'นักจัดดอกไม้' มัทนา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ดอกไม้พิเศษที่สุด แม้เพียงชั่วขณะ
เป็น 'นักจัดดอกไม้' อินทีเรีย และสไตลิสต์ ที่ทำงานกับต้นไม้ ดอกไม้ 'มัทนา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา มองว่า ดอกไม้คือความพิเศษสุด แม้จะอยู่กับเราไม่นาน
หนูนา - มัทนา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ทำงานกับดอกไม้มาร่วมสิบปี จากพื้นฐานกราฟิกดีไซเนอร์ ต่อด้วยอินทีเรียในหนังสือตกแต่งบ้าน เซตงานถ่ายบ้าน สถานที่ งานอีเวนท์ต่าง ๆ สู่งานหลักเป็น นักจัดดอกไม้
“ก่อตั้ง หนูนา ฟลอรัล สตูดิโอ (FB: Nuna Floral Studio) ทำงานด้านอินทีเรียกับสไตลิสต์และจัดดอกไม้รวมกันอยู่ เช่นจัดงานอีเวนท์ งานถ่ายภาพ สถานที่ เป็นงานอินทีเรียที่ใช้พืชในการตกแต่ง”
นักจัดดอกไม้ มัทนา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
ต้นไม้ ดอกไม้ เข้ามาอยู่ในชีวิตของ นักจัดดอกไม้ เหตุผลจากความชอบงานตกแต่ง จึงนำความสดใสของดอกไม้มาสร้างสตอรี่ ทำให้พื้นที่หรือห้อง ๆ นั้นมีชีวิตชีวาขึ้น หนูนาเสริมว่า
“งานล่าสุด คือสอนจัดดอกไม้แบบฟรีสไตล์แนวแลนด์สเคป ที่ The Parq เป็นกิจกรรมเวิร์คช็อปในงานเทศกาลฤดูร้อนญี่ปุ่น คิดถึงแลนด์สเคปแบบญี่ปุ่น ซึ่งมีพื้นฐานของอิเคบาน่า”
จัด Flowers Installation ในอาคารเก่าโรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ
อิเคบาน่า คือการจัดดอกไม้แบบเทรดิชั่นนัลของญี่ปุ่น หนูนาบอกว่า กำลังเตรียมสอบเพื่อได้ใบอนุญาตที่จะจัดเวิร์คช็อปหรือเปิดสอนให้กับบุคคลทั่วไป
“ความจริงเราไม่ได้เปิดสอนจัดดอกไม้เป็นทางการ จะเป็นพวกกิจกรรม เวิร์คช็อปต่าง ๆ ที่องค์กรติดต่อมา
งานเวิร์คช็อปที่ The Parq เรียกว่าจัดดอกไม้แบบแลนด์สเคป คือการเลียนแบบธรรมชาติในภูมิประเทศแบบต่าง ๆ เช่น ป่าภูเขา สวน ทุ่งนา เมื่อเรามองไปจะเห็นพืชเติบโตงอกงามมาจากพื้นดิน
จัดดอกไม้ให้ร้านเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง
การจัดดอกไม้เป็นแบบแนวราบ จินตนาการเลียนแบบว่ามีดอกไม้ ต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้เล็ก ถ้าสอนจัดแจกันก็จะเป็นทรงสูงขึ้น แต่แลนด์สเคปเป็นแนวราบ ให้ความรู้สึกว่าเหมือนเป็นสวน หรือเป็นทุ่งหญ้า เป็นป่าเขา พื้นฐานเป็นอิเคบาน่าแต่เวลาสอนไม่ได้เทรดิชั่นนัล เป็นแบบฟรีสไตล์มากกว่า”
หนูนาอธิบายว่า จัดแบบแลนด์สเคปก็ไม่ยากหรือง่ายกว่าอิเคบาน่า เพราะการเรียนศิลปะหรือจัดดอกไม้ มีพื้นฐานเหมือนกันคือ ความเข้าใจถึงความสวยงามของวัสดุที่ใช้
สเก็ตช์งานออกแบบการจัดอินสตอลเลชั่น
“เช่นเมื่อใช้ดอกไม้ เราต้องมองออกว่าความงามของดอกไม้ดอกนี้อยู่ตรงไหน ท่าทางที่ใช้ จะหันยังไง ถ้าใช้ก้านยาวมีความงามตรงไหน ถ้าตัดให้สั้นสวยตรงไหน จุดนี้เป็นพื้นฐานที่เหมือนกัน
ส่วนคนที่มาเรียนจัดดอกไม้ก็ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานใด ๆ เลยค่ะ มาแล้วก็มาหัดมองเห็นว่ามันสวยยังไง ก่อนอื่นใช้สายตาก่อน
งาน Once. there was a pond งานจัดวางดอกไม้ โซโล่เอ็กซิบิชั่น
ผลงานของ Nuna Floral Studio
เพราะก่อนที่เราจะจัดดอกไม้เราไม่สามารถหลับตาแล้วจัดได้ เราต้องมองก่อน พิจารณาก่อนว่ามุมไหนสวย ถ้าเรามองเห็นภาพที่สวยที่สุดแล้วค่อยทำ ค่อย ๆ จัด ทุกคนมีการมองเห็นความงามที่แตกต่างกัน เป็นพื้นฐานของศิลปะทั่วไป”
ยิ่งจัดแบบฟรีสไตล์ นักจัดดอกไม้บอกว่า ดอกไม้อะไรก็ใช้ได้หมด ให้นึกถึงแลนด์สเคป
“เช่นเราเดินเข้าไปในป่าสน จะมีต้นไม้ใหญ่กับดอกไม้เล็ก ๆ ข้างทาง หรือเดินไปตามทุ่งหญ้าแห้ง ๆ แล้วมีดอกไม้นิด ๆ หน่อย คือภาพจำลองที่อยู่ในจินตนาการของเรา”
จัดดอกไม้เป็นงานอดิเรกหรือคลายเครียด ไม่มีเงื่อนไขเรื่องความคิดสร้างสรรค์ แต่ถ้าต้องจัดดอกไม้เป็นอาชีพ นักจัดดอกไม้ก็มีวิธีบริหารจัดการกับดอกไม้
“ถ้ารับงานอีเวนท์ หรือจัดดอกไม้ในสถานที่ ในห้อง ดอกไม้จะเกี่ยวข้องกับงานอินทีเรียอยู่แล้ว จะต้องสัมพันธ์กัน แจกันใบนี้จะไปประดับห้องนี้ ห้องนั้นเป็นสไตล์ไหน เฟอร์นิเจอร์สีอะไร ดอกไม้ก็มียุคสมัยเหมือนกัน มีเส้นสายที่เกี่ยวกับงานอินทีเรีย”
ก่อนรับงานจากลูกค้า นักจัดดอกไม้จึงต้องทำมู้ดบอร์ด เสนองานให้ตรงตามโจทย์
“ทำมู้ดบอร์ดให้แมทช์กับงานอินทีเรีย และธีมคอนเซปต์ของงาน เช่น สินค้าสุรายี่ห้อหนึ่ง จัดงานดินเนอร์แล้วให้จัดดอกไม้บนโต๊ะ ธีมของสินค้าเป็นเรื่องความหลอน ความเมา มิติพิศวง...
เราเป็นสไตลิสต์อยู่แล้ว ก็ไปดึงงานของสมัยโบราณมา เป็นงานคลาสสิกที่ดูดาร์ก ๆ หน่อย เช่น งานเพนท์โบราณ แล้วเลือกดอกไม้ให้แมทชิ่งกัน เมื่อเราจะพรีเซนต์งานอะไร เราศึกษาเยอะนะคะ
ตั้งแต่ดูอินกรีเดี้ยนของสินค้าว่ามีอะไรบ้าง และดูยุคสมัยของโลโก้ที่เขาใช้ ขวดทำจากยุคอะไร ดูงานศิลปะที่เกี่ยวข้องกัน แล้วโยงมาอยู่ในยุคเดียวกัน
จัดดอกไม้งานบนโต๊ะอาหารแขกวีไอพี SC Asset
จะได้มู้ดบอร์ดที่มีโทนสี แมททีเรียลใช้ดอกไม้อะไรบ้าง เราก็สเก็ตช์ภาพในสัดส่วนที่เท่ากับขนาดโต๊ะ วางแปลนการจัดวางจานชาม ขนาดของแจกันดอกไม้บนโต๊ะ ต้องมีพื้นที่ที่คนไปนั่งทานอาหารกันได้ ดอกไม้สูงกว้างยาวแค่ไหน”
นักจัดดอกไม้อาจไม่มีชื่อเสียงโด่งดังเท่าสถาปนิกหรืออินทีเรีย แต่ก็เป็นงานที่ขาดไม่ได้ เมื่อต้องนำเสนองานอีเวนท์ต่าง ๆ หนูนาให้ความเห็นว่า
“อาจเป็นด้วยว่าบ้านเราไม่ได้ใช้สิ่งนี้เยอะ (จัดดอกไม้) คนทำก็ไม่เยอะ เพราะลูกค้ายังไม่ค่อยเห็นว่าสำคัญ บางคนคิดว่าเป็นของฟุ่มเฟือย ฟุ่มเฟือยมาก ๆ เลยนะคะ
สมมุติว่าตกแต่งบ้าน ซื้อแจกัน โคมไฟ เวลาผ่านไปเขายังเก็บได้ แต่ดอกไม้เหมือนคนที่จ่ายต้องชอบจริง ๆ แล้วก็ยอมรับในการเสื่อมสลายของมันได้
อย่างคนที่จัดงานแต่งงานแล้วจัดดอกไม้ทั้งกำแพง ถ้าเป็นช่างก่อสร้างเขาก็ได้กำแพงอิฐ กำแพงกระเบื้อง หรือห้องน้ำทั้งผนังที่อยู่ไปหลายปี
แต่ดอกไม้หมดเวลานั้นก็หมดเลย ถ้าคนยอมรับได้ว่าเป็นการเสพทางสายตา เหมือนเรากินข้าว คิดว่ากินอาหารคนยังยอมจ่ายค่าอาหารมากกว่าค่าดอกไม้ หรือคนยอมจ่ายค่าแอลกอฮอล์ขวดเป็นหมื่นมากกว่าซื้อดอกไม้ ทั้งที่มันก็เสพนะคะ
จัดดอกไม้แบบแลนด์สเคป จำลองภูมิประเทศตามธรรมชาติแล้วใส่จินตนาการเข้าไป
คนดูดอกไม้ก็เสพล่ะ คือเสพความงาม แต่ก็เหมือนเป็นสิ่งสุดท้ายเลย เป็นความฟุ่มเฟือย แต่จริง ๆ แล้วไม่แพงก็ได้ มีแบบไม่แพง แล้วแต่งาน”
ดอกไม้คือความฟุ่มเฟือยที่ตอบแทนด้วยความสุข แม้เพียงชั่วเวลาหนึ่ง
“บางงานอยากได้ภาพลักษณ์แบบนี้ ถ่ายรูปแล้วต้องสวยเขาก็คิดว่าคุ้มค่า แต่คนที่คิดแบบนี้อาจไม่เยอะ”
แต่ถ้างานไหน เปิดบ้าน เปิดร้านอาหาร ขาดดอกไม้ไปก็ดูแห้งแล้ง ความรู้สึกมันบอก...
“ใช่ค่ะ และต้องมีดอกไม้ที่สัมพันธ์กับลักษณะงานนั้นด้วย เช่น เปิดร้านกาแฟคอนเซปต์บ้านชนบท อยากได้มู้ดคล้ายทุ่งนา ทุ่งดอกไม้ ดอกไม้ก็ควรไปกับคอนเซปต์นั้น
แต่ละคนจะมีสไตล์ไม่เหมือนกัน แล้วแต่การใช้งานมากกว่า เช่น ชอบแต่งบ้านสไตล์อังกฤษ หรือชอบแนวธรรมชาติ ชอบแบบหวาน ๆ หรือเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น ควรเป็นแนวเซน หรือมินิมัลลิสต์ ดอกไม้ควรเป็นเรื่องเดียวกับตัวสถาปัตย์ของเขา ดอกไม้ต้องสัมพันธ์กับเรื่องราว”
เวิร์คช็อปสอนจัดดอกไม้แบบแลนด์สเคปที่ The Parq
ดอกไม้สำคัญขนาดนี้ แต่หลายคนยังมองว่าเป็นเรื่องฟุ่มเฟือย
“ในอีกแง่หนึ่ง คนที่ปลูกดอกไม้เขาก็มีอาชีพ คิดว่าเหมือนการกินอาหาร ฟาร์มดอกไม้ก็เหมือนฟาร์มผัก เพียงแต่เราไม่ได้กินเข้าไป เราได้มอง ได้เห็น แล้วสุขภาพจิตเราดี
ดอกไม้เป็นอาหารทางใจ คนปลูกดอกไม้ก็มีรายได้ ร้านดอกไม้ก็มีรายได้ คือการหมุนเวียน
เคยเจอเหตุการณ์ตอนทำงาน บางทีลูกค้าเครียด ๆ มา กำลังเตรียมงานเขาจะรู้สึกเคร่งเครียด กังวลมาก แต่พอดอกไม้จัดเสร็จมันสดชื่น เหมือนอารมณ์ดีขึ้น วัดได้เลย คนเห็นก็สงบใจ รื่นรมย์ สดชื่นขึ้นทันที”
ส่วนการเลือกดอกไม้ต้นไม้ ดอกไม้เมืองร้อนในไทยอาจไม่เยอะ แต่สำหรับนักจัดดอกไม้บอกว่า ใบไม้เมืองไทยก็สวย จัดแล้วอยู่นาน
“ลูกค้ามักจะถามว่าอยู่ได้กี่วัน จึงเป็นโจทย์ที่นักจัดดอกไม้คิด เขาก็อยากให้คุ้มค่าที่สุด ทุกคนมองหาความคุ้ม
ดอกไม้เมืองหนาวอยู่ทนกว่าของบ้านเรา เป็นข้อดีและเป็นธรรมชาติของเซลล์พืชที่จะอยู่ทนกว่าพืชเมืองร้อน แต่ของบ้านเรา มีใบไม้หลายชนิด สวยงามและอยู่ทน”
เมื่อถามว่าจัดดอกไม้ช่วยอะไรได้บ้าง หนูนาตอบว่า
“ช่วยมากเลย บำบัดจิตใจได้มาก เพราะคนที่ทำอย่างน้อยใช้เวลา 2-3 ชม. อยู่กับตัวเอง เขาจะอยู่คนเดียว จะไม่ได้ทำไปคุยไป ช่วงแรก ๆ อาจดูคนอื่นบ้าง แต่พอสักพักจะเริ่มทำความเข้าใจ เวลาทำจริงจังเขาจะมีสมาธิอยู่กับตัวเอง
จัดดอกไม้ช่วยคลายความวิตกกังวล เพราะในดอกไม้จะมีพลังงานในการมีชีวิต คือพลังงานของสิ่งมีชีวิตที่ถ่ายทอดออกมาให้คนที่จับต้อง
ยกตัวอย่างคนไข้ในโรงพยาบาลเขาจะให้ดอกไม้กัน เพราะดอกไม้ให้พลังชีวิต คนไข้จะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที หรืองานฉลอง งานรื่นเริง ดอกไม้เป็นตัวแทนของการเซเลเบรท หรืองานศพก็ต้องมีดอกไม้
ดอกไม้คือความพิเศษ วันหนึ่งถ้าเราเดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองคือพิเศษแล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาพิเศษ เพราะฉะนั้นความพิเศษนี้จะไม่ได้อยู่ตลอดเวลา เป็นแค่ชั่วขณะหนึ่ง
เพราะถ้ามันอยู่ตลอดก็ไม่เรียกว่าพิเศษ เราต้องยอมรับว่าพอเห็นดอกไม้ก็จะสร้างความรู้สึกที่ดีขึ้นมาทันที แต่มาแล้วก็หายไป เราก็ค่อย ๆ เติมไป เดี๋ยวหาใหม่
ลองคิดดูว่างานแต่งงาน ถ้าไม่มีดอกไม้สักดอกจะรู้สึกยังไง...”