‘วารานา กระบี่’ โรงแรมรักษ์โลกและยั่งยืน
โลกกำลังต้องการการปกป้อง มนุษย์ต้องช่วยโลกประหยัดพลังงาน ไม่ว่าจะทำธุรกิจแบบไหน หรือทำอะไรก็ตาม ช่วยโลกได้หมด อยู่ที่ว่าจะช่วยรูปแบบไหน ‘วารานา กระบี่’ เป็น ‘โรงแรมรักษ์โลกและยั่งยืน’ อย่างไร
วิภาวรรณ เหล่าธนาสิน เจ้าของ เดอะ ทับแขก กระบี่ บูทีค รีสอร์ท (The Tubkaak Krabi Boutique Resort) และโรงแรมน้องใหม่ล่าสุด วารานา กระบี่ (Varana Hotel Krabi)
โรงแรมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน สไตล์เรียบหรู (Minimalist Luxury ) บนเนื้อที่ 20 ไร่ ติดกับ อ่าวทับแขก เห็นวิวทะเลและภูเขา พวกเขาใช้เวลาสร้างโรงแรม 9 ปี เพื่อวางระบบอย่างรอบคอบภายใต้แนวคิด Sustainability
วางแผนความยั่งยืนตั้งแต่สร้างโรงแรม
เมื่อถามว่าถึงเหตุผลของแนวคิด Sustainability เจ้าของโรงแรมตอบว่า ทุกวันนี้เรื่อง Sustainability เข้าไปอยู่ในทุกมิติของธุรกิจ เป็นความต้องการของตลาด
“10 กว่าปีที่ผ่านมา เราใช้ชีวิตอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเรื่องเหล่านี้ เขาทำเรื่องพวกนี้จนอยู่ในตัว ทั้งเรื่องงดทิ้งขยะ บริโภคอาหารที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี ความยั่งยืนในเรื่องการขนส่ง การแบ่งปัน คำนึงถึงระบบนิเวศ ห่วงโซ่ที่มีอยู่ทุกมิติ
พอมาทำธุรกิจโรงแรม ก็ต้องบอกว่า โรงแรมนี่แหละเป็นตัวผลิตขยะเยอะมาก แม้โรงแรมไม่ได้สร้างขยะโดยตรง แต่เราต้องทำงานตอบสนองลูกค้า ทั้งเรื่องอาหารและห้องพักสร้างขยะเยอะ จึงต้องเริ่มตั้งแต่วางแผน ออกแบบก่อสร้างในแบบที่เราต้องการ นั่นคือที่มาของ Sustainability "
สิ่งแรกที่เธอคิด ก็คือ เรื่อง ‘อาหาร’ เริ่มตั้งแต่การหาวัตถุดิบที่ตอบโจทย์ Sustain โดยหาของในท้องถิ่น ,ขนส่งน้อยๆ ของจะได้สด และใช้พืชผักอาหารตามฤดูกาล พอได้สิ่งที่ต้องการแล้ว วิธีการเตรียมอาหารจะทำอย่างไรให้ขยะเหลือน้อยหรือไม่เหลือเลย สิ่งที่จะนำมาทำอาหารและต้องหั่นทิ้ง ทำอย่างไรกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก นั่นก็คือ เข้าสู่ระบบ Zero Waste ทำปุ๋ยหมัก เพื่อใช้ปลูกพืชผักปลอดภัยในโรงแรม
“เรานำอาหารตามฤดูกาล อาหารพื้นถิ่น เข้าสู่ระบบ Low Carbon เราคิดคำขึ้นมา ก็คือ ‘ศูนย์กิโลมิเตอร์’ หรือ Zero Kilometer เราปลูกดอกกุหลาบมอญ ผักเคล ผักสลัด ต้นหอม ผักชี ใบสะระแหน่ ฯลฯ ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก พอเข้าไปอยู่ในกระบวนอาหารเป็นเรื่องใหญ่มาก
เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้รสชาติอาหารมีความแตกต่าง สิ่งที่เราพยายามทำ กลับมาสู่ลูกค้าเรา พอพูดถึงประเด็นสิ่งแวดล้อม ตอนนี้ผลกระทบใหญ่มาก เราเริ่มจากอะไร ‘วารานา’ (VARANA) ชื่อแปลว่า ‘คน-ป่า-น้ำ’ ในโรงแรมนี้จึงมี Water Story มีมิติเรื่องน้ำเต็มไปหมดเลย ไม่ว่าน้ำดื่ม น้ำใช้ น้ำกิน น้ำนาโน แล้วก็ต้นน้ำที่เราเอามาใช้ เรามีใบอนุญาตในการขุดน้ำบาดาล”
การเก็บน้ำด้วยระบบธนาคารน้ำ
นอกจากนี้ เธอยังคิดต่อว่า น้ำเหลือใช้จะทำอย่างไร...
หากใช้น้ำวันละ 30 คิว น้ำเสียที่ออกมามีจำนวนใกล้เคียงกัน จึงนำเข้าสู่ระบบบำบัด ออกมาเป็นน้ำดี นำไปรดน้ำต้นไม้ เป็นวิธีการประหยัดน้ำอีกแบบหนึ่ง
“ภูมิประเทศในพื้นที่เรา 20 ไร่ สูงกว่าระดับน้ำทะเล 30-52 เมตร เวลาฝนตกน้ำจะไหลจากที่สูงสู่ที่ต่ำเยอะมาก พอดีวรรณได้ไปเจอเรื่องของ ธนาคารน้ำ หรือ Groundwater Banking วิธีการเก็บน้ำ การทำให้พื้นดินที่เรามีอยู่เป็นโพรงอากาศ
โดยการเจาะบางหลุมอาจลึก บางพื้นที่ต้นทางน้ำไหล อาจลึก 3 เมตร เราขุดลงไปแล้วเราก็ใส่สิ่งของเหลือใช้จากสิ่งก่อสร้าง ยางรถยนต์ ขวดน้ำพลาสติก (ใส่น้ำ 3 ส่วน 4 แล้วปิดฝา) เศษกระเบื้อง กิ่งไม้ ทำเป็นชั้นๆ เวลาน้ำไหลผ่านมาก็จะลงไปในนั้น ถ้าหลุมลึกก็จะดึงน้ำได้เยอะ ”
ความแตกต่างก่อนและหลังทำธนาคารน้ำ ก็คือ พอฝนตกลงมาจะไม่ทำให้เกิด Land Slide พอฝนไม่ตกต้นไม้จะอยู่ได้ โดยไม่ต้องรดน้ำหลายวัน ผลที่เห็นได้ชัดคือ ใช้น้ำน้อยในการดูแลสวน ขณะเดียวกันน้ำกว่าจะซึมลงสู่ใต้ดิน ก็ใช้เวลานานมาก พอดินชุ่มชื้นทำให้อาคารของโรงแรมเย็น เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศก็จะทำให้เย็นเร็วกว่าปกติ ผลที่ได้ก็คือ ประหยัดพลังงาน
“เรื่องการประหยัดไฟ กลางคืนเราใช้ ซิงเกิ้ลโซล่าเซลล์ (Single Solar Cell ) เพื่อให้บริเวณนั้นดูสว่างขึ้น ที่นี่จะปิดไฟเร็ว เหตุผลก็คือไม่ใช่เรื่องการประหยัดพลังงาน เป็นเรื่องของระบบนิเวศ มีผลวิจัยในบางประเทศ บอกว่าแมลงบางชนิด โดยเฉพาะแมลงดีๆ สูญพันธุ์เร็ว หรือปริมาณประชากรแมลงลดลงอย่างรวดเร็ว จนรู้ว่าแมลงไม่สามารถแยกกลางวันกลางคืนได้ ก็เลยไม่สืบพันธุ์
โรงแรมแนว Sustainability ในยุโรปบางที่ใช้ระบบ Sensor Lighting ในพื้นที่สาธารณะ หรือปิดไฟในสนามหญ้าให้เร็วขึ้น เพื่อให้แมลงได้ผสมพันธุ์ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่เราปิดไฟเร็ว แต่เรามีโซล่าเซลล์ ”
ระบบเครื่องปรับอากาศในห้องพัก เธอก็เลือกใช้ระบบประหยัดพลังงาน Heat Exchange ความร้อนที่เกิดจาก Compressor Air ส่วนหนึ่งจะไปผลิตน้ำร้อน และเสริมด้วยระบบทำน้ำร้อนที่ลงทุนสูง แต่ร้อนเร็ว ทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าไฟเยอะ เธอยอมลงทุนอุปกรณ์เหล่านี้ในครั้งแรก เพื่อใช้พลังงานน้อยลง
“วรรณว่า พฤติกรรมของผู้ที่พักโรงแรมในปัจจุบันต้องการพักโรงแรมที่มีเรื่องราว มีความยั่งยืน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้สึกผิดต่อโลก และความรู้สึกนี้เกิดจากนักเดินทางรุ่นเยาว์ ที่เกิดมาก็พบว่า เราต้องช่วยกันเรื่องความยั่งยืน แม้ว่าจะเป็นการลงทุนที่สูงกว่าปกติ มีค่าดำเนินการที่สูงกว่าการบริหารโรงแรมทั่วไป เราก็ต้องทำ ถ้าเราไม่ทำ เราก็จะอยู่ไม่ได้"
โรงแรม ‘วารานา’ (VARANA) ออกแบบและขออนุญาติใช้เวลา 3 ปี เริ่มสร้างปีนี้ปีที่ 6 รวมแล้วใช้เวลา 9 ปี ลงทุนไปเกือบ 1,000 ล้าน ตอนแรกตั้งไว้ 900 ล้าน โรงแรมแห่งนี้เป็น Sustainability แม้แต่เรื่องการตกแต่ง ทุกอย่างจึงเต็มไปด้วยเรื่องราวและความตั้งใจ
แจน-ชลชญา นันทวิสัย ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมเดอะทับแขก ผู้อำนวยการด้านพัฒนาธุรกิจของทั้ง 2 โรงแรม (ลูกสาวคุณวรรณ) กล่าวว่า หลักการรับพนักงาน ต้องเป็นคนในชุมชนก่อน ตอบสนองนโยบาย 1 คนหาเลี้ยงคนในครอบครัวได้ 3 คน สร้างอาชีพ และภูมิใจในภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น ลูกชาวประมงไปเรียนหนังสือในเมืองกลับมาบ้านเกิด ยังภูมิใจในอาชีพของบรรพบุรุษ การคัดเลือกพนักงานที่วารานา หากเป็นนักกีฬา ก็พิจารณาเป็นพิเศษ
ส่วนร้านขายของที่ระลึก มีสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นการกระจายเศรษฐกิจสร้างสรรค์สู่ชุมชนกระบี่ โดยทางโรงแรมจะอุดหนุนสินค้าชาวบ้าน อาทิ มีการนำเศษผ้ามาทำกระเป๋า กระเป๋าสานจากพลาสติกรีไซเคิล เป็นของที่ไม่ได้หายากแต่มีคุณค่า มีเสื้อผ้ารีไซเคิลปั่นทอใหม่ อย่างเช่น เสื้อของพนักงานเป็นต้น
ในห้องพักและห้องต่างๆ ตกแต่งด้วยไม้ไผ่ และไม้สัก เพราะต้นไผ่เป็นต้นไม้แห่งความยั่งยืน ใช้ได้ทุกส่วน โตเร็วและไม่ทำลายดินใบไผ่ที่ร่วงลงดิน เป็นปุ๋ยที่ดีที่สุด เปลือกไผ่เอามาทำโคมไฟ หมอนที่เราพิงเป็นผ้าที่ผลิตในกระบวนการ Sustainability
