พี่ฉอด ตอบปมละครที่ พิ้งกี้ เล่นไว้จะทำยังไงต่อ หลังถูกจับคดีแชร์ Forex-3D
"พี่ฉอด" ตอบแล้ว! ละคร "ดงดอกไม้" ที่ "พิ้งกี้" เล่นไว้จะทำยังไงต่อ หลังติดคุกคดีแชร์ Forex-3D เผยเตรียมแผนสำรองไว้แล้วหากไม่ได้ออกมาถ่ายส่วนที่เหลือต่อ
จากกรณีที่ดาราสาว "พิ้งกี้" หรือ พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช ถูกจับเข้าเรือนจำพร้อมมารดา "สรินญา ไชยเดช" และพี่ชาย "กิตติเชษฐ์ ไชยเดช" พร้อมพวกรวม 19 คน ในคดีแชร์ Forex-3D โดยมีผู้เสียหายเกือบ 10,000 คน และมีมูลค่าความเสียหายรวมแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งล่าสุด "พี่ฉอด" ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีละคร "ดงดอกไม้" ที่ "พิ้งกี้" เล่นว่าจะมีแผนยังไงต่อไป
ความคืบหน้าละคร "ดงดอกไม้" ของ พี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ผู้บริหาร เช้นจ์ 2561 ซึ่งเรื่องนี้มีดาราสาว "พิ้งกี้" สาวิกา ไชยเดช ร่วมแสดงด้วย ซึ่งหลายคนก็เป็นห่วงว่าทางผู้จัดจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร หากพิ้งกี้ไม่ได้ออกจากเรือนจำกรณีตกเป็นผู้ต้องหาในคดีแชร์ Forex-3D
โดยล่าสุด พี่ฉอด สายทิพย์ พร้อมกับ เอส วรฤทธิ์ ได้ออกมาเปิดใจที่งาน "ปรากฏการณ์ one สนั่นจอ" ว่า ละครดงดอกไม้เป็นละครที่เราถ่ายกันมาเป็นปีแล้ว ตอนนี้ก็น่าจะประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เหลือแต่ช่วงตอนท้าย ๆ ถือว่าโชคดีที่เราถ่ายไล่ ๆ มา
ส่วนตอนนี้ก็รอดูสถานการณ์อยู่เหมือนกัน ถ้าหากจำเป็นจะต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจริง ๆ เราก็จะดูเรื่องของบท การปรับบท หรือว่าปรับในเรื่องของโปรดักชั่น แต่สิ่งสำคัญคือต้องไม่ให้คนดูเสียอรรถรส และก็ต้องสนุกเข้มข้นเหมือนเดิม
"ในแง่ของการถ่ายทำเราก็ถ่ายกันมาตามลำดับขั้นตอนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในพาร์ตที่เป็นบทของ พิ้งกี้ ก็ถือว่าเราถ่ายไปได้เยอะแล้วเหมือนกัน คืออาจจะมีบ้างที่หลงอยู่ ก็ได้มีการไล่ดูบททั้งหมดแล้ว และเราก็ได้เตรียมแพลนบีไว้สำหรับแก้ไขปัญหาแล้วเช่นกัน เรื่องข่าวก็ทราบและก็เข้าใจว่าพิ้งกี้เองก็คงไม่ได้ทราบด้วยเหมือนกัน เพราะว่าก่อนวันนั้น ประมาณวันพุธเราก็ยังถ่ายละครกันปกติ" พี่ฉอด เผย
การถ่ายทำละครยังมีคิวของ "พิ้งกี้" ไหม?
พี่ฉอด : ยังมีค่ะ ยังมี
มีการติดต่อคนรอบข้าง "พิ้งกี้" ไปบ้างไหม?
เอส : ก็จะมีผู้จัดการครับที่ต้องประสานงานกับทางทีมงานและทางกองถ่าย เพราะว่าเรายังมีคิวที่ต้องถ่ายทำกันอยู่
ก่อนหน้านี้มีสัญญาณให้ทราบบ้างไหมว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น?
พี่ฉอด : ไม่มีเลยค่ะ ไม่มีเลย ตัวพี่เองก็ทราบจากข่าว และก็เข้าใจว่าน้องพิ้งกี้เองก็คงไม่ได้ทราบด้วยเหมือนกัน เพราะว่าก่อนวันนั้นประมาณวันพุธเราก็ยังถ่ายละครกันปกติ
มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะตัดทิ้งไปเลย?
พี่ฉอด : ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะว่าละครถ่ายจะจบอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าเป็นเรื่องของการเปลี่ยนตัวหรือการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดเลยมันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าเราถ่ายใกล้จะจบแล้ว ที่สำคัญอีก 2 เดือนเราต้องออกอากาศแล้วด้วย ดังนั้นพี่คงใช้วิธีในเรื่องของการปรับบท
ตอนนี้รอดูสถานการณ์?
พี่ฉอด : รอดูสถานการณ์ก่อนค่ะ เพราะตัวพี่เองก็ไม่ได้มีความรู้ใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องของคดีเองก็ตาม ฉะนั้นตอนนี้พี่จึงไม่แน่ใจว่าน้องจะมีโอกาสได้ประกันตัวออกมาทำงานต่อไหม เราก็เลยต้องมีแผนเอ แผนบีไว้สำรอง
รอได้นานแค่ไหน?
พี่ฉอด : จริง ๆ ก็คงไม่กี่วันนี้ค่ะ เพราะละครต้องออนแอร์ในอีก 2 เดือน
กับการทำงานได้รับผลกระทบอะไรบ้าง?
เอส : ในแง่ของการถ่ายทำยังไม่ถือว่ากระทบ แต่ในแง่ของการทำบทเราก็ได้ทำการบ้านหลังบ้านแล้วเหมือนกัน คือดูว่าอะไรที่จะกระทบหรืออะไรที่จะปรับเปลี่ยนได้ปรับแก้ได้ ซึ่งตอนนี้เราไม่ห่วงแล้วในแง่ของการแก้ไขปัญหา เพราะเรามีแผนสำรองแล้ว
พี่ฉอด : อย่างที่บอกค่ะสิ่งสำคัญก็คือเราต้องทำให้ดีที่สุด และไม่ทำให้คนดูเสียอรรถรส
กังวลเรื่องฟีดแบคจากคนดูที่ติดตามข่าวจะมีผลต่อละครไหม?
พี่ฉอด : อันนั้นต้องแล้วแต่แล้วค่ะ แต่ถ้าโดยส่วนตัวพี่คิดว่าคนดูเขาแยกแยะได้ว่าอะไรตรงไหนยังไง ละครก็คือละครและนักแสดงทุกคนก็ทำเต็มที่สุดความสามารถแล้วจริง ๆ
ตั้งแต่ทำละครมาครั้งนี้ถือเป็นปัญหาที่ไม่คาดคิดที่สุดเลยไหม?
พี่ฉอด : โควิด เราก็เจอค่ะ พี่ทำคอนเสิร์ตแล้วต้องข้ามมาทำอีกปีหนึ่งก็เคยมีมาแล้ว (หัวเราะ)
เอส : ในแง่ของการทำงานเราต้องเจอปัญหาเรื่อย ๆ อยู่แล้วครับ ก็แก้ปัญหากันไป