‘ดวงเมือง’ 2567 ครบรอบวันเกิดประเทศไทย 242 ปี จะร้ายหรือดี?

ดวงเมืองของประเทศไทย นักโหราศาสตร์ส่วนใหญ่นับกันตั้งแต่พิธียกเสาตั้ง ศาลหลักเมือง ในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2325 เวลา 06.54 น. และในเดือนเดียวกันของปีพ.ศ. 2567 จะเวียนมาบรรจบครบรอบ 242 ปี ซึ่งเป็นวันเกิดประเทศไทย นักโหราศาสตร์ส่วนใหญ่จะใช้ฤกษ์ยามในสมัยรัชกาลที่ 1 ในการพยากรณ์ดวงเมือง

ถ้าเป็นศาสตร์พยากรณ์ที่เรียกว่า โหราศาสตร์ จะใช้หลักการ...การโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาล ซึ่งมีดาวเคราะห์ทั้ง 8 ดวง คือ ดาวเคราะห์ที่มองด้วยตาเปล่า 5 ดวงคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ รวมไปถึงดาวยูเรนัส เนปจูน และดาวพลูโต ร่วมกับปัจจัยอื่นคือ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ราหู และเกตุ ประกอบรวมกับจักรราศี และดวงชะตา เพื่อคำนวณสิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยดึงทุกอย่างทั้งวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์มาช่วยประมวลผล

 

เรื่องราวของดวงเมืองในปีพุทธศักราช 2567 อาจารย์วรพล ไม้สน กรรมการมูลนิธิสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ,ผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และดาราศาสตร์ บอกชัดเจนว่า โหราศาสตร์ในมุมของเขา จะไม่พยากรณ์แบบหวือหวาเหมือนนักพยากรณ์ท่านอื่น

และไม่พยากรณ์เฉพาะเจาะจงตัวบุคคล (เพราะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าชาตาเป็นรายบุคคล) แต่จะพยากรณ์เหตุการณ์ภาพรวม ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้

เมื่อดาวพฤหัสบดีโคจรมาเจอดาวยูเรนัส

ปี 2567 เป็นช่วงจังหวะที่ดาวพฤหัสบดีโคจรมาเจอดาวยูเรนัส ซึ่งทางโหราศาสตร์ไทยเรียกขานดาวดวงนี้ว่า ดาวมฤตยู ตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ 4 ที่โหราจารย์ไทยได้เริ่มใช้คำนวณในการพยากรณ์

อาจารย์วรพล บอกว่า ดวงเมืองตั้งแต่ต้นเมษายน 2567ประเทศไทยจะเกิดภัยอาเพศ ในความหมายคนโบราณคือ เรื่องร้ายแรง แต่ในยุคปัจจุบันอาจไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น

“ถ้าดูจากดวงดาวที่โคจรมาพบกันคือ ดาวพฤหัสบดีและดาวมฤตยู ทำให้ผมหวั่นไหว”

เนื่องจากจุดที่ดวงดาวทั้งสองโคจรมาพบกันนั้น ใกล้เคียงตำแหน่งลัคนาดวงเมืองไทย ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก คนโบราณนิยามดาวมฤตยูหรือดาวยูเรนัสว่า ภัยอาเพศ

การโคจรของดาวมฤตยูในลักษณะนี้ อาจารย์วรพล บอกว่า เคยเกิดขึ้นในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ จนถึงสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากสภาพสังคมดั้งเดิมเกือบหมด

“ยุคสมัยนั้นเริ่มมีเครื่องจักรไอน้ำ มีไฟฟ้า เทคโนโลยี ทำให้สามารถรวบรวมผู้คนทำงานอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ได้ ถ้าในปัจจุบันจะนิยามความหมายว่า เป็นเรื่องเทคโนโลยี ความทันสมัย ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว"

นอกจากความหมายภัยอาเพศแล้ว อาจารย์วรพล มองแนวโน้มว่า ประเทศไทย คงต้องมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีบางอย่างแบบก้าวกระโดด หลังจากดาวมฤตยูย้ายตำแหน่งจากราศีเมษเข้าสู่ราศีพฤษภในช่วงปลายปี 67 เทคโนโลยีตัวนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงการเงินของประเทศอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“การแจกเงินดิจิทัลในปี 67 จะแจกในรูปแบบไหน...ไม่รู้ แต่ไม่ใช่เงินที่มาจากภาษีรายได้ แม้เงินดิจิทัลจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่เป็นระยะสั้นๆ

จากนั้นเศรษฐกิจจะเป็นช่วงขาลง เพราะดวงพฤหัสบดีโยงกับเรื่องการเงิน ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะเหมือนฟองสบู่แตก นั่นคือ เศรษฐกิจเติบโตผิดปกติ ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจตรงจุดตามแบบที่วางไว้

เพราะดาวพฤหัสบดีร่วมกับดาวมฤตยู หมายถึง การเงินที่มีการขยายตัวอย่างผิดปกติ ดังนั้นปัญหาเรื่องเงินดิจิทัลมาแน่ ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจก็น่าจะรุนแรงช่วงปลายปี 2567 เป็นต้นไป

และจะมีผลต่อเนื่องอย่างน้อย 7 ปี ดูตามอัตราการโคจรของดาวมฤตยูในราศีพฤษภ อันเป็นราศีการเงินของโลกและของไทย

ส่วนแนวโน้มรายได้ของประเทศไทย ปี 67 น่าจะลดลง อัตราการเติบโตจีดีพีไม่น่าเป็นไปตามเป้าหมาย ถ้าจะบอกว่า เศรษฐกิจไม่ดีคงครึ่งปีแรก เพราะดาวเสาร์โคจรอยู่ในภพที่ ๑๑ (ลาภะ) อันหมายถึงรายได้ที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการ รวมไปถึงเรื่องภาษีต่าง ๆ เป็นไปในทางที่ไม่ดีนัก

ในแง่ผู้บริหารประเทศ ก็ได้พยายามทำให้ประชาชนรู้สึกว่า อยู่ดีกินดี ดูเหมือนดี แต่ติดขัดไปหมด ช่วงนั้นดาวเนปจูนโคจรมาตรงกับจักรราศีมีนเป็นมุมสามเหลี่ยมกับดวงจันทร์ในราศีกรกฏ ทางโหราศาสตร์เรียกว่า ตรีโกณ ซึ่งดาวเนปจูนหมายถึง “ภาพฝัน” หรือ “การโฆษณาชวนเชื่อ” (propaganda) ที่ส่งผลกับจิตใจของประชาชน"

ดวงเมือง ปี 67 : เรื่องคาดไม่ถึง

ดวงเมืองปี 67 กับเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีของไทย ในแบบที่คาดไม่ถึง อาจารย์วรพลบอกว่า ให้นึกถึง 20 ปีที่แล้ว ใครจะคิดว่าเราจะคุยทางโทรศัพท์มือถือกับคนอีกซีกโลกหนึ่งแบบเห็นหน้าได้

“ช่วง 3-5 ปีข้างหน้า เราคงนึกไม่ออกว่า เทคโนโลยีใหม่ๆ คืออะไร อาจมีทั้งดีและไม่ดี อย่างการหลอกลวงทางออนไลน์ ก็จะพัฒนารูปแบบมากขึ้น คนที่คุยกับเราทางออนไลน์ อาจไม่ใช่คนจริงๆ ขนาดที่ว่าสร้างตัวตนจำลองหลอกคนได้ เพราะเอไอพัฒนาไปไกลกว่าที่เราคิด

ถ้ามีใครบอกว่า ปีหน้าเศรษฐกิจจะดีขึ้นแบบก้าวกระโดด...ผมไม่เชื่อ แต่จะดีขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป”

อาจารย์วรพล ยังบอกว่า แม้แพลตฟอร์มดิจิทัลจะอำนวยความสะดวกในเรื่องการใช้จ่ายเงิน แต่เศรษฐกิจ ปี 67 ให้ถือเงิน ทอง หรือทรัพย์สินที่แปลงเป็นเงินได้จะมีเสถียรภาพมากกว่า ซึ่งเศรษฐกิจมีแนวโน้มเป็นไปตามระบบการเงินของโลก

"ช่วงตั้งแต่เดือนเมษายนถึงปลายปี บ้านเราจะมีปัญหาเศรษฐกิจและความผันผวนทางการเงิน ซึ่งเป็นปัญหาสืบเนื่องมาจากระบบการเงินโลก จะกระทบประเทศไทยโดยตรง ผมก็ไม่แน่ใจเรื่องการโจมตีค่าเงินจะเหมือนปี 2540 หรือไม่

ถ้ามองภาครวม ดวงดาวตำแหน่งผู้บริหารประเทศยังไปต่อได้ ถ้าจะมีปัญหาคงช่วงปีที่ 3 แต่ถ้าเงินดิจิทัลที่แจกประชาชนทำได้ไม่ดี ก็น่าจะมีปัญหา"

ดวงเมืองประเทศไทยช่วงปี 67 ในมุมนักโหราศาสตร์ ไม่มีเรื่องน่ากลัว ยกเว้นแอพฯหลอกดูดเงินรุนแรงมากขึ้น ระบบความเชื่อพิธีกรรมสายมู ก็จะมีเรื่องแปลกใหม่มานำเสนอ เป็นธุรกิจรูปแบบหนึ่ง

"คนพร้อมที่จะบูชาสิ่งที่ทำให้คนร่ำรวยมากขึ้น เพราะคนไทยบางส่วนไม่ใช่พุทธแท้ ไม่ได้อาศัยกาลามสูตรในการตัดสินปัญหา เป็นสังคมตื่นข่าวแบบไทยมุง แต่ตอนนี้เป็นไทยมุงออนไลน์ อุดมด้วยเรื่องดราม่า"

ส่วนเรื่องภูมิอากาศในปี 67 ถ้าดูจากดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาล อาจารย์วรพล พยากรณ์ว่า คงจะเจอปัญหาสภาวะอากาศแล้งร้อนต่อเนื่องนานขึ้น ลมประจำฤดูฝนแปรปรวน ซึ่งช่วงที่ราหูโคจรมาเจอดาวพุธในราศีมีน ราหูหมายถึงลมพายุ พุธหมายถึงลมประจำฤดู ในราศีมีนหมายถึงทะเลหรือมหาสมุทร

ดังนั้นจึงหมายถึง ลมที่มาจากทะเลรุนแรงขึ้น คือ อาจเจอพายุคล้ายๆดีเปรสชั่น ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป..."