เปิดพื้นที่ใจ'แพท วงเคลียร์' ในวันที่โอบกอดตัวเองเป็น...

เปิดพื้นที่ใจ'แพท วงเคลียร์'  ในวันที่โอบกอดตัวเองเป็น...

มุมเล็กๆ ในซอกใจ 'แพท วงเคลียร์(Klear)' ในวันที่เข้าใจชีวิตดีขึ้นกับบทสนทนาที่มีท่วงทำนองเพลงและเสียงร้องไห้ที่มากกว่าความเศร้า...

“ถ้าเราใจดีกับตัวเองเป็น เราจึงใจดีกับคนอื่นได้ โดยไร้เงื่อนไข เพราะเราเติมตัวเองไว้เต็ม เราจึงมีมาก พอจะเทให้คนอื่นได้เรื่อยๆ...”

แพท-รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย นักร้องนำหญิงคนเดียววงเคลียร์(Klear )สังกัดจีนี่ เรคคอร์ดส ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ บันทึกไว้ในเฟซบุ๊กThe Cloud of Thoughts หรือก้อนเมฆความคิด

ก่อนหน้านี้ แพทเป็นทั้งสถาปนิก และนักร้อง รวมถึงนักแต่งเพลง บทเพลงเกือบทั้งหมดของวงเคลียร์ เป็นฝีมือการเขียนของเธอ และเมื่อถึงเวลาต้องเลือก เธอเลือกเป็นนักร้องเต็มตัว และไม่ได้ทิ้งเรื่องการออกแบบที่ร่ำเรียนมาจากสถาปัตย์ จุฬาฯ และปริญญาโทจากสก๊อตแลนด์ แต่เอาไว้ช่วยงานแฟน ที่เพิ่งแต่งงานเมื่อไม่นาน

เปิดพื้นที่ใจ\'แพท วงเคลียร์\'  ในวันที่โอบกอดตัวเองเป็น... แพท-รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย นักร้องหญิงคนเดียววงเคลียร์(Klear )

นอกจากเฟซบุ๊กที่ให้กำลังใจผู้คน เธอยังเปิดพื้นที่ Line@ ชื่อว่า @cloudofthoughts เพื่อรับฟัง ให้กำลังใจ ปรึกษาปัญหา ซึ่งบางทีพวกเขาก็ไม่ได้ต้องการคำตอบ แค่อยากระบายบางอย่างกับคนที่เข้าใจความรู้สึกเหล่านี้

แพทเอง ก็เคยเจอความรักไม่ลงตัว ความขัดแย้งหลายอย่างในใจไม่ต่างจากคนทั่วไป และเมื่อผ่านไปได้ด้วยดี คนอื่นๆ ก็ต้องผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้เช่นกัน

และนี่คือ บทสนทนา...ในวันที่ต้นลั่นทมกำลังทิ้งใบ ช่วงปลายปี 2566 ณ เสถียรธรรมสถาน

เคยได้ยินมาว่า เกือบทุกคอนเสิร์ตวงเคลียร์ เรื่องเล่าและบทเพลงบนเวที ทำให้แฟนเพลงร้องไห้ไปด้วย?

ไม่ใช่แค่เด็กรุ่นๆ ผู้ใหญ่ก็มี เขาน่าจะเห็นเราเป็นเพื่อน พี่ และน้อง พวกเขาเชื่อมโยงกับเราผ่านบทเพลง สิ่งที่เราพูดบนเวทีเป็นเชิงให้กำลังใจเวลาเห็นน้องๆ ที่มาฟังเพลงหน้าเวที แล้วร้องไห้ แพทเองก็อยากบอกว่า เราก็เคยดื่มเหล้าเมา เคยไปนั่งหน้าบ้านผู้ชาย

สุดท้ายเราก็คิดได้ พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงเรามา เพื่อให้เราทำแบบนั้น เราก็ค่อยๆ ประคองตัวเองกลับบ้าน แพทก็เล่าเรื่องแบบนี้ให้น้องๆฟัง ทำให้พวกเขาเชื่อว่า คนที่เขียนเพลงแบบนี้ เคยเจอแบบที่เขาเจอ

เคยมีคนบอกว่า เอกลักษณ์เพลงของเรา ก็คือ ใช้ภาษาง่ายๆ เวลาแต่งเพลงแพทจะละเอียดมากในการเลือกใช้คำทำให้คนฟังสัมผัสความรู้สึกได้ เหมือนเราแกะสลักมาแล้ว

เพลงทั้ง 5 อัลบั้มของวงเคลียร์ แพทแต่งเองทั้งหมด ไม่ได้แต่งแค่ 3 เพลง บางเพลงแพทแต่งชั่วโมงเดียว บางเพลง 6 เดือนยังแต่งไม่เสร็จ

เปิดพื้นที่ใจ\'แพท วงเคลียร์\'  ในวันที่โอบกอดตัวเองเป็น... "แค่หาสิ่งที่ดีที่สุดที่ออกมาจากธรรมชาติของเราผ่านเส้นเสียง เพราะการถ่ายทอดความรู้สึกสำคัญกว่าเทคนิค" แพท วงเคลียร์ 

 

สไตล์และวิธีการร้องเพลงพัฒนามาอย่างไร

ก็เติบโตมากับเพื่อนๆ วงเคลียร์ มีช่วงหนึ่งร้องเพลงร็อก หรือเพลงที่ต้องใช้เสียงแปลกๆ ก็ฟังจากต้นแบบแล้วฝึกร้อง เคยร้องว้าก(การร้องให้เกิดเสียงแตก เพื่อให้การร้องเพลงดูแข็งแรง ดุดัน)จนไอเป็นเลือด ก็เลยต้องหยุด

ทุกวันนี้ยังต้องเรียนรู้เรื่องการร้องเพลง แต่ไม่เข้มข้นเหมือนเมื่อก่อน แค่หาสิ่งที่ดีที่สุดที่ออกมาจากธรรมชาติของเราผ่านเส้นเสียง เพราะการถ่ายทอดความรู้สึกสำคัญกว่าเทคนิค

การแต่งเพลง เรียนรู้มาอย่างไร

ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดว่า จะพลิกผันเป็นคนแต่งเพลง ซึ่งการเขียนเพลงก็คล้ายๆ เขียนกลอน แต่เป็นกลอนที่ใส่ทำนอง เพลงแรกที่แต่งตอนอยู่ ปี 1 จับคอร์ดกีตาร์ 4 คอร์ด เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้า เหมือนใจคนที่เปลี่ยนไป

เพลงส่วนใหญ่ที่แต่งเป็นเรื่องราวชีวิตคนอื่น บางทีมาจากการดูหนัง อ่านหนังสือ อย่างตอนเด็กๆ ชอบอ่านวรรณกรรม ชุดที่ชอบมากที่สุดคือ ลอร่า อิงกัลส์ ไวล์เดอร์

เพลงที่แต่งจากชีวิตแพทมีแค่อัลบั้มแรก ซึ่งเราพบว่า การเขียนเรื่องตัวเองจะทำให้ฟุ้งซ่าน

กว่าวงเคลียร์จะเป็นที่รู้จัก ก็ผ่านอุปสรรคไม่ใช่น้อย?

ตั้งแต่ยังไม่ได้สังกัดค่ายเพลง วงแตกเป็นสิบๆ รอบ ยื่นเดโมที่ไหนก็ไม่มีใครเอา มีคนบอกว่า หน้าตาแบบแพทเนี่ย ขายความเป็นนักร้องไม่ได้ ไม่สวย ไม่ใช่พิมพ์นิยม และเวลาร้องเพลงร็อกฟังยาก มีช่วงหนึ่งเราและพี่ๆ คิดจะเลิกทำวงดนตรี เพราะมีการงานที่มั่นคงอยู่แล้ว

อัลบั้มแรก Stay Alive แนวร็อกๆ ก็ไม่มีคนฟัง ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีความสุขในการทำงาน ชีวิตตอนนั้นก็หนัก เพราะเสียคุณพ่อกะทันหันตอนเรียนปี 3 เป็นช่วงที่ย่ำแย่

ความรักก็พัง เขาไม่แฮปปี้ที่เราเป็นศิลปิน ทุกครั้งที่ออกไปเล่นคอนเสิร์ตก็ทะเลาะกัน ตอนนั้นตั้งคำถามว่ามีชื่อเสียงแล้ว ก็น่าจะมีความสุข ประกอบกับความสัมพันธ์ที่เปราะบางกับคุณแม่ในช่วงคุณพ่อเสีย

เปิดพื้นที่ใจ\'แพท วงเคลียร์\'  ในวันที่โอบกอดตัวเองเป็น... "เวลาแพทร้องไห้เยอะๆ มันเป็นความโกรธของคนที่ขาดความรักตัวเอง ทำให้เรารู้ว่า ความรักตัวเองสำคัญมาก" แพท รัณนภันต์ วง Klear

 

แพทแก้ปัญหาอย่างไรคะ

ตอนนั้นขอพักไม่รู้ว่าจะกลับมาร้องเพลงกับวงอีกหรือเปล่า แพทมองว่า การได้อยู่คนเดียว ทำให้เราเติบโต มีเวลาคิดปัญหาเรื่องแฟนตอนไปเรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารจัดการและนวัตกรรมการออกแบบ ที่สก๊อตแลนด์หลังจากเรียนจบ จึงปักธงชีวิตมาทางการร้องเพลง

ถ้าแพทไม่มีเวลานั่งคิด หรือเผชิญหน้ากับความรู้สึกข้างใน ก็ไม่สามารถตกผลึกเป็นสิ่งสวยงามได้ สุดท้ายเราต้องยอมรับด้านที่ไม่สวยงามของเราให้ได้ก่อน

เมื่อเราโกรธทุกคนจนครบแล้ว การเพ่งโทษออกไปข้างนอกไม่เห็นจะดีขึ้น และช่วงที่เลี้ยงดูตัวเองได้ มั่นใจในตัวเอง ใครมาสะกิดก็ไม่ฟัง ค่อนข้างดื้อ

เวลาแพทร้องไห้เยอะๆ มันเป็นความโกรธของคนที่ขาดความรักตัวเอง ทำให้เรารู้ว่า ความรักตัวเองสำคัญมากมีช่วงหนึ่งร้องไห้จนเหนื่อย ก็ออกไปวิ่งวันละ 5 กิโลเมตร การออกกำลังกายทำให้ร่างกายเคลียร์พลังงานไม่ดีออกไปเยอะ

ที่สำคัญ ต้องรู้จักรักตัวเอง?

การที่เราเอาชีวิตไปผูกติดกับใคร เวลาไม่ได้ดั่งใจ เราจะโทษเขา ตอนนี้แพทแต่งงานแล้ว ก็ไม่ไปผูกติดกับเขาเยอะ แต่ให้เกียรติ ถ้ามีลูกก็ต้องอีกสเต็ปที่ต้องสอนตัวเอง

เวลาที่จิตใจบอบช้ำ ไม่มีคนตอบคำถามเราได้ การเยียวยาสำคัญแค่ไหน

ชีวิตไม่มีอะไรสำคัญกว่าสุขภาพใจ ต่อให้คุณมีวัตถุมากขนาดไหน ถ้าใจเราไม่มีความสุข สิ่งเหล่านั้นไม่มีความหมาย คุณยาย(แม่ชีศันสนีย์)เคยบอกว่า ถ้าสนใจเรื่องการเยียวยาจิตใจคนอื่น ต้องเป็นฟองน้ำที่ซับเข้าและบีบออกเป็น เป็นกาน้ำที่เทออกได้

เวลาเจอคนเยอะๆ แพทก็จะมีวิธีเคลียร์พลังงานออก ถ้าเรารู้จักสร้างเกราะพลังงานของเรา เราเป็นแค่ท่อส่งผ่านพลังงานดีๆ ไม่ใช่ถูกดูดพลังงาน

เปิดพื้นที่ใจ\'แพท วงเคลียร์\'  ในวันที่โอบกอดตัวเองเป็น... "ต้องเป็นฟองน้ำที่ซับเข้าและบีบออกเป็น เป็นกาน้ำที่เทออกได้" รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย

 

อยากให้เล่าถึงเรื่องค้างคาใจที่ไม่อาจปลดล็อคตัวเองตอนที่คุณพ่อจากไป ?

ทำไมในวาระสุดท้ายของพ่อ พ่อตัดสินใจไม่ให้เราอยู่ตรงนั้น ตอนนั้นจองตั๋วไปเที่ยวต่างประเทศสามคน คือ เรา แม่และพ่อ แต่พ่อมาบอกว่า ไม่ไปเที่ยวด้วย จะขอไปปฏิบัติธรรมเราสองคนแม่ลูกบินไปถึงที่นั่นวันสองวัน

คนที่บ้านโทรมาบอกว่า พ่อเข้าโรงพยาบาลด่วนต้องผ่าตัด บินกลับมาไม่ทันดูใจ คนที่บ้านไม่มีใครรู้ว่าพ่อป่วย มีคุณหมอคนเดียวที่รู้ แพทรู้สึกมาตลอดว่า ทำไมพ่อไม่ให้โอกาสแพทดูแลพ่อ

จนได้มาคุยกับคุณยาย(แม่ชีศันสนีย์) ท่านช่วยปลดล็อคความรู้สึกนี้ คุณยายบอกว่าถ้าแพทอยู่ตรงนั้น พ่อจะจากไปแบบสงบไหม พ่อคงมีห่วงเต็มไปหมด คนที่ปฏิบัติธรรมก็น่าจะเข้าใจ จิตสุดท้ายควรเป็นจิตที่สงบ

ส่วนเรื่องความรัก ก็เคยผิดหวังมาก ก็ใช้วิธีเยียวยาอยู่กับตัวเอง เมตตาตัวเอง ก็ค่อยๆ กลับขึ้นมา วันนี้เราก็มีความรักที่ค่อนข้างมีความสุขแบบธรรมดาๆ เพิ่งแต่งงานเมื่อปี 66 รู้สึกว่า เรามีหลายอย่างที่แชร์กับผู้คนได้ จริงๆ ประสบการณ์ร้ายๆ ที่เจ็บปวด เราทุกคนผ่านได้

ย้อนไปถึงชีวิตวัยเด็ก เห็นบอกว่า ทำกิจกรรมเยอะ ?

ตอนเด็กๆ เรารู้ว่า จะทำตัวอย่างไรให้อยู่รอด ทำกิจกรรมเยอะ ทั้งไปแข่งขันทางวิชาการ เป็นนักกีฬาโรงเรียน เชียร์ลีดเดอร์ คุณพ่อจะกำชับเรื่องหนึ่งว่า อยากเล่นอะไร แค่ไหนก็ได้ แต่การเรียนห้ามตก ก็ดิ้นในกรอบของเราเรียนได้ไม่เกินที่ 3 แล้วชีวิตจะเป็นอิสระ

ถ้าอยากเล่นเกม อ่านการ์ตูน ต้องทำการบ้านให้เสร็จ ตอนเรียนมัธยมปิดเทอมเคยเล่นเกมถึงเช้า หนังสือการ์ตูนเป็นลังๆ ตอนพ่อจะเอาไปทิ้ง เราเคยมีข้อตกลงกันว่า “ถ้าหนูเรียนไม่ตก พ่อห้ามทิ้ง” พ่อแม่บางคนอาจไม่คุ้นเคยแบบนี้ แต่บ้านแพทคุยกันเยอะ

เปิดพื้นที่ใจ\'แพท วงเคลียร์\'  ในวันที่โอบกอดตัวเองเป็น... "การรับผิดชอบสุขภาพเป็นหน้าที่พื้นฐานของทุกคน เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระคนรอบข้าง" รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย 

 

ถ้าทำตามกฎบางอย่างที่พ่อแม่วางไว้ ก็มีอิสระในการใช้ชีวิต?

เวลาอยู่ในสังคมต้องมีกรอบตอนเรียนมัธยม เพื่อนไปเที่ยวผับเราขอพ่อไปเที่ยว อยากเห็น อยากรู้ ไม่ได้เข้าไปดื่มเหล้า แรกๆ พ่อไม่โอเค แล้วโยนหัวก้อยกัน ตกลงเราได้ไป โดยมีเงื่อนไขว่า พ่อไปส่ง แล้วนั่งรอหนึ่งชั่วโมง เมื่อออกมาก็กลับบ้าน

ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนแบบนี้ได้มาจากใคร

ถ้าเป็นความละเอียดทางอารมณ์ได้มาจากคุณพ่อ ส่วนความละเอียดอ่อนทางความคิดจากคุณแม่ แม่อนุญาติให้โต้ตอบอย่างมีเหตุผลตั้งแต่เด็ก แม่ไม่อยากตัดสินใจอะไรง่ายๆ

ตอนวัยรุ่นช่วงปิดเทอมใหญ่ แพทจะถูกส่งไปเรียนและอยู่บ้านโฮสในต่างประเทศ การเรียนรู้แบบนี้ ทำให้เราเป็นคนที่ไม่ค่อยตัดสินอะไรจากสิ่งที่เราเห็น

และโชคดีที่เราสนิทกับพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก เวลาเพื่อนที่โรงเรียนไม่เข้าใจ ก็จะกลับมาถามแม่ แม่ก็ตั้งคำถามกลับว่า คิดเรื่องนี้ยังไง

ยกตัวอย่างเรื่องความสวย ความงาม ตอนอยู่บ้านโฮสที่ต่างประเทศ พวกเขาจะชอบสีผิวและผมของเรามาก แต่อยู่เมืองไทยโดนว่า ดำ ดั้งไม่มี ไม่เป็นไปตามพิมพ์นิยมแบบไทยๆ

เวลาเล่นคอนเสิร์ต เจอคนเยอะๆ เจอภาวะหมดพลังงานบ้างไหม

เคยเป็น จึงรู้ว่า ไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง ลงจากเวทีแล้วเหนื่อยมาก ตื่นมาก็ยังมีอาการซึมเศร้าเป็นอาการที่ศิลปินบางคนเป็น ทำให้ต้องใช้เหล้าหรือยาบำบัด

เรื่องนี้ทำให้นึกถึงวันที่เราไปเที่ยวพักผ่อน แล้ววันรุ่งขึ้นไม่อยากไปทำงาน เมื่อร่างกายได้รับอะดรีนาลีนเต็มที่แล้ว ในวันรุ่งขึ้นร่างกายพยายามถอนอะดรีนาลีน อาการถอนทำให้เราซึมเศร้า เป็นเรื่องกลไกของร่างกายแรก ๆ ก็ไม่ได้เรียนรู้เรื่องพลังงานในร่างกาย รู้แค่ว่าต้องอยู่กับมันให้ได้ เพราะไม่ได้มีเรื่องเศร้าๆ

เปิดพื้นที่ใจ\'แพท วงเคลียร์\'  ในวันที่โอบกอดตัวเองเป็น...

ถ้าเจอสภาวะเศร้าและรู้สึกไร้ค่า แพทจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไร

เมื่อก่อนทำชีวิตให้ยากเอง คิดมาก คิดถึงอดีต และคิดถึงอนาคต ตอนนี้เมื่อเจอความรู้สึกแบบนั้น ก็หันไปทำกิจกรรม ยิ่งใช้แรงมากยิ่งดี ไปออกกำลังกาย หรืออยู่กับธรรมชาติ

พอเราเรียนรู้เรื่องพลังงาน ปฏิบัติภาวนา รู้จักการถ่ายเทพลังงานสู่พื้นโลก ก็จะไม่เกิดภาวะซึมเศร้าหลังการแสดง

ยกตัวอย่างถ้ากำลังเศร้า แล้วโดนสั่งให้รุกขึ้นกระโดดหรือเต้น ก็จะดีขี้น แต่ถ้ารู้สึกเศร้า แล้วยังนั่งเศร้า ก็เศร้าอย่างนั้นแหละ ถ้าเราไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับความเศร้า ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย แล้วจิตใจจะเปลี่ยนตาม จะออกไปเดินเล่น หรือใช้ธรรมชาติเยียวยาก็ได้

นอกจากอาชีพนักร้อง นักแต่งเพลงแพทอยากทำอะไรอีก

อยากทำให้คนไทยมีสุขภาวะทางใจดีขึ้น ตอนนี้ก็ทำอยู่ ทั้งเรื่องการใช้คริสตัลโบว์ล คลื่นเสียงบำบัดเพื่อการเยี่ยวยาทำให้กลุ่มเล็กๆและการพูดให้กำลังใจ กิจกรรมที่ทำให้คนได้คุยกับตัวเองแพทมองว่า เรื่องเหล่านี้ควรขยายให้เยอะขึ้น เราก็อยากเป็นหนึ่งในคนที่พูดเรื่องนี้

ยกตัวอย่างกระเป๋าแบรนด์เนม ซื้อมาแล้วก็จบตรงนั้น ทุกวันนี้ยังนอนกองอยู่ในตู้ ไม่ได้หยิบมาใช้ และเราไม่ได้คิดว่า ตัวเราโด่งดัง มีชื่อเสียง มีคนดังกว่าเราเยอะ

ถ้าคิดอย่างนั้น ก็ไม่มีความสุขซะที เปลี่ยนมาใช้วิธีขอบคุณเวลาเราขึ้นไปร้องเพลง แล้วมีคนชมแน่น ขอบคุณสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวัน มีความสุขกับสิ่งที่เรารัก

ทุกวันนี้แพทว่างก็ออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน วิ่ง โยคะ เปลี่ยนกิจกรรมไปเรื่อยๆ ในแต่ละวัน การรับผิดชอบสุขภาพเป็นหน้าที่พื้นฐานของทุกคน เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระคนรอบข้าง