โผล่อีก! หินคล้าย "หัวงูยักษ์" กลางป่ากาฬสินธุ์ นายอำเภอนำทีมบุกพิสูจน์

โผล่อีก! หินคล้าย "หัวงูยักษ์" กลางป่ากาฬสินธุ์ นายอำเภอนำทีมบุกพิสูจน์

ตะลึง! หินก้อนใหญ่ลักษณะคล้าย "หัวงูยักษ์" โผล่กลางป่ากาฬสินธุ์ ชาวบ้านเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้โชค นายอำเภอกุฉินารายณ์นำทีมบุกพิสูจน์ เล็งพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว

ความคืบหน้าจากกรณีชาวบ้านไปเก็บเห็ดแล้วไปเจอหินก้อนใหญ่ที่มีเกล็ดและลักษณะคล้ายกับ "หัวงู" ขนาดยักษ์ อยู่กลางป่าในเขต อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ก่อนถ่ายวิดีโอแล้วนำคลิปไปโพสต์ลงในติ๊กต็อก ซึ่งสร้างความอือฮาเป็นอย่างมากในโลกโซเชียล

 

 

ล่าสุดวันนี้ (1 กันยายน 2565) นายวีรดนย์ ศิริ นายอำเภอกุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยปลัดอำเภอ ผู้ใหญ่บ้านห้วยแดง ผู้นำชุมชน อส. และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งต้องนั่งรถอีแต๊กกับรถจักรยานยนต์เข้าไปเท่านั้น เนื่องจากถนนทางเข้าค่อนข้างยากลำบากเพราะอยู่ในป่าลึกห่างจากหมู่บ้านห้วยแดง ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ประมาณ 6 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางกว่าจะเดินทางเข้าไปถึงจุดที่พบหินคล้ายหัวงูยักษ์ต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 30 นาที และเดินเท้าเข้าไปอีกกว่า 300 เมตร จึงจะถึงจุดที่พบหินดังกล่าว

 

นายวีรดนย์ ศิริ อำเภอกุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบก็พบว่าในพื้นที่บริเวณแถบนี้มีก้อนหินลักษณะคล้ายงูยักษ์หลายจุด จุดที่ 1 พบหินคล้ายหัวงู ขนาดความยาวประมาณ 6 เมตร สูงประมาณ 2.5 เมตร ตั้งอยู่ริมห้วยเป็นที่ สปก. ซึ่งอดีตเคยเป็นพักสงฆ์ศิลามณี โดยชาวบ้านระบุว่าลักษณะหินมีลายและสีสลับกัน มีปากและตาคล้ายกับหัวงู

 

ซึ่งจากการขอขมาและขออนุญาตขึ้นไปตรวจสอบข้างบนก้อนหินยังมีลายหินสลับไปมาลักษณะคล้ายเกล็ดงูยักษ์ หรือพญานาค โดยบริเวณนี้ชาวบ้านเรียกกันว่า แอ่งสาวเอ้ เนื่องจากสมัยก่อนคนโบราณที่เดินทางไปมามักจะหยุดพักและแต่งตัวเสริมความสวยงามกันบริเวณนี้ ปัจจุบันเป็นพื้นที่ทำกินของนายกล อุทรัง ชาวบ้านห้วยแดง ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์

 

ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวอยู่ระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน และภูล้อมข้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ภูจ้อก้อ เขตรอยต่อกับ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร อยู่ห่างจากตัวอำเภอกุฉินารายณ์ ประมาณ 22 กิโลเมตร

 

 

จุดที่ 2 บริเวณที่พักสงฆ์ศิลามณี บนภูล้อมข้าว หรือภูจ้อก้อ ที่ชาวบ้านพบหินคล้ายงูขนาดใหญ่ที่ขดตัวอยู่อีก 1 จุด และมีก้อนศิลาขนาดใหญ่หลายจุด มีลูกหินคล้ายลูกนิมิต และมีรูปคล้ายคนนั่งพักบริเวณหิน และยังมีหินพิมาย ลักษณะกลมคล้ายนิมิตร่วงหล่นออกมาจำนวนมาก มีก้อนหินคล้ายรูปเต่าปรากฏอยู่หลายจุด และก้อนหินขนาดเล็กใหญ่ 3 ก้อน ซึ่งมีความแข็งคล้ายเหล็ก ซึ่งชาวบ้านห้วยแดงนำมาวางเป็นฐานพระพุทธรูปไว้ที่สำนักสงฆ์ศิลามณี สอบถามพระอาจารย์เจริญรัตน์ ทราบว่าได้นำมาจากถ้ำที่อยู่บนภูสีฐาน

 

จุดที่ 3 บริเวณภูสีฐาน จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ และจากคำบอกเล่าของพระอาจารย์เจริญรัตน์ สำนักสงฆ์ศิลามณี เมื่อมองออกจากที่พักสงฆ์ ก็พบว่ามีน้ำตกไหลลงมาจากยอดเขาซึ่งชาวบ้านห้วยแกงเรียกกันว่าน้ำตกบังอี่ หรือน้ำตก 7 ชั้น ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในภูสีฐาน (เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน) ซึ่งจะได้มีการนัดหมายผู้นำท้องถิ่น ส่วนราชการลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมกันอีกครั้ง

 

นายวีรดนย์ กล่าวอีกว่า สำหรับบริเวณที่ออกมาตรวจสอบในครั้งนี้นั้น เป็นพื้นที่ของเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน และพื้นที่ทำกินของประชาชนบ้านห้วยแดง ตรงจุดที่พบหินคล้ายหัวงูนั้นเป็นที่ สปก.และถนนที่จะขึ้นไปยังสำนักสงฆ์ศิลามณี และแอ่งห้วยสาวเอ้ โดยสามารถเดินทางขึ้นจากบ้านห้วยแดง หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 10 ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายน์ จ.กาฬสินธุ์ เพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น เพราะถ้าเข้ามาจากทางอำเภอหนองสูงจะต้องเดินเท้าเข้ามาประมาณ 20 กม.เพราะรถไม่สามารถเข้ามาได้

 

อย่างไรก็ตาม การพบหินดังกล่าวเป็นความเชื่อส่วนบุคคล และเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งต่อไปทางอำเภอจะประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างไร พร้อมกับนำเรื่องดังกล่าวเข้าไปหารือหน่วยงานและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมพัฒนาผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับประชาชนในอนาคต

 

ด้านนางบุญเจริญ ขัตติยะบุตร สารวัตรกำนันตำบลกุดหว้า ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตนเองก็เกิดที่บ้านห้วยแดง เห็นหินก้อนนี้มานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยสังเกตว่าหินมีลักษณะคล้ายหัวงูยักษ์ จนชาวบ้านที่มาหาเก็บเห็ดถ่ายคลิปนำไปลงใน Tiktok จนกลายเป็นกระแสฮือฮา ตนได้ดูจากคลิปแล้วก็พบว่าเหมือนกับงูยักษ์ และในวันนี้จึงได้เดินทางขึ้นมาตรวจสอบพร้อมกับนายอำเภอกุฉินารายณ์

 

ซึ่งพื้นที่ภูล้อมข้าวหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าภูจ้อก้อนี้ ชาวบ้านเชื่อเป็นพื้นที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และการพบหัวงูยักษ์ที่มีเกล็ดคล้ายเกล็ดพญานาคครั้งนี้ชาวบ้านเชื่อว่าเจ้าป่าเข้าเขาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาปรากฏตัวให้โชค เพราะหลายคนที่เดินทางมาก็เห็นตัวเลขปรากฏอยู่บนหัวงู ทั้งเลข 9 เลข 8 เลข 7 ซึ่งขอย้ำว่าเรื่องดังกล่าวนี้เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน ซึ่งการพบหินนอกจากจะเป็นเรื่องที่แปลกและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว ยังสร้างความฮือฮาให้กับผู้พบเห็นและในโลกโซเชียลอีกด้วย

 

ภาพ/ข่าวโดย จักรพงษ์ ระวิวรรณ จ.กาฬสินธุ์