เส้นทางธรรม 'ว.วชิรเมธี': ธรรมะติดปีกในยุคขายตรงผสมแชร์ลูกโซ่(ดิไอคอน)
การเทศน์ของท่านว.วชิรเมธีที่ดิไอคอน เกิดประเด็นที่คนในสังคมสงสัยว่า ธรรมะกับการขายตรง..ใช่เส้นทางที่ถูกต้องหรือไม่...ลองอ่านเรื่องราวพระนักเทศน์ท่านนี้
ประเด็นร้อนๆ ดิไอคอน เกิดขึ้นเมื่อบอสใหญ่ พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด(The iCON GROUP) และเหล่าบอสเกือบ 20 ชีวิตถูกเปิดโปงธุรกิจขายตรงที่ไม่ชอบมาพากล ทั้งๆ ที่ดำเนินการมากว่า 6 ปี สร้างความเสียหายให้ผู้หลงเชื่อรวมๆ หลายหมื่นล้านบาท และที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ มีหลายคนฆ่าตัวตาย เพราะมีหนี้สินและขายสินค้าดิไอคอนไม่ได้
นอกจากดารา นักธุรกิจ พรีเซนเตอร์ ที่เข้ามาพัวพัน จะด้วยผลประโยชน์ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ยังมีพระนักเทศน์ชื่อดังตกอยู่ในวังวนของกระแส
นั่นก็คือ ท่านว.วชิรเมธี( พระเมธีวชิโรดม) ผู้ก่อตั้ง ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน( เมื่อปี 2552) ตำบลห้วยสัก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เนื้อที่ 190 ไร่ติดภูเขาและแม่น้ำ โดยญาติโยมเรียกที่นั่นว่า ไร่เชิญตะวัน
ถ้าจะให้ขยายความธุรกิจขายตรงดิไอคอน สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้คำจำกัดความไว้ในเพจ Suvinai Pornavalai ว่า นี่คือเกมดูดทรัพย์ ดูดจนหลายคนสูญเสียคนในครอบครัว
เขายกตัวอย่างข้อมูลตัวเลขเปรียบเปรยให้เห็นภาพธุรกิจในรูปแบบแชร์ลูกโซ่ไฮบริด (ลูกผสม) รายแรกในเมืองไทยที่เริ่มจากขายตรง จากนั้นลอกคราบกลายพันธุ์เป็นแชร์ลูกโซ่ ผ่านกลยุทธ์ชวนคนทางออนไลน์
บนเส้นทางธุรกิจขายตรงลูกผสมแชร์ลูกโซ่ อาศัยความชาญฉลาดของเหล่าบอสที่กินหัวคิวจากเปอร์เซ็นต์ตัวแทนจำหน่าย และวิธีการพูดขายฝันสร้างแรงจูงใจ เพื่อให้คนยอมจ่ายเงินเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า
ล่าสุดคนในสังคมตั้งคำถามว่า ทำไมภิกษุสงฆ์มีส่วนในการสร้างแรงจูงใจขายตรงด้วย? (ดูคลิปในโลกออนไลน์) และอาจจะมากกว่านั้น
- ท่านว.วชิรเมธี กับดิไอคอน
ย้อนมาถึงเรื่องภิกษุสงฆ์ในยุคปัจจุบัน เมื่อธุรกิจกับธรรมะประสานมือไปด้วยกัน...ไม่ว่าพระสงฆ์จะตกเป็นเหยื่อแบบตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็ควรมีคำตอบที่ชัดเจนให้คนในสังคม
ย้อนไปกระแสข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567 เฟซบุ๊ก ศาสดา เผยแพร่คลิปท่าน ว.วชิรเมธี พระนักเทศน์ชื่อดังที่บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ข้อความบางส่วนมีดังนี้
"...คนจะรวยต้อง Growth Mindset ทัศนคติแบบเปิดกว้าง เรียนรู้ตลอดเวลา พัฒนาตลอดชีวิต ส่วนพวก Fixed Mindset ทัศนคติแบบตีบตัน เขาชวนไปสัมมนาไม่ไป ไม่ได้อะไรมาก ..."
เมื่อเป็นข่าวดัง พระนักเทศน์ออกมาแก้ต่างว่า "เป็นเพียงคำพูดหยิกแกมหยอกธรรมดา ตามประสานักพูดทั่วไป ที่อยากให้มีอารมณ์ขันเท่านั้น เป็นการแซะ การแซว ไม่ได้มีนัยยะจริงจัง ซีเรียสถึงขั้นที่จะเอามาปั่นว่าพระมีส่วนร่วมทางธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้น”
นอกจากนี้ยังบอกว่า "เรียนธรรมะมาจนสำเร็จการศึกษาขั้นสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย คือเปรียญธรรม 9 ประโยค ดังนั้นในการเทศน์การสอน จึงเน้นแต่ข้ออรรถ ข้อธรรมที่มีแก่นสาร
แม้จะเทศน์ด้วยภาษาร่วมสมัยแต่ก็สามารถโยงกลับไปหาพระไตรปิฎกได้เสมอ ไม่ได้สอนแบบมั่วๆ อย่างที่ตัดมาให้คนด่า หรือให้คนเข้าใจผิด เรื่องนี้ปัญญาชนที่ติดตามมาตลอด ย่อมรู้จักกันดีอยู่แล้ว"
ล่าสุดหนุ่ม กรรชัย เจ้าของรายการโหนกระแส ตั้งคำถามเรื่องการเทศน์ที่ดิไอคอนกับท่านว.วชิรเมธี อดีตพระพี่เลี้ยงสมัยบวชเรียน โดยท่านตอบโต้ว่า สิ่งที่หนุ่ม กรรชัย ออกมาพูด ทำตัวเสมือนศาลเตี้ย...
จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ยังมีคำถามอีกว่า นั่น..ใช่กิจของสงฆ์ที่จะชี้นำการลงทุนทางธุรกิจหรือไม่...
- เส้นทางธรรมพระนักเทศน์
ก่อนที่ท่านว.วชิรเมธี จะเป็นพระนักเทศน์ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ ท่านมีพื้นฐานเป็นนักอ่านตัวยง นักเรียนรู้ที่เข้าใจโลก และสังคมไทยเป็นอย่างดี มีผลงานหนังสือธรรมะที่เขียนด้วยภาษาเข้าใจง่ายๆ เปรียบเปรย เปรียบเทียบกับเรื่องทางโลกได้ดี จนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
เพราะมีความรู้กว้างขวาง ไม่เฉพาะทางธรรม ยังรอบรู้ทางด้านเทคโนโลยี การลงทุน และสังคม รวมถึงเป็นที่รู้จักในกลุ่มสื่อกระแสหลัก
การเรียนรู้ทางธรรมของท่านว.วชิรเมธี ศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี จนได้เปรียญธรรม 6 ประโยค จากนั้นในวัยยี่สิบกว่าๆ เรียนจนได้เปรียญธรรม 9 ประโยค รวมถึงเรียนจบปริญญาโทพุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พธ.ม.) สถานศึกษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จนได้เป็นอาจารย์สอนนักศึกษาระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร เป็นวิทยากรบรรยายธรรมให้หลายหน่วยงาน
พระนักคิด นักเขียน นักวิชาการคนนี้ มีผลงานหนังสือกว่า 20 เล่ม อาทิ ธรรมะติดปีก, ธรรมะหลับสบาย, ธรรมะดับร้อน, ธรรมะบันดาล และเคยมีบทความลงในนิตยสารหลายฉบับ เช่น เนชั่นสุดสัปดาห์, กรุงเทพธุรกิจ ฯลฯ
ท่าน ว.วชิรเมธี เลือกที่จะเป็นพระนักเทศน์มากกว่าการเป็นพระนักปฏิบัติ จนเป็นที่รู้จักทุกวงการ ไม่ว่าแวดวงนักธุรกิจ ดารา ศิลปิน และทหาร
- ธรรมติดปีกในยุคขายตรง
เหมือนเช่นที่กล่าวมา ท่าน ว.วชิรเมธี เป็นนักเรียนรู้ตัวยง มีลูกศิษย์ทุกวงการ นอกจากงานทางธรรม ยังขยายขอบเขตการทำงานด้านอื่น ทั้งด้านการศึกษาและงานศิลปะ เคยก่อตั้งมูลนิธิวิมุตตยาลัย สถาบันการศึกษาทางเลือก เพื่อเผยแผ่พุทธศาสนาและพัฒนาสันติภาพโลก เน้นการทำงานด้านการศึกษาและมนุษยธรรม
และก่อตั้งมหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์ สถาบันการศึกษาทางเลือกเพื่อการพัฒนาตามปรัชญาพุทธเศรษฐศาสตร์
ส่วนศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน จัดเป็นศูนย์กลางทำงานทางธรรม มีคอร์สปฏิบัติธรรมให้ชาวต่างประเทศและชาวไทยมาศึกษาเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
รวมถึงเป็นสถานที่จัดงานศิลปะ แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย เนื่องจากไร่เชิญตะวันมีธรรมชาติติดแม่น้ำและภูเขา และเป็นอีกสถานที่ที่ศิลปินช่วยกันออกแบบได้อย่างงดงาม
นอกจากนี้ท่านยังชอบเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อแสวงหาความรู้ทางธรรมและเรียนรู้ทางโลก เคยไปที่หมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงที่ท่านติช นัท ฮันห์ ยังไม่ละสังขารคืนสู่ธรรมชาติ
เมื่อไม่นานท่านได้สร้างวัดไทยในญี่ปุ่นไว้สองแห่ง หนึ่งในนั้นคือวัดหลวงพ่อชื่นพุทธาราม ณ เมืองไซตามะ กรุงโตเกียว เปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนมีนาคม 2567 โดยได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธิ์ เขมงฺกโร) เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เป็นประธานในพิธี
ปัจจุบันท่านเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ (พระอารามหลวง) ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย และพำนักจำพรรษา ณ ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน
ความโดดเด่นอีกอย่างของท่านว.วชิรเมธี ก็คือ การเผยแผ่ธรรมด้วยการเทศน์ปนทอล์คเข้าถึงคนทุกกลุ่ม
ญาติโยมบางคนที่ไม่ประสงค์ออกนาม บอกว่า "เวลาท่านเทศน์ ท่านจะรู้จุดที่จะทำให้ผู้คนนับถือ บางทีธรรมะอาจกลบเรื่องราวบางอย่าง จนคนมองไม่เห็นความจริง ก็เป็นได้"