เริ่มแล้ว! งานไหลเรือไฟนครพนม สุดว้าวที่เดียวในไทย
เริ่มแล้ว! งานไหลเรือไฟนครพนม สุดว้าวที่เดียวในไทย พลุสกาวสวยงามเต็มท้องฟ้า ประเดิมเรียกน้ำย่อยปล่อยเรือไฟโชว์คืนแรก ทึ่งจุดตะเกียงทีละดวงเป็นลายตระการตา
วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เวลา 19.00 น. ณ เวทีกลางบริเวณสนามหญ้าหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำข้าราชการเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และตัวแทนภาคประชาชนทั้ง 12 อำเภอ ร่วมเปิดงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ ประจำปี 2565 โดยกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 - 11 ตุลาคม 2565 รวม 11 วัน 11 คืน
โดยมีนางสาวกนกพร ไชยศล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนครพนม กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานประเพณีออกพรรษาปีนี้ ก่อนจะเปิดงานประเพณีไหลเรือไฟ ประจำปี 2565 ด้วยพลุอันสวยสกาวเต็มท้องฟ้า
ส่วนไฮไลท์ของงานเป็นคืนวันออกพรรษา วันที่ 10 ตุลาคม 2565 เพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 11 โดยมีการประกวดเรือไฟประยุกต์ทั้งหมด 12 ลำ จากตัวแทนชาวบ้านทั้ง 12 อำเภอ มีความยาวตั้งแต่ 50-80 เมตร ความสูงประมาณ 20-30 เมตร ประดับตกแต่งด้วยตะเกียงไฟโบราณ ประมาณลำละ 20,000 - 30,000 ดวง ที่เกิดจากกลุ่มชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันต่อเติมเรือไฟ จากพลังศรัทธาที่สืบสานกันมาแต่โบราณ ตั้งแต่การทำเรือไฟโบราณ จนกระทั่งพัฒนามาเป็นเรือไฟประยุกต์ โดยทุกลำเกิดจากความร่วมมือร่วมใจ ไม่เน้นค่าจ้าง รางวัล เป็นการสืบสานความภาคภูมิใจประเพณีโบราณของจังหวัดนครพนม
เริ่มงานวันแรกเต็มไปด้วยความคึกคัก มีประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวลาว เดินทางมาชื่นชมความสวยงาม อลังการที่เดียวในไทยของเรือไฟโชว์ โดยทางจังหวัดนครพนมได้จัดให้มีการไหลเรือไฟโชว์ทุกคืน คืนละ 1 ลำ เป็นการประชาสัมพันธ์ดึงดูดเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวชมงาน ส่วนวันไฮไลท์ของงานคือวันที่ 10 ตุลาคม 2565 ที่จะมีการประกวดเรือไฟขนาดใหญ่ทั้งหมด 12 ลำ
สำหรับเรือไฟโชว์คืนแรกวันเปิดงานมีขนาดความยาวประมาณ 35 เมตร สูง 15 เมตร ประดับด้วยตะเกียงไฟราว 5,000 ดวง ถือเป็นเรือไฟโชว์ขนาดเล็ก ที่ร้อยเรียงตะเกียงไฟโบราณออกมาเป็นสัญลักษณ์สำคัญของ จ.นครพนม คือ องค์พระธาตุพนม รวมถึงสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผสมผสานประเพณีความเชื่อ ความศรัทธาของชาว จ.นครพนม และเป็นสัญลักษณ์รูปเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ รวมถึงประดับตะเกียงไฟเป็นรูปพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10 แสดงออกถึงความจงรักภักดี
การจัดงานครั้งนี้ยังได้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยว มีประชาชน นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น หลังได้รับผลกระทบจากโควิดระบาด ทำให้ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมที่พักถูกจับจองเต็ม
ด้าน นายพนม พุทธา อายุ 54 ปี ศิลปินเรือไฟ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโพนบก ต.โพนบก อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่างานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟปีนี้คึกคักมาก จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี หลัง 2 ปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากโควิดระบาด ทำให้บรรยากาศซบเซา แต่ปีนี้ชาวบ้าน 12 อำเภอ ต่างแสดงออกถึงพลังศรัทธา ความรักสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกัน สร้างเรือไฟขนาดใหญ่ ทุ่มทุนสร้างลำละ 5 แสนจนถึงล้านบาท จากพลังศรัทธา รวมถึงงบประมาณภาครัฐบางส่วน โดยไม่ได้หวังถึงค่าจ้างแรงงาน และเงินรางวัล แต่เน้นเรื่องของความภาคภูมิใจ พลังศรัทธา ที่ได้ร่วมกัน สร้างเรือไฟให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความสวยงามที่มีเพียงที่เดียวในโลก
อีกทั้งยังทำให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้รับรู้ว่ากว่าจะเป็นเรือไฟที่ไหลโชว์กลางลำน้ำโขงจะต้องใช้ความพยายาม ต้องมีความสามัคคี ที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ตั้งแต่การต่อเติมสร้างเรือไฟ การออกแบบลวดลายเรือไฟ จนถึงการประดิษฐ์ตะเกียงไฟโบราณ ที่นำไปร้อยเรียงประดับตกแต่ง ออกมาเป็นภาพต่าง ๆ ที่สื่อถึงเอกลักษณ์ความสวยงามอลังการของเรือไฟ และตะเกียงไฟทุกดวงจะต้องจุดด้วยมือของบรรดาศิลปินเรือไฟทีละดวง ก่อนที่ส่องสว่างสวยงาม
"ขอฝากประชาชน นักท่องเที่ยว ห้ามพลาด ขอให้มาเที่ยวชมการประกวดไหลเรือไฟในคืนวันออกพรรษา รับรองปีนี้ไม่ผิดหวังยิ่งใหญ่กว่าทุกปี" นายพนม กล่าว
ภาพ/ข่าวโดย พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล จ.นครพนม