“ความเดือด-ความสมจริง-รายละเอียด” 3 สิ่งที่สำคัญใน “HUNT ล่าคนปลอมคน”
exclusive talk กับ “อีจองแจ” พูดคุยถึงการทำงานในฐานะ “ผู้กำกับภาพยนตร์” เรื่องแรกใน “Hunt ล่าคนปลอมคน” หนังแอ็กชั่นสายลับสุดเดือดที่เขาอุทิศตัวกว่า 4 ปี ปั้นโปรเจคต์นี้ขึ้นมาด้วยความตั้งใจ
“อีจองแจ” นักแสดงเกาหลีผู้คร่ำหวอดในวงการบันเทิงมานานเกือบ 3 ทศวรรษ ก้าวเข้าสู่ความเป็นนักแสดงระดับโลกจากซีรีส์ Squid Game ในปี 2021 ที่ทำให้เขาคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประเภทซีรีส์แนวดรามาจากเวที SAG Awards ไปครอง แถมยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ และรางวัล Emmy Award อีกด้วย
มาในปี 2022 นี้ “อีจองแจ” ขอพลิกบทบาทครั้งสำคัญด้วยการขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับ ผู้เขียนบทภาพยนตร์เป็นครั้งแรก รวมถึงแสดงนำในผลงานแอ็กชัน-สายลับสุดเดือดแห่งปี “Hunt ล่าคนปลอมคน” ซึ่งได้สร้างปรากฏการณ์ทั้งในเทศกาลหนังเมืองคานส์ และในประเทศบ้านเกิดที่กระแสแรงถึงขนาดเปิดตัวที่อันดับ 1 บ๊อกซ์ออฟฟิศเกาหลีด้วยยอดผู้ชมกว่า 2 ล้านคน
“อีจองแจ” ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเบื้องหลังการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำให้เขาถึงขั้นนอนไม่หลับทั้งคืนเอาไว้ดังนี้
ความรู้สึกที่ HUNT ถูกเชิญไปฉายรอบมิดไนท์ สกรีนนิ่ง ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 75
มีหลายคนที่มองเห็นความสนุกและประเด็นของเรื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้เราร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นมา ก็ต้อง ขอบคุณทั้งเหล่าทีมงานและนักแสดงทุกท่านมากๆ ครับ ในตอนท้ายของการฉายภาพยนตร์ ผมทั้งตกใจและเขินที่ได้รับเสียงปรบมือนานที่สุดที่เคยได้รับในชีวิต (คนลุกขึ้นยืนปรบมือนานร่วม 7 นาทีหลังหนังฉายจบ)
HUNT เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับอะไร
HUNT เป็นภาพยนตร์แอ็กชันสายลับชิงไหวชิงพริบกัน มันเล่าเรื่องของคนที่ต้องทำอะไรขัดกับความเชื่อและ หลักการของตัวเอง เรื่องราวการตามหาสายลับที่แฝงตัวอยู่ในองค์กร KCIA โดยผมรับบท “พัคพยองโฮ” และ “คิมจองโด” รับบทโดย จองอูซอง
ระหว่างการค้นหาตัวสายลับทำให้ทั้งสองคนเกิดความสงสัยในกันและกัน แล้วยังต้องมาเจอกับคดีลอบสังหารคนสำคัญเบอร์หนึ่งของเกาหลี ทำให้เกิดเรื่องพลิกล็อคและเข้มข้นขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ
ช่วยแนะนำตัวละคร ‘พัคคยองโฮ’ ที่คุณเล่นหน่อย
“พัคพยองโฮ” เป็นหัวหน้าทีมหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ เป็นคนใช้เหตุผล และเป็นห่วงใยเพื่อนร่วมงาน แต่พอรู้ข่าวว่ามีสายลับอยู่ในองค์กรก็ต้องมาระแวงเพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ถูกสงสัยว่าเป็นสายลับเสียเอง แต่เขาก็ยังพยายามสุดตัวเพื่อตามหาสายลับที่ซ่อนอยู่ในองค์กรครับ
เราจะแยก “พยองโฮ” ที่ทำงานให้ KCIA มา 13 ปี กับอดีตทหารบกอย่าง “จองโด” ผ่านเครื่องแต่งกาย และทรงผมได้อย่างไร
หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยตัวละครชาย ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ KCIA ดังนั้น ทั้งประเภทเสื้อผ้าและสีสันจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ทีมเสื้อผ้าเตรียมเนกไทวินเทจ และเครื่องประดับจากยุคนั้นไว้เพียบ เพื่อแสดงเอกลักษณ์ของแต่ละตัวละครออกมา พวกเขาช่วยกันออกแบบเครื่องแบบของทหารไทย ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ และคนจากกองทัพด้วยครับ
คุณวางคาแรกเตอร์ของตัวละครใน Hunt แต่ละคนไว้แบบไหน
ผมอยากให้ตัวละครทุกตัวมีคุณค่า
“จองโด” ผมอยากให้เขาเริ่มจากการเป็นคนเยือกเย็นไปจนถึงจุดที่เขาบันดาล โทสะแบบไม่เลือกหน้าในช่วงท้าย
“จูคยอง” เป็นตัวโจ๊กตัวเดียวในเรื่อง แต่เขาจำเป็นต่อจุดหักมุมของเรื่องมาก
“ชอลซอง” เป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของจอมทรราช ผมอยากให้เขาเป็นบัวใต้ตม ไม่เคยรู้ตัวว่าโดนล้างสมองมาตลอด
“ยูจอง” ไม่ได้โผล่มาบ่อย แต่เธอเป็นตัวละครที่ใกล้ชิดกับตัวละครปริศนาของเรื่องที่สุด เธอขยะแขยงในการกระทำของคนรุ่นก่อน แต่เธอได้คำตอบของชีวิตที่เฝ้าตามหาจากพยองโฮ
HUNT มีส่วนผสมของแอ็กชันดราม่าสายลับ แต่ยังมีความเป็นสงครามจิตวิทยาระหว่างสองตัวละครนำตลอดทั้งเรื่อง คุณถ่ายทอดประเด็นดังกล่าวลงในหนังได้อย่างไร?
มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้พยองโฮและจองโดเจอกับเรื่องคอขาดบาดบาดตายเสมอ ให้พวกเขาห้ำหั่นกันตลอด เมื่อเจตนาที่แท้จริงของพวกเขาถูกเปิดเผยในองก์ที่สามของเรื่อง ประเด็นมันจะยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น การผูกเรื่องในองก์ แรกและองก์ที่สองมันยากพอสมควร
ระหว่างการกำกับ HUNT คุณให้ความสำคัญกับจุดไหนบ้าง?
ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องมีความสนุกก็จริง แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้พูดคุยกับหลายๆ คนเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ถึงแม้จะนำเรื่องที่เกิดในยุค 80 ขึ้นมาทำ แต่ผมคิดว่ายุค 80 กับตอนนี้มีจุดที่ไม่แตกต่างกันอยู่ ทั้งเรื่องราวในจุดเหล่านั้น ทั้งความคิดอื่นๆ ที่ตัวละครมีอยู่ การลองถ่ายทอดสิ่งที่คิดออกมา ผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญมากครับ
จะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนสำหรับตัวละครเพื่อให้พวกเขาปะทะกันอย่างร้อนแรง และผมหวังว่าการปะทะกันที่ดุเดือดนี้จะเต็มหน้าจอ พวกประเด็นที่ต้องไม่ให้เห็นเยอะไปเราก็ต้องมานั่งคิดด้วยกัน
ประสบการณ์ ในฐานะนักแสดงของคุณมีผลกับวิธีที่คุณกำกับนักแสดงในเรื่องหรือไม่ มีจุดไหนที่คุณเน้นเป็นพิเศษบ้าง?
ที่ผ่านมาถ้าสถานการณ์ในบทมันน่าเชื่อและมีฉากที่เสริมกัน การแสดงของผมจะออกมาตามธรรมชาติ แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมพยายามถ่ายทอดสิ่งที่ผู้กำกับต้องการออกมามากที่สุดเท่าที่ทำได้ ระหว่างขั้นเตรียมงาน และการซ้อมบท มันมีบางจุดที่ผมแก้ไดอะล็อกตามฟีดแบ็กจากนักแสดง แต่บางครั้งผมก็ต้องกล่อมให้พวกเขายอมเล่นบางซีนที่พวกเขารู้สึกไม่สบายใจบ้างเหมือนกัน
HUNT แตกต่างจากภาพยนตร์สายลับอื่นๆ อย่างไร?
ผมมองว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับกลุ่มคนที่ต่อสู้เพื่อให้อุดมการณ์ของเขากลายมาเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าจะเล่าเรื่องเกาหลีเหนือและใต้
เวลาดูหนังสายลับ จะมีคดีหรือสถานการณ์ที่แต่ละตัวละครเผชิญอยู่ ทำให้รู้สึกลุ้นระทึกมาก พวกเราเองก็คิดมาเยอะมากว่า จะทำสายลับในแบบเกาหลียังไงให้ต่างจากหนังสายลับอื่นๆ
ปกติหนังสายลับส่วนใหญ่จะทิ้งปริศนาให้ผู้ชมได้ปะติดปะต่อเรื่องราวกันเอาเอง แต่ผมเขียนบทออกมาในแบบที่ต้องการสร้างภาพยนตร์ที่มีความเข้มข้นโดยมีการพลิกกลับทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็ก ผมพยายามไม่ทำให้เรื่องราวซับซ้อนเกินกว่าจะติดตามได้ และแค่หวังว่าผู้ชมจะเพลิดเพลินกับมัน
คุณรับหน้าที่ทั้งเขียนบท กำกับ ไปจนถึงนักแสดง สามบทบาทนี้คงไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย?
ความจริงแล้วผมซื้อลิขสิทธิ์มาโดยตั้งใจจะเป็นแค่ผู้จัดอย่างเดียว แต่การมานั่งรอทุกวันเป็นเรื่องยาก ผมรู้สึกอึดอัดและเสียดายเวลาที่ผ่านไปก็เลยเริ่มเขียนบทด้วยตัวเองครับ แล้วพอเขียนมาตลอดสี่ปี ได้เรียบเรียงสิ่งที่เขียน ได้ทำโปรเจกต์ในแต่ละหัวข้อ การสร้างคาแรกเตอร์ให้กลมกล่อม ผมจึงได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างที่บอกว่าน่าจะลองกำกับเองดู จนสุดท้ายก็ได้มากำกับด้วยครับ
บรรยากาศในกองถ่ายที่มี จองอูซอง เพื่อนสนิทอยู่ด้วย เป็นยังไงบ้าง?
เราคุยกันเยอะมากเกี่ยวกับการกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งหลังจาก City of the Rising Sun เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เราพยายามทำให้มันเป็นไปได้ ถึงขนาดเคยเขียนบทด้วยกัน แต่มันก็ไม่เคยได้สร้างเป็นหนังเลย จนมาถึงเรื่องนี้
ผมรู้สึกกระตือรือร้นมากที่จะมีเขาใน HUNT ผมอยากให้คนพูดว่า “จองอูซอ ดูดีที่สุดบนหน้าจอเมื่อเขาถูกยิงโดย อีจองแจ”
ในกองถ่ายเราก็ยุ่งกับการดูแลกันและกันครับ สำหรับผมที่ต้องตั้งใจกำกับให้ จองโด ออกมาเท่มากที่สุด แต่ในทางตรงกันข้าม อูซองคงเห็นว่ายิ่งเวลาผ่านไปเท่าไรผมก็ยิ่งหมดแรงมากเท่านั้น และเขาคงคิดว่า “เพื่อนฉันอาจจะตายไปทั้งแบบนี้ก็ได้” ก็เลยคอยจัดวิตามินให้ผมกิน
สำหรับตอนนี้แค่อยู่ข้างๆ กันก็รู้สึกอุ่นใจแล้ว ถึงวันไหนไม่มีคิวถ่าย แค่เขามาอยู่ข้างๆ ก็เป็นกำลังใจมากที่สุดแล้วครับ
คุณถ่ายทอดภาพในหัวออกมาเป็นภาพยนตร์อย่างไร?
ผมอยากลองอะไรใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สี องค์ประกอบภาพ แม้แต่สถานที่ถ่ายทำ ทีมกล้องต้องเจออุปสรรคมากมายระหว่างการถ่ายทำ ผมว่าพวกเขาเจอหนักสุดแล้วล่ะ รวมถึงทีมสตั้นท์ เพราะผมต้องการให้ฉากแอ็กชันในเรื่องทุกฉากดูทรงพลังและสมจริง ผมอยากผลักมันไปจนสุดขอบ แต่ยังเก็บรายละเอียดไว้ครบถ้วน
คุณสร้างเกาหลีใต้ยุค 80 ในเรื่องออกมาได้อย่างไร?
ปัญหาใหญ่เลยคือมันไม่มีโลเคชันไหนที่ให้บรรยากาศแบบยุค 80 ชนิดครบจบในที่เดียว แถมงบเราก็ไม่ได้มากพอที่จะเนรมิตขึ้นมาใหม่ได้ทั้งหมด แต่ทีมงานของเราทำได้ดีมาก พวกเขาเอาชนะอุปสรรคและหาจุดที่ลงตัวพบ
โดยเฉพาะฉากที่เราจำลองวอชิงตัน โตเกียว และประเทศไทยขึ้นมาโดยถ่ายทั้งหมดในเกาหลี แม้ว่าขั้นตอนเตรียมงานแทบจะเรียกได้ว่ารากเลือด แต่ผลที่ออกมาทำให้พวกเราลืมความลำบากในตอนนั้นไปเป็นปลิดทิ้ง
คอนเซ็ปต์เบื้องหลังฉากต่อสู้ที่เป็นไฮไลท์ของ Hunt?
ความเดือด ความสมจริง และรายละเอียด คือสามสิ่งที่สำคัญที่สุด
ผมทำสตอรี่บอร์ดกับแผนกเทคนิกพิเศษ ทีมสตันท์ และทีมซีจี แน่นอนว่ามันไม่ใช่งานง่าย แต่มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เราถ่ายทำกันได้ราบรื่น ผมอยากให้มันมีการขับรถไล่ล่า วิ่งไล่กันตามถนน การระเบิด และการสาดกระสุนกันเหมือนกำลังอยู่ในสนามรบ
ผมยังต้องการให้ทั้งหมดนั่นออกมาดูสดใหม่ ซึ่งทีมงานทุกคนไม่ทำให้ผมผิดหวัง
เราได้ยินมาว่าเทคนิคระเบิดในเรื่องนี้ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ คุณมีเหตุผลใดเป็นพิเศษไหม?
ผมเป็นนักแสดงมานาน ผมเข้าใจหัวอกพวกเขาดี ผมให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และสุขภาพของทีมงานทุกคน เราเลยเลือกใช้ข้าวสาลีป่นแทนส่วนผสมที่เป็นเคมี
อยากจะพูดอะไรกับผู้ชมที่จะได้พบกับ HUNT ในโรงภาพยนตร์
แน่นอนว่าฉากแอ็กชันตระการตาเป็นส่วนสำคัญของหนังเรื่องนี้ แต่ผมอยากให้แน่ใจว่าผู้ชมจะอินไปกับเนื้อเรื่อง อึ้งไปกับทุกจุดหักมุม และเอาใจช่วยสองตัวละครนำ
ถึงพวกเราจะบอกว่าเป็นหนังประเภทสายลับก็จริง แต่เนื้อหาไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น คนดูอาจจะคิดว่าขั้นตอนการสืบสวนหาคนร้ายไม่ได้ซับซ้อน แต่ความจริงแล้ว เราได้อธิบายไว้ให้เข้าใจแบบง่ายๆ ต่างหาก เข้าไปดูแบบสบายๆ ได้เลยครับ แต่ว่าเรื่องอาจจะดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก แค่สนุกไปกับความเร็วพวกนั้นก็พอครับ
อย่าลืมไปร่วมปฏิบัติการล่าสะเทือนคาบสมุทรไปกับ “อีจองแจ” ในภาพยนตร์แอ็กชัน-สายลับสุดเดือดแห่งปี “Hunt ล่าคนปลอมคน” ภาพยนตร์ที่เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจมาเป็นเวลา 4 ปี ทั้งกำกับ เขียนบท และแสดงนำ สำหรับประเทศไทย เตรียมมันส์ระห่ำพร้อมกัน 1 กันยายน นี้ ในโรงภาพยนตร์