาภา ริ้วทอง ได้มาร่วมกันเล่าถึงเทคนิคการจัดบ้าน ณ ไบเทค บางนา
"ตั้งแต่จำความได้ ตากับยายก็มอบหมายหน้าที่ให้แมวอิมทำงานบ้านตั้งแต่เด็ก ๆ จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ มีความโรคจิตชอบทำงานบ้าน ใครวางของผิดที่ไม่ได้เลย ทำให้มีความคิดว่า สิ่งนี้น่าจะช่วยคนได้เยอะ ก็เลยเริ่มรับจัดบ้าน”
- รื้อแล้วจัดระเบียบบ้าน
ทั้งสองเป็นคนรักแมว จึงตั้งชื่องานที่ทำเกี่ยวกับการจัดระเบียบบ้านว่า ‘แมวบิน’ เพราะแมวเป็นสัตว์ที่รักความสะอาดชอบเลียขน ส่วน ‘บิน’ คือติดปีกบิน เราทำงานด้วยความเร็ว ‘แมวบิน’ เพิ่งแจ้งเกิดได้ 7 เดือน
Cr. Kanok Shokjaratkul
แมววา กับ แมวอิม ช่วยกันเล่าถึงการจัดระเบียบบ้านว่า
"ก่อนจัดบ้าน เราจะดูขนาดพื้นที่ ปริมาณสิ่งของ คาแรคเตอร์ลูกค้า เป็นคนสะสม หรือเป็นคนปล่อยวางง่าย ถ้าปล่อยวางง่าย ตามใจแมวเลย ราคาก็จะลงมา
เมื่อไปถึงหน้างาน เราจะรื้อของทั้งบ้านออกมาหมดเลย 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วคัดทีละหมวด เสื้อผ้า, หนังสือ, ความทรงจำ, ยา, อาหาร
จากนั้นคัดละเอียดอีกที ดูวันหมดอายุ ดูว่าเก่าไหม เสื่อมไหม จนเหลือแต่ของดี สวยงาม จัดวางขึ้นชั้นวางของ อะไรที่เกินชั้นวาง เป็นพวกตกรอบ เราอนุญาตให้วางได้หนึ่งตู้ หนังสือ 100 เล่ม รองเท้า 50 คู่ ใช้พื้นที่จัดเก็บเป็นตัวบังคับ
เรื่องทรัพย์สิน เงินทอง เราไม่แตะ พระเครื่อง แหวนแต่งงาน ทอง ข้อต่อนาฬิกา ถ้าเจอเอาให้ลูกค้า ส่วนของแปลก สายมู ทำความสะอาดวางไว้ที่เดิมไม่เคลื่อนย้าย
บางอย่างที่หาไม่เจอ แต่แมวบินเจอ เพราะเรารื้อออกมา 100 เปอร์เซนต์ ของที่แฟนเก่าซื้อให้ ของในวัยเด็ก ของลูก อยู่ในหมวดความทรงจำ เราแทบไม่ทิ้งเลย
ส่วนมากที่เจอคือ ของหมดอายุ บางบ้านหมดอายุไปแล้ว 5-10 ปี เช่น ยา, เครื่องสำอาง, อาหาร ในตู้เย็น บางบ้านเคลียร์แล้วไม่เหลืออะไรเลย เพราะหมดอายุทั้งหมด"
Cr. แมวบิน นักจัดระเบียบบ้าน
- บ้านแบบไหนจัดยาก
แมวอิม เล่าว่า ให้ความสำคัญกับสุขภาพของทีมงานเป็นอันดับแรก เพราะแมวอิมเคยเป็นลม
"วันนั้น ห้าว ทำคนเดียว 10 ชั่วโมงรวด เวลาทำงานหนัก ๆ เหนื่อย ๆ เราต้องการออกซิเจน ต้องการอากาศ ต้องการแสงสว่าง
เราจะปฏิเสธเคสชั้นใต้ดิน ไม่มีหน้าต่าง เคยมีลูกค้ากลัวจิ้งจก เขาไม่เปิดหน้าต่างหรือประตูเลย เราบอกว่า ถ้าไม่เปิดหน้าต่าง ขออนุญาตยกเลิกเคสนะคะ เตรียมกลับบ้าน เพราะเราทำงานยาว 5 ชั่วโมง สถานที่ต้องเอื้อ"
ขณะที่แมววา เล่าว่า เคสที่ยากคือ ผู้สูงวัย มีของเยอะเพราะอยู่มานาน 30 ปี
"แม้เขาจะรู้แล้วว่า วันนี้พวกเราจะเข้าไปทำงาน เขายังปิดใจอยู่ มายื้อยุด เราต้องอธิบายว่า ที่เข้ามาทำ เขาจะได้อะไรบ้าง พอเขาเห็นความเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ชั่วโมงที่หนึ่ง ชั่วโมงที่สอง
จากปิดใจ 100 เปอร์เซนต์ เปลี่ยนมาบริจาคเองเยอะมาก เรายังไม่เคยเจอลูกค้าที่ปิดใจจนนาทีสุดท้าย"
Cr. แมวบิน นักจัดระเบียบบ้าน
แมวอิม เสริมว่า ปกติเวลาเราคุยกับแม่ คนส่วนใหญ่มักคุยแบบไม่เป็นมิตร เช่น "เก็บไว้ทำไม ทิ้ง ๆ ไปเถอะ"
"เราควรคุยกับเขาดี ๆ พาไปเห็นของพันชิ้น หมื่นชิ้น ให้เขาตัดสินใจทิ้งด้วยตัวเอง ให้ผ่านมือเขาทุกชิ้น และเราจะไม่แอบทิ้ง
ไม่ใช่รอให้เขาไปต่างประเทศ แล้วเราทิ้ง ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเจ้าของไม่อนุญาต เราไม่รับทำเลย มันเป็นความผิดและวิธีการที่ผิด
เมื่อคุณทำครั้งที่หนึ่งไปแล้ว จะไม่ได้รับความไว้วางใจจากเขาอีกเลย คุณจะไม่มีวันชนะเขา บ้านคุณจะไม่มีวันโล่ง มันจะกลับมาอีก มันมีแรงต้าน ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เพราะเขากลัวและหวาดระแวงว่า ลูกหลานจะเอาของไปทิ้ง
หนึ่ง. เราต้องคุยอย่างเป็นมิตร สอง. ทำให้เขาเชื่อใจไว้ใจ สาม. อดทน อดกลั้น เอาของออกมาทุกชิ้นให้เขาเลือก ไม่ว่าเป็นขยะหรืออะไร ให้เขาเลือกผ่านตาเขาเองเลย
ที่เขาไม่ทิ้งเพราะไม่รู้ว่า ข้างในมันคืออะไร เป็นกระบวนการที่อดทนมาก เราไม่ควรทำให้อารมณ์ของลูกค้าสวิง เพราะถ้าเขาเครียดมาก ๆ เขาจะทิ้งเลย ไม่เอาเลย"
Cr. แมวบิน นักจัดระเบียบบ้าน
- เมื่อบ้านโล่ง ชีวิตก็ดีขึ้น
มีคำถามว่า จัดบ้านแล้วเอาของพ่อแม่ไปทิ้ง เขาก็เก็บกลับมาอีก ต้องทำอย่างไร แมวอิม ตอบว่า ให้ปล่อยวาง
"คุณพ่อคุณแม่อยู่กับเรามานาน อีกไม่นานเขาก็จะไม่ได้อยู่กับเราแล้ว ความสุขของเขามีแค่นั้น เป็นเรื่องปกติที่เขาจะหวง หรือประหยัด เพราะตอนนี้เขาหาเงินไม่ได้อีกแล้ว
ถ้าปล่อยวางได้ ปล่อยเขาไป เราดูพื้นที่ของเราดีกว่า ประนีประนอม ดีกว่าทะเลาะกัน
อันดับที่สอง ถ้าอยากเอาชนะ ต้องดูว่า ตัวเราเองมีอำนาจมากกว่าทุกคนในบ้านหรือเปล่า ถ้าบ้านที่อยู่เป็นของคุณแม่ อำนาจคุณแม่ก็มากกว่า เรายังต้องพึ่งพาเขา ก็หมดสิทธิ์ อย่าไปคิด ปล่อยเขาไป
แต่ถ้าคุณมีอำนาจ เป็นคนดูแลครอบครัว จ่ายค่าน้ำค่าไฟ มีหน้าที่การงานดี ให้ใช้อำนาจของตัวเอง บางบ้านภรรยามีอำนาจ บางบ้านสามีเป็นใหญ่"
Cr. แมวบิน นักจัดระเบียบบ้าน
แมวอิม เล่าว่า คนที่อยู่บ้านรก ๆ 90 เปอร์เซนต์จะเป็นภูมิแพ้ เป็นโรคทางเดินหายใจ ซึมเศร้า เครียด
"คนเรามักชินกับสภาพแวดล้อม โดยไม่รู้ว่านั่นคือต้นเหตุของโรค บางคนเป็นหนักขึ้น เครียดมากขึ้น วิตกกังวล หงุดหงิดง่าย มีปัญหาครอบครัว ทะเลาะเบาะแว้ง
แต่พอจัดบ้านเสร็จแล้วจะรู้สึกมหัศจรรย์ มีความสุขเหมือนไปเที่ยว ไปโรงแรม แล้วอยากอยู่ต่อ ลูกค้าหลายคนจัดบ้านเสร็จแล้วรวยขึ้น พอบ้านโล่ง สุขภาพดีขึ้น หายซึมเศร้า
รู้สึกสบายใจ อารมณ์ดี มีไอเดีย อยากออกไปทำงาน ความคิดไหลลื่น ถ้าเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย ขยะปิดทางทรัพย์ พอเราเอาของเก่าออกไป เปิดรับของใหม่ ความมั่งคั่งก็เข้ามา
ถ้าทำวันนี้ คุณก็มีความสุขวันนี้ ถ้าทำพรุ่งนี้ คุณก็มีความสุขพรุ่งนี้ ถ้าทำเลย ก็มีความสุขเลย ทำชีวิตให้ปลอดโปร่ง จะมีอะไรใหม่ ๆ เข้ามา
ที่สำคัญ เวลาจัดบ้านต้องทำอารมณ์ให้นิ่ง หายใจสม่ำเสมอ อย่าไปกระชากอารมณ์ บางทีมันเครียด ปาของทิ้ง หงุดหงิด โทษตัวเอง อย่างนี้ทำได้ไม่ถึง 5 นาที ต้องค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป เก็บก็เก็บ ทิ้งก็ทิ้ง ไม่งั้นไม่ประสบความสำเร็จ"
Cr. แมวบิน นักจัดระเบียบบ้าน
- ถึงเวลาจัดบ้าน อย่าผลัดวัน
การจัดระเบียบบ้าน ต้องทำด้วยอารมณ์ที่นิ่ง เปิดเพลงได้ แมววา บอกว่า ตอนทำแรก ๆ อาจจะหงุดหงิด พอทำไปสักพักจะเริ่มมีสมาธิ เหมือนการวาดรูป วิธีเดียวกันเลย จะมีความสุขกับการทำตรงนั้น
จัดบ้านแล้วทำไมกลับมารกอีก แมวอิม บอกว่า เป็นธรรมชาติของคน ถ้าเราไม่ปรับตัว เราไม่คุยกับตัวเอง หรือพิถีพิถันขึ้น วางของเกะกะไปเรื่อย เหมือนที่เคยทำ มันก็แก้ไม่ได้ มีข้อแนะนำว่า
"เวลากลับบ้านมา ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน เราซื้ออะไรมา ต้องไปวางในที่ของมัน เรียกว่า ‘ทำงานครั้งเดียว ให้เวลา 5 นาที กระจายของ’ อยู่ที่คุณวางตัวเองไว้แบบไหน ถ้าไม่ต้องการทำงานรอบสองหรือทำให้บ้านรกอีก มีวิธีนี้วิธีเดียว
ถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดบ้าน คนเราชอบบอกว่า เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำ บ้านไม่ได้มีกันได้ง่าย ๆ เราไม่ได้มี 10-20 หลัง บางคนมีบ้านหลังเดียว อยู่กันทั้งชีวิต มีบ้านทั้งทีอยู่ให้ดี อยู่ให้สวย อยู่ให้รวย เราสวยแล้วบ้านต้องเป๊ะด้วย"
ส่วนเทคนิคการเคลียร์บ้านที่มีคนเสียชีวิตไปแล้ว แมวอิม เล่าว่า บางคร้้งต้องเอาหลวงพ่อไปด้วย
"อันนี้เราซีเรียสนะ ไม่ได้ตลก ไม่ว่าศาสนาไหน พุทธ คริสต์ อิสลาม ไปถึงก็ขอขมา ขออนุญาต มาทำให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ คนที่จากไปแล้วไม่ต้องห่วงของ ห่วงสมบัติ เดี๋ยวจัดการให้
หลังจากนั้นเราก็ทำหน้าที่ของเรา ถ้าเป็นเสื้อผ้า หรือของใช้จะทิ้งหรือบริจาค ถ้าเป็นทรัพย์สินมอบให้เป็นมรดก ส่วนรูปภาพเราไม่ทิ้งเลย"