‘เที่ยวชุมพร’ เชิญแซะมา..มาที่ ‘ท่าแซะ’
‘เที่ยวชุมพร’ ครานี้ ขอแซะ ‘ท่าแซะ’ พาไปชม ‘น้ำตกกะเปาะ’ ภายใน ‘วนอุทยานน้ำตกกะเปาะ’ ไม่ไกลจากถนนใหญ่ ชม‘ฟอสซิล’ สิ่งมีชีวิตในทะเลสมัยดึกดำบรรพ์อายุเป็นร้อยๆล้านปี ที่ ‘ถ้ำพิสดาร’ มีทั้ง ‘ฟอสซิลปะการัง’ ‘ฟอสซิลแอมโมไนส์’ ที่คล้ายหอยม้วนเป็นกลมๆ
เที่ยวชุมพร แนะนำให้แวะ ท่าแซะ
ชุมพร...ถือเป็นจังหวัดโปรดของผมอีกจังหวัดหนึ่ง เพราะไม่ไกลมาก ขับรถลงไปเรื่อยๆ แล้วส่วนใหญ่ผมมักจะเลาะเลียบทะเลไปทางปะทิว เข้า ‘ชุมพร’ แล้วก็จะกลับมาทาง ท่าแซะ เว้นแต่ถ้าตั้งใจจะควบระนองหรือสุราษฏร์ธานีด้วย จึงจะเลยตัวเมืองลงไป
คือ อ.ปะทิว กับ อ.ท่าแซะนี้จะเป็นระนองตอนเหนือ ปะทิวเป็นส่วนทะเล ส่วนท่าแซะจะเป็นส่วนป่าเขา ถ้าเลยสองอำเภอนี้ลงทางใต้ จึงจะเข้าเขตเมืองชุมพรปะทิวนั้นผมเคยเขียนถึงไปบ้างแล้ว แต่ท่าแซะ ยังไม่เคยลงเป็นเรื่องเป็นราว คราวนี้จึงขอยกมาเป็นตัวอย่างของท่าแซะก็แล้วกัน
เวลาท่านผู้อ่านขับรถลงไปชุมพร ก่อนถึงแยกปฐมพร เคยสังเกตป้ายทางซ้ายมือไหมว่า มันมีป้าย น้ำตกกะเปาะ ลองแวะเข้าไปครับ เข้าไปราว 1 กม. จากถนนใหญ่ ก็จะถึงแล้ว ข้างในจะเป็นที่ตั้งของ วนอุทยานน้ำตกกะเปาะ บรรยากาศร่มรื่นมาก เพราะมีต้นไม้ใบบังขึ้นอยู่ทั่วบริเวณ ที่นี่สามารถกางเต็นท์พักแรมได้ด้วยนะครับ เขามีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานให้ครบ แต่ไม่มีอาหารจำหน่าย ใครจะไปพักก็ต้องเตรียมอาหารไปด้วย
คนละฝั่งของถนนภายในที่ทำการนั้น จะเป็นส่วนพักผ่อน ที่มีลำธารน้ำตกเป็นพระเอก น้ำตกนี้เป็น น้ำตกหินปูน สูงไม่มากแต่มีน้ำตลอดทั้งปี กิจกรรมของการมาเที่ยว น้ำตกกะเปาะ จึงคือการเล่นน้ำ โดยเฉพาะในช่วงร้อนๆด้วยแล้ว มาเล่นน้ำที่นี่กันเถิด จะชื่นใจ ยิ่งเทศกาล คนจะเยอะมาก
วนอุทยานน้ำตกกะเปาะ นี้ขึ้นอยู่กับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 สุราษฏร์ธานี ซึ่งดูแลพื้นที่อนุรักษ์ 3 จังหวัดคือสุราษฏร์ธานี ระนองและ ชุมพร วนฯแห่งนี้มีพื้นที่แค่ 700 ไร่แค่นั้นเอง ยังความแปลกใจมาให้ผม เพราะพื้นที่ต้นน้ำมันน้อย แต่น้ำตกมีทั้งปี นี่ผิดวิสัย หรือว่าต้นน้ำจะเป็นน้ำผุดใต้ดิน
เปล่า...เป็นลำธารน้ำที่ค่อยๆไหลมารวมกันธรรมดาๆนี่เอง นี่เป็นข้อมูลที่เจ้าหน้าที่เขาบอกมา
เหลือเชื่อมาก เพราะพื้นที่ต้นน้ำ ก็เป็นสวนยางพารา สวนปาล์ม ไม่ได้มีป่าธรรมชาติอะไรเป็นผืนใหญ่เลย แต่ยังสามารถให้น้ำได้ตลอดปีขนาดนี้นี่ ยอมรับว่าทึ่งจริงๆ
สรุปว่า ถ้าจะล่องใต้ บรรดาชาวแคมป์ ได้ที่นี่ เป็นที่พักแรมระหว่างทางอีกที่หนึ่งแล้วครับ
บรรยากาศภายในวัดถ้ำพิสดาร
ทีนี้ให้ท่านผู้อ่านย้อนออกมาตรงปากทางเข้าใกล้ๆ ถนนใหญ่ อย่าออกไปถนนใหญ่ แต่จะมีทางตรงขนานไปกับถนนใหญ่ ออกไปไม่ถึง 100 เมตรจะเป็นทางไป ถ้ำพิสดาร ก็เข้าไปตามทางได้เลย มีแยกมีอะไรเขาก็จะมีป้ายบอก ราว 3 กม. ก็จะไปจอดรถที่ลานวัดถ้ำพิสดารเรียบร้อย
เป็นที่ตั้งของวัดถ้ำพิสดารด้วย วัดนี้เป็นวัดเล็กๆ ตั้งอยู่ติดเชิง เขาหินปูน ติดๆกันจะเป็นสวนปาล์มของชาวบ้าน ที่นี่จึงเงียบสงบ ร่มรื่น มีลมพัดเอื่อยๆ จะมีบันไดปูนทางขึ้นเขาไปด้านบน ขึ้นไปราว 60 ขั้น ก็จะมีทางแยก แยกซ้ายจะไป ลานพระ ซึ่งอยู่บนภูเขา ส่วนแยกทางขวาจะไป ถ้ำพิสดาร เราจะไปถ้ำก็จะต้องไปทางขวา ซึ่งผมอยากให้ท่านผู้อ่านสังเกตก้อนหินระหว่างทาง
'ฟอสซิลปะการัง' ที่พบเห็นได้ชัดเจนข้างทางเดิน
จะเห็น ฟอสซิล สิ่งมีชีวิตในทะเลสมัยดึกดำบรรพ์อายุเป็นร้อยๆล้านปี ที่เห็นชัดๆ คืออย่างเช่น ฟอสซิลปะการัง ฟอสซิลแอมโมไนส์ ที่คล้ายๆ หอยม้วนเป็นกลมๆ หรือไครนอยส์ หรือ พลับพลึงทะเล ฟอสซิลพวกนี้จะฝังตัวในหินปูนริมทางเดิน มีให้ดูตลอดทาง
ซึ่งอย่างที่บอกไปหลายครั้งแล้วว่า สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ทับถมปนเปกับตะกอนใต้ทะเลทับถมมาเป็นล้านๆปี จนเป็นหิน แล้วแผ่นเปลือกโลกก็มาดันกัน จนกระทั่งหินปูนที่เคยอยู่ในทะเล ถูกดันขึ้นมา จนกลายเป็นภูเขา แล้วเกิดการแตกหัก กลายเป็นก้อนหินปูน ซึ่งก็จะมี ซากฟอสซิล เหล่านี้ติดมา ให้เราได้เห็นดังกล่าว
แค่ดู ฟอสซิล ก็สนุกแล้วครับ
เดินไปอีกไม่ไกล ก็จะถึงศาลาหน้าถ้ำ ซึ่งจะมีทางเดินลงไป โดยถ้ำแรกจะเป็น ถ้ำพระ เป็นซอกหลืบเล็กๆ มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายใน ส่วนตัวถ้ำใหญ่นั้น จะมีทางเดินลงไปต่อจากถ้ำพระอีก โดยถ้ำนี้จะอยู่ลึกลงไป เขาจะมีบันไดปูนลงไปจนถึงข้างล่าง แต่ก่อนถ้ำนี้เคยติดไฟฟ้า แต่ตอนหลัง เห็นว่าระบบไฟพังหมดแล้ว ใครจะไปเที่ยว คงต้องเตรียมไฟฉายไปเอง
ลงไปจนสุดบันไดปูน แล้วเดินต่อไปด้านในนิดเดียว ก็จะเห็นห้องโถงกว้าง และมีหินย้อยหลายมุม ซึ่งยังเป็นหินย้อยที่ยังคงก่อเกิดแทบทั้งนั้น สีขาวสะอาดของแคลเซียม บ้างก็จะมีสีออกเหลืองๆ ตามที่มีเหล็กมาละลายปน บ้างก็เป็นสีชมพู ส่วนหินงอกนั้นมีเหมือนกันแต่ไม่มากเท่ากับหินย้อยที่อยู่ตามผนังถ้ำ
สรุปว่าถ้ำนี้ยังมีองค์ประกอบถ้ำที่สมบูรณ์มากและถ้ำยังคงมีการก่อเกิดตลอดเวลา แม้ถ้ำจะไม่กว้างนักแต่มีความสวยงาม เสียดายที่ทางวัดคงไม่มีกำลังจะมาดูแลเรื่องไฟฟ้าในถ้ำได้ ก็คงต้องให้ อบต.หรือทางจังหวัดชุมพรยื่นมือมาช่วยละครับ
นี่แค่ ‘ท่าแซะ’ ที่เอามาบอกล่าและเชิญชวนกันเป็นเบื้องต้น ซึ่งในส่วนอื่นๆของ ท่าแซะ ชุมพร คงจะได้มีการบอกกล่าวในคราวต่อๆไป
ท่าแซะ คราวนี้ เห็นแล้วว่ามีดีจึงเอามาเล่า ใครจะแซะก็แซะไป แต่ถ้าได้มาท่าแซะอย่าลืมแวะก็เป็นพอ.....
