อาหารชะลอวัย ทานแล้ว...Young สไตล์ครูพัด-พัชรี อดีตคนโฆษณา

ลองสำรวจตรวจสอบดู...คุณเป็นคนหนึ่งที่ป่วยง่าย ซึมเศร้าอยู่บ่อยๆ หรือไม่...

ถ้าเป็นเช่นนั้น ดูสิว่าใช้ชีวิตเร่งรีบทั้งการเดินทาง การกิน การอยู่ ทำงานหนัก เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ มีวิถีชีวิตแบบสุดๆ ไม่มีทางสายกลาง ใช่หรือไม่...

ถ้า‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ ลองอ่านเรื่องราว ครูพัด พัชรี ยังเจริญ อดีตคนโฆษณา นักเขียน และคนชอบเรียนรู้ ในช่วง 10-20 ปีของการทำงานโฆษณา เธอไม่ต่างจากคนเมืองทั่วไป ทำงานหนักและที่แย่กว่านั้นคือ อยู่ท่ามกลางควันบุหรี่ของคนครีเอทีฟ และวันหนึ่งร่างกายเริ่มรวน จิตใจและอารมณ์ไม่สมดุล จึงเปลี่ยนวิถีชีวิตสู่แนวทางธรรมชาติ เรียนรู้การปรุงอาหารให้เป็นยา การแพทย์ทางเลือก เพื่อใช้รักษาตัวเอง และเรียนเพื่อรู้ 

จากคนโฆษณา นักสร้างแบรนด์ นักวางแผนกลยุทธ์โฆษณา นักเขียน และอะไรอีกมากมายที่เธอขยันเรียน ปัจจุบันเธอหันมาสู่เส้นทางสโลว์..ตั้งแต่สโลว์ไลฟ์ สโลว์คุ๊ก ใส่ใจเรื่องสุขภาพทุกมิติ 

ปัจจุบันครูพัดเป็นทั้งวิทยากรที่ให้ความรู้เรื่องชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ ครูโยคะ นักบำบัดด้วยโฮมีโอพาธีย์ (กำลังศึกษาวุฒิบัตรด้านนี้) เจ้าของเฟซบุ๊กและแบรนด์เล็กๆ Soul Happy อาหารที่เธอบอกว่า “ทานแล้ว... Young” และเลือกวิถีแบบออร์แกนิกมานานกว่า 10 ปี  โดยใช้ชีวิตที่อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

“ถ้าถามว่าชีวิตตอนนี้ทำอะไร...ก็ปลูกผัก รดน้ำต้นไม้ แปรรูปพืชผลเกษตร ผสมผสานศาสตร์ครูประกายเพชร ปรมาจารย์ด้านอาหารเป็นยาเข้ากับชีวิตประจำวัน ฝึกเป็นแพทย์ทางเลือก รับงานแปลด้านโฮมีโอพาธีย์ รับพรีออเดอร์อาหารเป็นยาสูตรคุณป้า ตอนนี้ที่ปากช่อง จ.นครราชสีมา ก็มีคนเรียกร้องให้เปิดคอร์สปรุงอาหารให้เป็นยา สูตรอาหารที่กินแล้วอ่อนเยาว์และยั่งยืน"

ครูพัด -พัชรี  ยังเจริญ อดีตคนโฆษณา วิทยากรที่ให้ความรู้เรื่องชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ

ป่วยก็ต้องรักษาให้ถูกทาง

ย้อนไปตอนที่รู้ตัวว่า ป่วยก็ต้องหาวิธีรักษาตัวเอง ในวันเสาร์-อาทิตย์ช่วงที่ยังทำงานโฆษณา เธอไปเรียนรู้ตำราปรุงอาหารเป็นยากับครูประกายเพชร ทองพิทักษ์ ที่จ.นครนายก ครูของเธอเรียนมาทุกศาสตร์ ทั้งจากซินแสระดับตำนานจากคุนหมิง ผสมผสานกับศาสตร์อายุรเวชจากอินเดีย ผนวกกับความรู้แพทย์แผนไทย มาเป็นตำรับอาหารเป็นยาปรับสมดุลร่างกาย

“ตอนทำบริษัทโฆษณายุคนั้น จำได้ว่ายังอนุญาตให้สูบบุหรี่ในห้องแอร์ได้ เราไม่ได้สูบอยู่คนเดียว แต่ได้รับผลกระทบ อายุไม่ถึง 30 เป็นเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบต้องผ่าตัด ในช่วง 20 ปีที่แล้วเพื่อนพาไปเรียนโยคะกับครูหนู ชวนชื่น สิทธิเวช

ตอนนั้นคนยังไม่ค่อยรู้จักโยคะ ฝึกฝนจนอาการดีขึ้น จนได้มาเจอครูประกายเพชรที่เข้าใจเรื่องปรุงอาหารให้เป็นยา แนะว่าเราไม่ควรกินอาหารแบบไหนและได้เรียนรู้กับคุณป้า"

ปรุงอาหารให้เป็นยา

ที่ผ่านมา ครูประกายเพชรไม่ได้เปิดคอร์สสอนเป็นเรื่องเป็นราว แต่เห็นว่าครูพัดมีความตั้งใจในการเรียนรู้ ก็เลยสอนให้ทั้งหมด นอกจากนี้ครูพัดยังไปเรียนหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย 

ทำให้เธอรู้ว่า สิ่งที่ครูประกายเพชรสอนเรื่องปรุงอาหารให้เป็นยาเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ได้งมงาย ตอนนั้นยังทำโฆษณา เธอจึงหันมากินอาหารธรรมชาติ ไม่กินยาแผนปัจจุบันและวิตามิน อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ

การปรุงอาหารให้เป็นยา โดยใช้เตาถ่านตามแบบฉบับของครูพัดใช้เวลานาน และถ้าใครได้เห็นวิธีทำอาหารก็คงถอดใจ เพราะมีขั้นตอนรายละเอียด นอกจากวัตถุดิบปลอดสารพิษ วิธีการปรุงให้เข้าเครื่องสมุนไพรหลายชนิดก็ต้องใช้เวลา

"ทุกอย่างเป็นพลังงาน ถ้าเราปรุงอาหารด้วยเตาไฟฟ้าหรือไมโครเวฟ พลังชีวิตในอาหารจะตายหมด น้ำในเซลล์อาหารจะเหลือแต่กาก "

ถ้าไล่เลียงการใช้ความร้อนปรุงอาหาร เพื่อคงไว้ซึ่งพลังงานดีๆ ให้ร่างกาย วิธีที่ดีที่สุดคือ ใช้เตาถ่าน รองลงมาเตาแก๊ส ครูพัดไม่แนะนำให้ใช้เตาไฟฟ้าและไมโครเวฟ 

"หุงข้าวด้วยเตาถ่านอร่อยที่สุด เราต้องปรับการใช้ชีวิต ยกตัวอย่าง ตุ๋นเติมพลังซี่โครงหมูและปลาช่อนนา ก็ใส่สมุนไพรบำรุงกำลัง ข่า ตะไคร้ ขมิ้นชัน ฯลฯ สมุนไพรรสร้อน ตุ๋นด้วยไอน้ำ คนฟื้นไข้กินแล้วดีต่อร่างกาย เพื่อนๆ ก็มาสั่งทำ เอาไปเยี่ยมคนไข้ 

ส่วนหมูอนามัย ใช้เนื้อหมูที่ไม่เร่งเนื้อแดง และยาปฎิชีวนะ ทำไมต้องล้างด้วยน้ำขี้เถ้า เพราะเนื้อสัตว์มีฤทธิ์เป็นกรด แช่น้ำขี้เถ้าที่มีฤทธิ์เป็นด่าง จากนั้นล้างให้สะอาดขยำด้วยแป้งมันและเกลือ เพื่อให้อาหารที่ทำออกมามีฤทธิ์กลางๆ คราวที่แล้วไปสอนการทำน้ำหมักลูกยอเหมือนซุปเปอร์ฟู้ด เป็นเสมือนยาอายุวัฒนะ สอนที่มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน "

กาย จิต อารมณ์ สัมพันธ์เชื่อมโยง

เมื่อถามถึงการเรียนแพทย์ทางเลือกตามแนวโฮมีโอพาธีย์ ครูพัด บอกว่า วิชาที่เรียนนำมาผสมผสานกับชีวิตได้หมด เนื่องจากยาแผนปัจจุบันกินเยอะๆ ก็ทำได้แค่กดอาการ แต่การรักษาแบบธรรมชาติตามแนวโฮมีพาธีย์ ถ้ายารักษาได้ถูกโรค ร่างกายก็ไม่จะเกิดทุกข์เวทนา และไม่ได้รักษาแค่ทางกาย ทางจิตใจก็รักษาได้ 

"คนยุคนี้กินอาหารที่มีสารเคมีเยอะ ประกอบกับวิถีชีวิตเร่งรีบ ไม่มีเวลาดูแลร่างกายตัวเอง มุ่งหาแต่วัตถุ ไม่ได้ดูแลจิตใจ อย่างคลีนิคเสริมความงาม ถ้าจะให้หน้าราบไม่มีสิวก็ต้องใช้สเตียรอย มีทั้งคุณอนันต์และโทษมหันต์ ซึ่งหมอเคยบอกว่า กินยาสเตียรอยเยอะๆ ต่อมหมวกไตจะไม่ผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ

คนยุคนี้อยู่ในรถนานๆ รถติด ทำงานไม่ทัน ไม่ได้นอน เครียดเป็นออฟฟิศซินโดรม ก็กินยากดๆ เอาไว้ มีผลกระทบต่อจิตใจ เวลาไม่ได้ดั่งใจ ก็เกิดภาวะซึมเศร้า"

ครูพัดเองยอมรับว่า เป็นคนหนึ่งที่ทำงานเยอะ เคยเป็นซึมเศร้าหนักๆ สองรอบ เวลาป่วยทางกาย ไม่สนใจทางใจ เพราะทำงานหนักเป็นผู้บริหารบริษัทโฆษณา

“เคยเป็นซึมเศร้า และเคยคิดว่าชีวิตต้องเป็นที่หนึ่ง ก็รักษาด้วยการแพทย์ทางเลือก ซึ่งยาแผนปัจจุบันช่วยเราไม่ได้ หมอด้านนี้ก็พยายามค้นปมในใจตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน แต่ละคนจะมีอาการไม่เหมือนกัน ต้องดูทั้งทางกาย จิต และอารมณ์ "

เมื่อถามถึงชีวิตตอนนี้ ครูพัดบอกว่า เงินไม่ใช่เป้าหมายหลักในการทำงาน เหมือนคนโลกสวย แต่ไม่ถึงกับสโลวไลฟ์ ยังมีภารกิจให้ทำเยอะ 

“วันก่อนก็ไปเรียนด้านเอไอที่ตลาดหลักทรัพย์ หรือมีเวลาก็ไปเรียนกับอ.ยักษ์ เกษตรกรรมธรรมชาติ เรายังต้องทำตัวให้ทันสมัย รู้เรื่องดินฟ้าอากาศ เทคโนโลยี และปรับใช้กับชีวิตพอเพียงของเรา พอเพียงไม่ได้แปลว่าจน ทำแล้วมีความสุขได้”

...........

อาหารเป็นยา ตำรับ Soul Happy

-เน้นทานอาหารตามฤดูกาล

-วัตถุดิบ เครื่องปรุงจากธรรมชาติ ปลอดสารเคมี

-Slow cook ใช้เวลาต้ม ตุ๋น คั่ว ผัด แกง ด้วยเตาถ่าน 

-ปรุงเข้ากับเครื่องเทศสมุนไพรไทย เพื่อทำให้ปอดแข็งแรง ร่างกายปรับตัวรับอากาศภายนอกได้ดี 

ฯลฯ

..........

ดูได้ที่เฟซบุ๊ก Soul Happy