‘ตู๋-เลิศรินิญฒ์ ศรีสุคนธ์’ กับเส้นทาง ‘ธุรกิจอาหาร’
‘ตู๋-เลิศรินิญฒ์ ศรีสุคนธ์’ เจ้าของ ‘ธุรกิจอาหาร’ ที่ประสบความสำเร็จ เพิ่งเปิดตัว ‘คาเฟ่ ชิลลี่’ สาขา 'ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์' ปีหน้าเตรียมตัวนำพา ‘อาหารไทย’ ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ออกสู่ต่างประเทศ
‘ตู๋-เลิศรินิญฒ์ ศรีสุคนธ์’ ผู้บริหาร บริษัท สะไปซ์ ออฟ เอเซีย จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจอาหารในเครือล่าสุด เพิ่งเปิดตัว คาเฟ่ ชิลลี่ (Café Chilli) สาขาน้องใหม่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในปีนี้มุ่งสู่สาขาถัดไปที่ One Bangkok และเตรียมขยายสาขาสู่ต่างประเทศ
ผู้บริหารรายนี้มีประสบการณ์ด้าน ธุรกิจอาหาร มากว่า 15 ปี เริ่มจากคาเฟ่ ชิลลี่ สาขาแรกที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ส่วนตัวแล้ว ตู๋-เลิศรินิญฒ์ เรียนจบ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยรอยัลฮอลโลเวย์แห่งลอนดอน (Royal Holloway, University of London)
และ ปริญญาโท สาขาวิชา จิตวิทยาองค์การและการจัดการทรัพยากรมนุษย์ วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เพราะอะไรจึงสนใจธุรกิจด้านอาหาร เจ้าตัวเปิดเผยว่า
“ก็ไม่เคยคิดว่าจะมาทำ ธุรกิจด้านอาหาร พอโชคชะตาพามาด้านนี้และเราก็มีความสุข สนุกกับการทำตรงนี้ก็เลยทำเรื่อยมา และก็ลองทำ Catering รับงานจัดเลี้ยงข้างนอก กลุ่มลูกค้าบอกต่อๆกัน ก็ถือว่าได้รับความไว้วางใจ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้รับทั้งงานแต่งงาน งานเลี้ยงสังสรรค์ ล่าสุดไปจัดให้ วปอ.66 ทุกคนก็แฮปปี้มาก
ตู๋ถนัด อาหารไทย จัดแต่งแบบทันสมัยโมเดิร์น แล้วหยิบจับวัตถุดิบท้องถิ่นมาสร้างมูลค่า ค่อนข้างมีความคราฟต์ และค่อนข้างยูนีค มีกลิ่นอายของความสะไปซ์ ความหลากหลายของวัตถุดิบไทย
‘ตู๋-เลิศรินิญฒ์ ศรีสุคนธ์’ ผู้บริหาร บริษัท สะไปซ์ ออฟ เอเซีย จำกัด
ตอนประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน เอเปค เราก็ได้ไปทำ Catering ให้ด้วย งานนั้นก็ได้รับความชื่นชมเยอะ เพราะได้ส่งต่ออาหารไทย สู่สายตาชาวต่างชาติ ความน่าสนใจของอาหารแต่ละวันจะมีธีม เช่น ดอกบัว กล้วย มะพร้าว สนุกมากงานนี้มีความท้าทายมาก”
ตู๋-เลิศรินิญฒ์ เล่าว่า ทุกอย่างในบริษัท สะไปซ์ ออฟ เอเชีย ก็คืออาหารที่เธอทำมาทั้งหมด รวม ‘อาหารไทย’ ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ จึงสามารถหยิบจับมาแต่งตัวใหม่ภายใต้ธีมคอนเซ็ปต์ของแต่ละงาน Catering
“ไม่ว่าลูกค้าจะต้องการแบบไหน เราก็สามารถหยิบยกจากประสบการณ์ การทำหน้าร้านอาหาร กลับเข้าไปในส่วนของงานจัดเลี้ยงด้วย งานของเราก็เลยออกมาในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร ไม่ได้เรียนมาทางด้านอาหาร แต่เรามีความชอบส่วนตัว
ตู๋ว่าคนทำร้านอาหารทุกคน จะเป็นคนชอบทานอาหาร เสาะแสวงหา ชอบการเรียนรู้ เราชอบไปเที่ยวและทุกครั้งที่ไปถือว่าเป็น Journey Food Culture ทุกครั้งที่ไปเที่ยวจะไปเรียนทำอาหารคอร์สสั้นๆด้วย 1 วัน 3 วัน 5 วัน จะมี Certificate อยู่ที่บ้านเต็มเลย
แล้วเราก็จะได้เรียน Culture ของประเทศนั้นๆไปด้วย การทำงานของตู๋ถือว่าโชคดีที่มีทีมค่อนข้างดีและเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านของอาหาร มาประกอบกันกับการดีไซน์เมนู ลงตัวตามรูปแบบที่เราต้องการ”
อย่างไรก็ตาม อาหารไทย สไตล์ ตู๋-เลิศรินิญฒ์ ต้องมาจากรสนิยมและความชอบของเธอเป็นหลัก พร้อมทั้งคิดว่าจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่รสนิยมคล้ายกัน
‘คาเฟ่ ชิลลี่’ (Café Chilli) สาขาน้องใหม่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถือเป็นสาขาที่ 10 ยอมรับว่าในช่วงโควิด 19 ระบาดเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาต้องปิดบางสาขาลงไป เนื่องจาก ร้านอาหาร ในเครือ สะไปซ์ ออฟ เอเชีย ส่วนใหญ่อยู่ในศูนย์การค้า
“ที่ไม่อยู่ในศูนย์การค้าก็มี คาเฟ่ ชิลลี่ ในซอยร่วมฤดี ตอนนี้สัญญาหมด เราก็ไม่ได้ต่อสัญญา แต่ไม่เป็นไรเรากำลังจะได้ที่ใหม่ อยากจะโฟกัสที่ใหม่มากกว่า และปีหน้า เราจะไปปักหมุดที่ต่างประเทศ เคยดูๆเอาไว้หลายปีแล้วพอเจอช่วยโควิดเราก็พักไว้ก่อน
ส่วนสาขาน้องใหม่ที่ศูนย์ฯสิริกิติ์ ต้องบอกว่า เนื่องจากเราเป็นเจ้าแรกที่ทำ ร้านอาหารอีสาน ขึ้นห้างฯ ดังนั้นประสบการณ์การทำเมนูมาไม่ต่ำกว่า15 ปี เราก็มารีดีไซน์ เขียนเมนูใหม่ทั้งหมด ใช้เวลาร่วมปี อยากนำเสนออาหารอีสานแบบเจาะลึก เราเรียกว่า ของดีถิ่นอีสาน ภาคอีสานมีทั้งหมด 20 จังหวัด
ตู๋เอา Journey ทั้งหมดของตัวเอง ที่สะสมเป็นความชอบ แล้วก็อยากสนับสนุนของดีถิ่นอีสานทั้ง 20 จังหวัด 20 ตำบล อะไรแบบนี้ขึ้นมาโดดเด่นในแต่ละจังหวัด โดยค่อยๆบอกเล่าไปทีละจังหวัด”
เมนูอาหารในร้านคาเฟ่ ชิลลี่ ยืนพื้นซิกเนเจอร์หลักที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว ทว่าการเปิดสาขาใหม่ล่าสุดครั้งนี้ ได้ดึงเมนูพิเศษของดีถิ่นอีสาน 20 จังหวัด 21 เมนู ที่คนกรุงเทพฯน่าจะหารับประทานยาก เป็นเมนูแปลกใหม่ มีวิธีการทำค่อนข้างละเอียดอ่อน
“เมนูหาทานยากอย่างเช่น ไก่ย่างขมิ้นไม้มะดัน เวลาย่างจะมีความหอม ความเปรี้ยว จากไม้มะดันลงไปที่ตัวไก่ย่าง หรือ ส้มตำด๊องแด๊ง ของจังหวัดเลย จะเป็นเส้นขนมจีนบีบสด มีไก่นึ่งเชียงคาน ป่นปลาทู ที่เอาปลาทูจริงๆมาป่น แหนมย่างใบมะยม ลาบเป็ดอุบลฯ ซุปหน่อไม้ ปลาดุกย่างกาฬสินธุ์
ส้มตำด๊องแด๊ง จังหวัดเลย
เนื้อย่างสกลโพนยางคำ ของสกลนคร ไม่ได้นุ่มละลายในปากเหมือนวากิวญี่ปุ่น แต่เคี้ยวแล้วจะได้เทคเจอร์ ได้กลิ่นอายของวิธีการเลี้ยงของอีสาน ก็จะมีเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง ตู๋ก็จะเล่าไป 20 จังหวัด บวกกับเมนูซิกเนเจอร์ของเรา ที่มีอยู่แล้ว เช่นต้มแซ่บหมูเด้ง ขลุกขลิกซี่โครงอ่อน ลาบปลาแซลมอน ขนมจีบลาบ มีส้มตำเบอร์รี่ ส้มตำนัตตี้อะโวคาโด”
รวมอาหารอีสาน 'คาเฟ่ ชิลลี่'
อาหารอีสาน รับประกันความแซ่บ การดีไซน์ของร้านออกมาแซ่บไม่แพ้กัน ‘ตู๋-เลิศรินิญฒ์’ เล่าว่า ต้องการทำร้านออกมาให้นั่งสบาย มีกลิ่นอายอีสานแบบนำสมัย
ดีไซน์ 'ร้านคาเฟ่ ชิลลี่' สาขาน้องใหม่ ศูนย์ฯสิริกิติ์
ภายในร้านมีห้องส่วนตัว
ดีไซน์ร้านภายในห้องส่วนตัว
“ตอนที่กำลังคิดดีไซน์ร้าน ตู๋ก็ไปดูงานที่อุดร และที่ขอนแก่นกำลังมีงานขอนแก่นเฟสติวัลพอดี มีงานดีไซน์มาจัดแสดง คนรุ่นใหม่ สร้างสรรค์ผลงานกสวยเก๋ ตู๋พาทีมงานไปดู แล้วนำงานดีไซน์กลับมา อย่างผ้าทอ เราก็สั่งว่าทอแบบนี้ได้ไหม
เริ่มต้นสีแบบนี้ได้ไหม การตกแต่งร้านเราก็พยายามจะจูนไปที่ต้นกำเนิดของอีสานจริงๆ ทำให้งานดีไซน์ของเราออกมามีเอกลักษณ์ และบ่งบอกถึงความเป็นอีสานแบบทันสมัย ทั้งการทำเมนู การทำดีไซน์ ลูกค้าเข้ามาแล้วได้ครบทุกรส” ผู้บริหารรายนี้กล่าวทิ้งท้ายว่า
Thai Food Culture เป็น ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)อยู่แล้วโดยไม่ต้องโฆษณาอะไรมาก เนื่องจากอาหารไทยในแต่ละบ้านจะมีเคล็ดลับที่แตกต่างกัน ถือว่าเป็นเสน่ห์ของอาหารไทย และ ที่บ้านคาเฟ่ ชิลลี่ เองก็มีเคล็ดลับสูตรเฉพาะที่พร้อมจะมัดใจลูกค้า
เป็นวัฒนธรรมอาหารที่สืบทอดต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น คนรุ่นใหม่ รวมถึงชาวต่างชาติ ต้องหันกลับมามอง อาหารไทยมากขึ้น เพราะขณะนี้ ส้มตำ ติด 1 ใน 10 อาหารยอดนิยมระดับโลก พร้อมกับเชิญชวนให้ไปลิ้มรสความอร่อยที่ ‘คาเฟ่ ชิลลี่’ โดยเฉพาะสาขาน้องใหม่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
คาเฟ่ ชิลลี่ สาขาล่าสุด ลำดับที่ 3 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (ชั้น LG) เปิดให้บริการทุกวัน ระหว่างเวลา 10.00 – 21.00 น. สอบถาม/สำรองที่นั่งล่วงหน้า โทร. 06-5512-9754
และยังมีอีก 2 สาขา ได้แก่ สาขา ไอคอนสยาม (โซน The Veranda ชั้น G) เวลาให้บริการ : 11.00 – 21.30 น. หมายเลขโทร. : 06-5965-2687 และสาขา เอ็มควอเทียร์ (โซน Helix Sky Dining ชั้น 7) เวลาให้บริการ : 11.00 – 21.30 น. หมายเลขโทร. : 08-0064-9892