เลขา 'ยูเอ็น' เตือน หมดยุค 'โลกร้อน' เข้าสู่ยุค 'ภาวะโลกเดือด'
ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ไม่พูดเรื่อง 'โลกร้อน' แล้วเพราะโลกกำลังเดือด เข้าสู่ยุค 'ภาวะโลกเดือด' 'Global Boiling' โดยนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเตือนไว้เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว
นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการ สหประชาชาติ กล่าวเตือนไว้เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้วว่า สามสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม 2023 ทำสถิติ ร้อนที่สุดเท่าที่เคยวัดกันมา
โลกในเดือนนี้ร้อนขึ้น 1.5 องศา การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเกิดขึ้นแล้ว เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก และนี่แค่จุดเริ่มต้น เป็นจุดจบของ ภาวะโลกร้อน และเป็น จุดเริ่มต้นของภาวะโลกเดือด (Global Boiling)
The era of global warming has ended and the era of global boiling has arrived.
ภาวะโลกร้อน (Cr.photo by Freepik)
โลกร้อน ทะเลเดือดทำให้เกิด ปะการังฟอกขาว ปีนี้ถือว่าเป็นหายนะรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
อุณหภูมิทะลุ 33 องศาเซลเซียส สาเหตุจากก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์ปล่อยกัน
ปะการังจึงต้องอาศัย Shading the reef หรือ Shading coral มนุษย์ที่สร้างภาวะโลกร้อนต้องมา กางร่ม ให้ปะการังเพื่อบังแดด
ตามปกติ ปะการังต้องการแสงแดดเพื่อการเติบโต แต่แดดแรงเกินและน้ำทะเลก็เดือด ปะการังทนไม่ไหว ต้องสร้างที่บังแดดช่วยลดแสงให้ปะการัง แต่ก็ทำได้ในพื้นที่ขนาดไม่ใหญ่นัก เมื่อบังแดดแล้วก็ต้องรอให้ฝนตกหรืออุณหภูมิน้ำลดลงถึงเอาออก
โลกร้อน ทะเลเดือด น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ตอนนี้ส่งผลกระทบถึงมนุษย์ทุกซีกโลก ไม่เพียง หมีขั้วโลกขาดอาหารเพราะล่าแมวน้ำไม่ได้
หมีขั้วโลก จัดอยู่ในสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ของ IUCN (องค์การสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ) นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ประชากรหมีขั้วโลกทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะลดลงมากกว่าหนึ่งในสามภายในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า
ประชาหมีขั้วโลกลดลงอย่างรวดเร็ว (Cr.pixabay)
ปัจจุบัน มีหมีขั้วโลกเหลืออยู่ประมาณ 26,000 ตัว อาศัยอยู่บริเวณ Svalbard, Norway, Hudson Bay และบริเวณ Chucki Sea ระหว่าง Alaska และ Siberia
จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้พื้นที่อยู่อาศัยของหมีขั้วโลกที่เป็นน้ำแข็งทะเลบริเวณขั้วโลกเหนือ กำลังละลายอย่างต่อเนื่อง หมีขั้วโลกต้องพึ่งพาแผ่นน้ำแข็งสำหรับการล่าสัตว์ เมื่อไม่มีแผ่นน้ำแข็งให้เกาะ หมีจะล่าอย่างลำบาก
เมื่อหลายส่วนของอาร์กติกในปัจจุบันไม่มีน้ำแข็งเหลืออยู่เลย หมีขั้วโลกจำนวนมากจำเป็นต้องอาศัยบนฝั่งนานขึ้น ต้องหันมากินไข่ของนก ผลเบอร์รี และหญ้าแทนเพื่อประทังชีวิต ด้วยสถานการณ์เช่นนั้นจึงทำให้น้ำหนักตัวของพวกมันลดลงโดยเฉลี่ย 21 กิโลกรัม ภายใน 3 สัปดาห์
โลกร้อนส่งผลให้เต่าทะเลตัวผู้เกิดลดลง (Cr.pixabay)
นักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ว่า ถ้ามนุษย์ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมากเทียบเท่าปัจจุบัน สัตว์ที่อาศัยแถบขั้วโลก เช่นหมีขาวขั้วโลกมีโอกาสสูงที่จะสูญพันธุ์เกือบหมดภายในปี 2100
เต่าทะเล 7 สายพันธุ์ บางสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ โดยเฉพาะ เต่ามะเฟือง ตัวผู้เกิดใหม่ลดลง 90% ถ้าเป็นเช่นนี้ไม่เกิน 20 ปี เต่ามะเฟืองจะสูญพันธุ์
นักวิทยาศาสตร์ ระบุว่า ผลของทะเลร้อนและอุณหภูมิบนชายหาดที่เต่าตัวเมียไปวางไข่ร้อนขึ้น เมื่อวางไข่แล้วฟัก เต่าเพศเมียจะเกิดมาก
โลกร้อนทำให้ชายหาดอุ่นขึ้น ถ้าอุณหภูมิสูงกว่า 29 องศา เต่าที่ฟักออกมาจะเป็นเพศเมีย สมัยก่อนเพศผู้-เมียคือ 50:50 ตอนนี้ผืนทรายระอุ และไม่มีฝนตกลงมาทำให้ทรายเย็นลง นอกจากลูกเต่าจะเป็นเพศเมียแล้ว ไข่ที่ยังไม่ทันฟักในผืนทรายก็จะสุก ลูกเต่าตายก่อนเกิดเสียอีก
ผลกระทบโลกร้อน ภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น (Cr.ecomatcher.com)
ผลกระทบโลกร้อนทำให้น้ำทะเลเดือด สัตว์น้ำสูญพันธุ์ เกิดภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น อาหารขาดแคลน บ้างบอกว่าส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สมองเสื่อม มีลูกยาก ปัญหาสุขภาพจิต อะไร ๆ ล้วนเกิดจาก “โลกร้อน”
รู้ถึงสาเหตุแต่หลายคนก็ยังนิ่ง ๆ เฉย ๆ ไม่รู้เลยว่า ควรใช้พลาสติกอย่างมีสติ ไม่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง รู้จักแยกขยะ ไม่กินทิ้งกินขว้าง ฯลฯ
ผู้ผลิตภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ไม่ใส่ใจกับการปรับระบบการผลิตสินค้าและบริการ มีข้อมูลเรื่องโลกร้อนแต่ไม่ลงมือทำอะไร
ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ไม่พูดเรื่อง โลกร้อน แล้ว ล้าสมัยไปแล้ว เพราะโลกกำลังเดือด เข้าสู่ยุค Global Boiling อย่างเต็มตัวตั้งแต่ปีที่แล้ว
เมื่อนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ บอกว่า ตอนนี้เป็น จุดจบของภาวะโลกร้อน และเป็น จุดเริ่มต้นของภาวะโลกเดือด
The era of global warming has ended and the era of global boiling has arrived.
ชาวโลกจะเผชิญภัยธรรมชาติที่น่ากลัวกว่ายุคโลกร้อน ดังนั้นความจำเป็นในการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นเรื่องเร่งด่วนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือยแต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ
เป้าหมายการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ จะต้องเกิดขึ้นในทุกประเทศ และผลักดันทำให้เป็นจริงภายในกลางศตวรรษนี้
โลกกำลังเข้าสู่ภาวะ "โลกเดือด" (Cr.photo by Freepik)
กรีนพีซ แนะว่า ทุกคนต้องช่วยกัน วางเป้าหมายให้โลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งภายในปี ค.ศ.2030 และลดลงเป็นศูนย์ในปี 2050
ใช้พลังงานสะอาดแทนถ่านหิน เปลี่ยนแปลงระบบอาหาร หันไปส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน ปกป้องผืนน้ำ ผืนป่า
แล้วทุกวันนี้เราทำอะไรกันอยู่