'เที่ยวถ้ำหลวง' ขุนน้ำนางนอน ‘ฟรี’ ตามรอย 13 หมูป่า
‘ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน’ นักท่องเที่ยวเข้าไป ‘เที่ยวถ้ำหลวง’ ได้ ฟรี ในบริเวณโถง 1 ระยะทาง 200 เมตร ชมความงดงาม และยิ่งใหญ่ของถ้ำ ชมหินงอก หินย้อย ที่สวยงาม ชมพิพิธภัณฑ์ และ อนุสาวรีย์จ่าแซม ซึมซับบรรยากาศ ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
เที่ยวถ้ำหลวง หรือ ‘วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน’ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย สถานที่แห่งนี้ มีพื้นที่ 5,000 ไร่ มีทิวทัศน์สวยงาม อยู่ในพื้นที่ป่าไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดอยนางนอน คนในท้องถิ่นนิยมเดินทางมาท่องเที่ยว ทว่ายังไม่โด่งดังไปทั่วโลก เช่นปัจจุบันนี้
เนื่องจากเหตุการณ์ ทีมฟุตบอล หมูป่าอะคาเดมี่ ประสบภัย ติดอยู่ในถ้ำหลวงใช้เวลา 9 วันจึงพบเจอตัว กว่าจะลำเลียงออกมาจากถ้ำจนครบ ทั้งหมดใช้เวลา 17 วัน 4 ชั่วโมง กับ 29 นาที ข่าวนี้ดังไปทั่วโลก มีผู้เชี่ยวชาญจาก 23 ประเทศ 300 กว่าหน่วยงาน หลั่งไหลมาให้การช่วยเหลือ สำนักข่าวทั่วโลกรายงานข่าวนี้ คนทั่วโลกส่งกำลังใจ เฝ้าอธิษฐาน และคอยลุ้นกันอยู่ทั่วทุกมุมโลก
ใช่แล้ววันนี้ ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน มีชื่อเสียงก้องโลก เพราะมีการนำเสนอเรื่องราวผ่านภาพยนตร์ อีกด้วย สถานที่แห่งนี้ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม ทว่ามีการพัฒนา เพิ่มความสะดวกสบาย จากถนนดินลูกรัง ฝุ่นตลบ เป็นถนนคอนกรีต เวิ้งทะเลโคลน ในวันที่หลายชีวิตเหยียบย่ำจนเท้าเปื่อย ในวันที่ช่วยเหลือ 13 หมูป่า ปัจจุบันกลายเป็นศาลาจัดแสดงภาพศิลปะ ที่สวยงามเกี่ยวกับ ดอยนางนอน บันทึกเหตุการณ์ รวมทั้งบอกเล่าถึงประวัติของ 'ดอยนางนอน' โดยศิลปินแห่งชาติ ชาวจังหวัดเชียงราย นั่นก็คือ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และศิลปินขัวศิลปะ ด้านหน้าอาคาร มีรูปปั้นจ่าแซม วีรบุรุษ ที่อุทิศชีวิตในภารกิจครั้งนี้
หากได้เดินทางไป เที่ยวถ้ำหลวง ก็จะเห็นว่าใกล้ๆกับอาคารดังกล่าว มี ถ้ำหลวงจำลอง ตั้งชื่อว่า ถ้ำหลวงเล่าเรื่อง เล่าถึงปฏิบัติการค้นหา และกู้ภัย 13 ชีวิต ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชม และมองเห็นภาพภายในถ้ำจำลอง จากโถง 1 ไปจนถึง โถงที่ 3 จุดที่พบตัว 13 หมูป่า
หากใครไม่ต้องการเดินไปชมถ้ำหลวงของจริงเพื่อดูจุดที่พบตัว 13 ชีวิต ที่ต้องจ่ายเงินค่าเข้า 950 บาท มาเดินที่ถ้ำหลวงจำลองแห่งนี้ฟรีก็พอจะมองเห็นภาพทั้งหมด ทั้งหมดเดินชมเองได้อย่างเข้าใจโดยไม่ต้องพึ่งพามัคคุเทศก์ก็ยังได้
ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมได้ฟรี ในบริเวณโถง 1 ระยะทาง 200 เมตร ชมความงดงามและยิ่งใหญ่ของถ้ำ ชมหินงอก หินย้อย ที่สวยงาม ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
หากต้องการเข้าถ้ำลึกกว่านั้น เพื่อตามรอย 13 หมูป่า ต้องจ่ายเงิน 950 บาท เป็นค่าบุคลากรนำเที่ยว และผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ฯลฯ แต่ต้องจองล่วงหน้า 7 วันผ่านเพจ และเฟชบุ๊ก อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เพื่อการจัดเตรียมอุปกรณ์ และบุคลากรนำชม รวมทั้งกู้ภัยที่ต้องเดินทางเข้าไปด้วย เนื่องจากภายในถ้ำค่อนข้างอันตราย บางครั้งต้องมุด รอด ข้ามหินก้อนใหญ่ และปีนป่าย แถมยังเสียงหลงทางอีกด้วย
หินงอก หินย้อย และเสาหินภายในถ้ำถือว่าเป็นศิลปะจากธรรมชาติ
ถ้ำหลวง นั้น มีพื้นที่กว้างขวางโอ่โถงสมชื่อ มีความยาวทั้งหมด 10 .3 กิโลเมตร ถือว่ายาวเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย ปากถ้ำเป็นโถงกว้าง และสูง อากาศภายในถ้ำเย็นสบาย และไม่มีกลิ่นของค้างคาว เนื่องจากถ้ำแห่งไม่มีค้างคาวอาศัยอยู่ เพราะหน้าน้ำ น้ำจะเต็มถ้ำนั่นเอง
บริเวณหน้าถ้ำ ยังคงมีจักรยานของเด็กๆ จอดเรียงรายให้นักท่องเที่ยวได้มองเห็นภาพเหตุการณ์ มีเสื้อยืดและ รองเท้าของเด็กๆ รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการช่วยเหลือครั้งนั้น ภายในโถงถ้ำติดไฟสว่างขึ้น จัดทำบันไดทางเดินเพิ่มความสะดวกสบาย เดินง่ายไม่สะดุด
ก่อนหน้านั้นนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่นี่ปีละประมาณ 15,000 คน หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 1500,000 คนเลยทีเดียว สร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น ในการบริการรถรับส่ง ขายอาหาร น้ำ ขนม และขายของที่ระลึก ฯลฯ
‘พรหมลิขิต’ ชีวิต 13 หมูป่าอะคาเดมี่
กมล คุณงามความดี เจ้าหน้าที่อุทยาน เล่าว่า นั่นคือ พรหมลิขิต หากเขา และ เวอร์นอน อันสเวิร์ธ นักสำรวจถ้ำชาวอังกฤษ ผู้รู้เส้นทางทุกซอกทุกมุมของ ถ้ำหลวง และตัวเขาซึ่งเป็นบัดดี้ของ 'มีสเตอร์เวิร์น' ช่วยกันค้นหาตั้งแต่แรก เรื่องราวอาจจะเป็นอีกแบบ ดังนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นเขาจึงเชื่อว่าเป็น ‘พรหมลิขิต’ หรือ ‘โชคชะตา’ นั่นเอง
“วันนั้นเด็กๆ ไปเตะฟุตบอล แดดเปรี้ยงมาก ฝนไม่ตก และปกติน้ำจะมากลางเดือนกรกฎาคม ไม่เคยมาในเดือนมิถุนายนหลังจากที่เด็กๆเข้าไปติดถ้ำ พายุ ก็ซัดกระหน่ำทันที คืนแรก 23 มิถุนายน 2561 ผู้ว่าณรงค์ศักดิ์ ทราบข่าวก็เดินทางมาที่เกิดเหตุทันที และมันแปลกตรงที่วันนั้น นายอำเภอแม่สาย ติดราชการอยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วนผมกับเวิร์นก็ไม่ทราบข่าวนี้ พอมาเช้าวันที่ 24 น้ำก็เต็มโถงถ้ำแล้ว นี่คือชะตาชีวิตของ 13 หมูป่า”
‘ถ้ำหลวง’ อยู่ตรงเทือกเขาดอยนางนอนที่มีความ ยาว 10.3 กิโลเมตร นับตั้งแต่ส่วนใต้ศีรษะของนางนอนไปจรดที่เส้นผม จอห์น โวลันเธน และ ริชาร์ด สแตนตัน พบเด็ก 13 หมูป่าระหว่างโถง 2 และโถง 3 ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในถ้ำราว 2 กิโลเมตร กับอีก 315 เมตรคาดว่าอยู่ตรงดั้งจมูกของดอยนางนอนพอดี และน้องๆยังอยู่ลึกลงไปใต้ภูเขาอีกประมาณ 600 เมตร จึงยากที่จะขุดเจาะจากโพรงเหนือถ้ำ
‘กมล คุณงามความดี’ ปัจจุบันเป็นวิทยากร ผู้ให้ความรู้จากประสบการณ์จริง เมื่อนักท่องเที่ยวไปเยือน ‘ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน’ เขาเล่าให้จุดประกาย หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฟังว่า การดำน้ำในถ้ำยากอย่างไร? หากดำน้ำในถ้ำแล้วเกิดอาการ แพนิค ก็หนีไม่พ้นความตาย เพราะในถ้ำ เต็มไปด้วยหินงอก หินย้อย และ เสาหิน ขึ้นมาหายใจไม่ได้
ภายในถ้ำหลวงจำลอง จะได้เห็นจุดที่พบกับ 13 หมูป่า ระหว่างโถงถ้ำที่ 2 กับโถงถ้ำที่ 3
บางจุดน้ำลึก 115 เมตร มีบริเวณกว้างประมาณสนามฟุตซอล เวลาสูบน้ำ ข้างหน้าน้ำลด ทุกคนก็ดีใจ แต่หารู้ไม่ น้ำข้างหลังแรงขึ้นกว่าเดิม พอถึงโถง 3 น้ำม้วนตัวแรงมากๆ ยิ่งกว่านครบาดาล ซึ่งอันตรายมากๆ บางจุดน้ำท่วม 7 เมตร มิดโถง เลยไปอีกหน่อยน้ำท่วม 12 เมตร แถมยังมีน้ำวน นี่คือความยากของงานนี้ และยังเล่าต่อไปว่านักดำน้ำส่วนใหญ่ หัวแตก ต้องเย็บแผลกันทุกวัน ทีมช่วยเหลือเป็นโรคเท้าเปื่อยเนื่องจากเดินในทะเลโคลนทั้งวัน และทุกวัน
ตำนานดอยนางนอน
ลักษณะของ ดอยนางนอน เป็นภูเขาที่เรียงราย สลับซับซ้อนมองดูคล้ายกับผู้หญิงตั้งครรภ์ นอนอยู่ ประกอบไปด้วยส่วนท้องก็คือ ดอยตุง ส่วนทรวงอก หรือ นม ก็คือ ดอยผาฮี้ ส่วนของศีรษะ ก็คือ ดอยจ้อง เส้นผม ก็คือ ดอยผาหมี บริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่า 10 ชาติพันธุ์ และจำนวนเกินครึ่งของเด็กติดถ้ำ 13 หมูป่า ก็เป็นเด็กชาติพันธุ์
ผลงานอาจารย์เฉลิมชัย ศิลปินแห่งชาติชาวจังหวัดเชียงราย
ตำนานเรื่องราวของ เจ้าแม่นางนอน เธอคือ เจ้าหญิงไทยลื้อ ดังภาพวาดในศาลาพิพิธภัณฑ์ (โดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และศิลปินขัวศิลปะ เชียงราย)แสดงให้เห็นเรื่องราวในตำนาน ว่า เธอพบรักกับคนเลี้ยงม้าหน้าตาหล่อเหลา จนตั้งครรภ์
ตัดสินใจหนีตามกันออกป่า ฝ่ายเจ้าเมืองซึ่งเป็นพ่อของเจ้าหญิงนั้นโกรธมาก ส่งทหารไล่ล่าตามฆ่าคนเลี้ยงม้า เจ้าหญิงเสียใจมาก จนสุดท้ายใช้ปิ่นปักผมแทงขมับตัวเอง นอนเสียชีวิต ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าต่อๆกันมาว่า เจ้าหญิงนอนสิ้นชีวิตอยู่ตรงหน้าถ้ำหลวงนี่เอง
ส่วน สระมรกต เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ที่อยู่ห่างจากถ้ำหลวงไปประมาณ 2 กิโลเมตร ว่ากันว่าที่นี่คือ บ่อน้ำตาของเจ้าหญิง นั่นก็คือตำนานของ ดอยนางนอน และ ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน
รถของชุมชนที่จ่ายไปคนละ 20 บาทจะมาจอดหน้าอุทยาน จากนั้นเจ้าหน้าที่อุทยานจะมารับเข้าไปภายในอุทยานอีกที
