สงกรานต์ 2566 เที่ยวพิพิธภัณฑ์ครุฑ สมุทรปราการ(ฟรี)
สงกรานต์ 2566 ชวนเที่ยวพิพิธภัณฑ์ครุฑ สถานที่แห่งเดียวในไทย และอาเซียน ที่รวมเรื่องราวเกี่ยวกับครุฑไว้ที่เดียว จ.สมุทรปราการ สามารถลงทะเบียนเข้าชมวันศุกร์-อาทิตย์ ไม่เสียค่าบัตรเข้าชม
วันสงกรานต์ 2566 ถือเป็นประเพณีการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ของไทยที่มีมาอย่างยาวนาน และยังถือเป็นวันครอบครัว ชวนเรียนวัฒนธรรมผ่านเรื่องราวของครุฑ เที่ยวชม พิพิธภัณฑ์ครุฑ เขตนิคมอุตสาหกรรม บางปู จังหวัดสมุทรปราการ ไม่มีค่าใช้จ่าย
พิพิธภัณฑ์ครุฑ จัดทำขึ้นโดยทีเอ็มบีธนชาต เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกและแห่งเดียวในอาเซียน ที่รวบรวมครุฑอันมีเอกลักษณ์เฉพาะองค์จากทุกภาคของไทย โดยอัญเชิญตราที่ประดิษฐาน ณ ธนาคารสาขาต่าง ๆ มากกว่า 150 องค์ มาไว้ด้วยกัน
จึงมีความโดดเด่นด้วยองค์ครุฑไม้ที่แกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม สะท้อนถึงความประณีตของศิลปิน พร้อมได้เรียนรู้เรื่องราว 'พญาครุฑ' สัตว์หิมพานต์ สัญลักษณ์แห่งความกตัญญู ความซื่อสัตย์ และความดีงาม
รวมถึงยังเป็นพาหนะของพระนารายณ์ผู้ทรงเป็นหนึ่งในสามมหาเทพในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู สัญลักษณ์แทนองค์พระมหากษัตริย์ ทำให้คนไทยต่างคุ้นเคยกับ “พญาครุฑ” มาอย่างยาวนาน
ภายในพิพิธภัณฑ์ แสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมาของพญาครุฑ ผ่าน 6 โซนนิทรรศการ ที่นำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของพญาครุฑอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งแสง สี เสียง ในรูปแบบทั้งแอนิเมชันและมัลติมีเดีย
โซนที่ 1 ตำนานและเรื่องเล่ากว่าจะเป็นพิพิธภัณธ์ครุฑ
6 โซนไฮไลต์พิพิธภัณฑ์ครุฑ
- โซนที่ 1 ตำนานพญาครุฑ
โถงต้อนรับ โถงนิทรรศการที่เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยกับตำนานพญาครุฑ ด้วยการบอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของพญาครุฑ ผ่านเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง หรือ AR ที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเรียนรู้ภายในพิพิธภัณฑ์
- โซนที่ 2 : ครุฑพิมาน
ห้องนิทรรศการที่ชวนมาเรียนรู้เรื่องการกำเนิดโลกและจักรวาล ท่องไปในดินแดนหิมพานต์ ซึ่งตามความเชื่อถือว่าเป็นถิ่นที่อยู่ของพญาครุฑ โดยเมื่อเข้ามาในห้องจัดแสดงนี้จะพบกับสระอโนดาตจำลองอยู่กลางห้อง พร้อมรูปปั้นมงคลที่อยู่บริเวณโดยรอบ ประกอบด้วยราชสีห์ ช้าง ม้า และโค
รอบพื้นที่จัดแสดงยังเต็มไปด้วยต้นไม้ สัตว์หิมพานต์ ฤๅษี คนธรรพ์ วิทยาธร และต้นไม้นารีผล หรือ มักกะลีผล ที่ออกผลเป็นหญิงสาววัยแรกรุ่นและหน้าตาสวยงามเหมือนนางอัปสร โดยความพิเศษในห้องนี้ยังได้พบกับไข่ของพญาครุฑ ที่มารดา นางวินตาคลอดออกมา และผู้เข้าชมสามารถเข้าไปถ่ายรูปในไข่ได้ด้วย
โซนที่ 2 : ครุฑพิมาน ท่องไปในดินแดนหิมพานต์ ซึ่งตามความเชื่อถือว่าเป็นถิ่นที่อยู่ของพญาครุฑ
- โซนที่ 3 : นครนาคราช
ห้องจัดแสดงที่เนรมิตอุโมงค์ทางเดินกว่า 10 เมตรขึ้นมาให้เป็นมหานครใต้น้ำ ถิ่นที่อยู่ของพญานาค คู่ปรปักษ์ตลอดกาลของพญาครุฑ รวมถึงความเชื่อเรื่องโลกบาดาลในพุทธศาสนา และบทบาทของพญานาคสัตว์พาหนะของพระนารายณ์ พร้อมชมตำนานความสัมพันธ์ของพี่น้องต่างมารดา ที่เป็นศัตรูกัน เนื่องจากนางวินตา มารดาของพญาครุฑ ได้เป็นทาสของนางกัทรุ มารดาแห่งนาคเป็นเวลาถึง 500 ปี
และพญาครุฑต้องไปชิงน้ำอมฤตจากพระนารายณ์ จึงเป็นที่มาของการเป็นศัตรูกันระหว่าง พญาครุฑและพญานาค สำหรับพญานาคที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสายน้ำและมีหน้าที่เฝ้าทรัพย์สมบัติ และมีความเชื่อว่าผู้บูชาพญานาคจะนำมาซึ่งทรัพย์สินเงินทองเป็นอีกห้องที่น่าติดตามอย่างมาก
โซนที่ 3 : นครนาคราช ห้องจัดแสดงมหานครใต้น้ำ ถิ่นที่อยู่ของพญานาค
- โซนที่ 4 : อมตะเจ้าเวหา
แสงสีเสียงและการแสดงเรื่องราวความเพียรพยายาม ความกตัญญูกตเวที และความเสียสละของพญาครุฑผ่านแอนิเมชัน สื่อมัลติมีเดียที่ฉายเต็มผนังห้องเป็นรูปครึ่งวงกลม โดยในห้องได้เล่าเรื่องราวของพญาครุฑที่ไปชิงน้ำอมฤตและต้องต่อสู้กับพระนารายณ์ แม้ว่าจะแพ้และต้องสละชีวิต
แต่พระนารายณ์ก็ทรงยกย่องในเรื่องความกตัญญู พร้อมทรงแลกเปลี่ยนกับพญาครุฑ ขอให้เป็นพาหนะในช่วงพระองค์เสด็จ และพร้อมประทานความเป็นอมตะให้แก่ พญาครุฑ อีกทั้งในห้องนี้จะยังได้พบกับ ครุฑองค์ที่เล็กที่สุดในพิพิธภัณฑ์ที่มีความสูง 15 เซนติเมตร ตั้งอยู่เหนือประตูทางเข้าทั้งสองด้านของห้อง
โซนที่ 4 สื่อมัลติมีเดียที่ฉายเต็มผนังห้องเป็นรูปครึ่งวงกลม โดยในห้องได้เล่าเรื่องราวของพญาครุฑ
- โซนที่ 5 ตามรอยตราครุฑพ่าห์
สุบรรณแห่งองค์ราชัน ตามรอย “ตราครุฑพ่าห์” ซึ่งเป็นตัวแทนของพระมหากษัตริย์ที่ยังคงปรากฏเคียงข้างพระองค์เสมอ โดยนำเสนอเรื่องราวของ ตราครุฑพ่าห์ ที่ได้รับการใช้เป็นสัญลักษณ์เชื่อมโยงกับพระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งมาจากคติไทยรับมาจากเขมรมีความเชื่อว่า พระมหากษัตริย์เปรียบดั่งพระนารายณ์อวตารลงมาปกครองบ้านเมือง ผู้ทรงครุฑเป็นพาหนะ
อีกทั้งในห้องยังมีครุฑพ่าห์ของธนาคารนครหลวงไทย สำนักงานใหญ่สาขาหาดใหญ่ แกะสลักจากไม้ ซึ่งได้รับการจัดอันดับจากผู้เชี่ยวชาญว่าเป็น ตราครุฑพ่าห์แกะจากไม้ที่ยังคงความสมบูรณ์ของงานแกะไว้ได้มากที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
โซนที่ 5 ตามรอยตราครุฑพ่าห์
- โซนที่ 6 : ห้องจัดแสดงครุฑทั่วรวม 150 องค์
ห้องที่รวบรวมองค์พญาครุฑจากทั่วทุกภาคของประเทศไทยรวม 150 องค์ ผ่านตราตั้งห้างพระราชทาน และรวบรวม ครุฑพ่าห์ จากธนาคารนครหลวงไทย รวมถึงมีครุฑพ่าห์องค์แรก ที่ธนาคารนครหลวงไทยได้รับพระราชทานให้ประดิษฐาน ณ สาขาราชดำเนิน ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่แห่งแรกของธนาคารนครหลวงไทย แกะสลักจากไม้สัก ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสมนต์เสน่ห์คุณค่าเหนือกาลเวลา
นอกเหนือจากความสวยงามขององค์ครุฑในแง่ของท่วงท่าอันสง่างามที่แสดงถึงพลังอำนาจอันน่าเกรงขามแล้ว ยังมีความสวยงามในด้านคุณค่าและประวัติศาสตร์การสร้างสรรค์องค์ครุฑแต่ละองค์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ต่างกันออกไป
โซนที่ 6 ห้องที่รวบรวมองค์พญาครุฑจากทั่วทุกภาคของประเทศไทยรวม 150 องค์
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานไม้ หากสังเกตดี ๆ แล้วจะพบว่าเครื่องทรงแต่ละองค์ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่องค์เดียว ทั้งรูปร่างหน้าตาหรือสีของผ้านุ่งในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์นี้ ชวนมาสัมผัสท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ครุฑ นอกจากโซนต่างๆ ทางพิพิธภัณฑ์ยังได้อัญเชิญ สมเด็จมหาราชทรงครุฑ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเพียงรุ่นเดียวที่มีตราพระครุฑพ่าห์ ที่มีพระปรมาภิไธย ภปร. และ นามาภิไธย สก. มาให้ประชาชนได้สรงน้ำในเดือนเมษายน 2566
- สามารถลงทะเบียน ไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่ https://www.ttbfoundation.org/th/garudamuseum/
- เปิดให้เข้าชมเฉพาะวันศุกร์-เสาร์ วันละ 3 รอบ ในเวลา 10:00 / 13:00 / 15:00 น.
- มีบริการจัดรถตู้บริการรับ-ส่งจากสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส สถานีเคหะสมุทรปราการ ถึง พิพิธภัณฑ์ครุฑ ซึ่งสามารถแจ้งความประสงค์ผ่านระบบการจองล่วงหน้าผ่าน QR Code
- ติดตามเรื่องราวประวัติวามเป็นมาเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ครุฑ โดยทีเอ็มบีธนชาต ผ่าน E-Book ได้ที่ www.ttbfoundation.org/th/garudamuseum/ebook
ทางพิพิธภัณฑ์ได้อัญเชิญ สมเด็จมหาราชทรงครุฑ พระพุทธรูปที่มีตราพระครุฑพ่าห์ มาให้ประชาชนสรงน้ำพระในวันสงกรานต์ 2566