เที่ยวนี้ห้ามพลาด! 25 ที่เที่ยว ‘อันซีน’ ใหม่ล่าสุด ททท.
ชวนปักหมุด 25 ที่เที่ยว “อันซีน” ล่าสุดที่ได้เข้าลิสต์ “unseen thailand” ของ ททท. มีครบทุกภาคตอบโจทย์ทุกแนว อาทิ พาสาน-มอหินขาว-เกาะสีชัง-เกาะตะรุเตา จากการโหวตโดยคนไทยทั่วประเทศในโครงการ Unseen New Chapters
หลังจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศผล 25 แหล่งท่องเที่ยวอันซีน “Unseen Thailand” ที่ได้รับการโหวตมากที่สุดจากโครงการ Unseen New Chapters: ปักหมุดมุมใหม่ เปิดไทยมุมต่าง จาก 77 จังหวัดทั่วไทย จากเสียงโหวตโดยคนไทยกว่า 3 แสนคน
“กรุงเทพธุรกิจ” ชวนส่อง 25 ที่เที่ยวอันซีนน้องใหม่ ที่ได้บรรจุเข้าลิสต์ “Unseen Thailand” ของ ททท. ซึ่งมีครบทุกภาค สไตล์การเที่ยวทุกแนว ที่ไหนเด็ด และมีไฮไลต์น่าเที่ยวอย่างไรบ้าง ตามไปดูกัน!
- ภาคเหนือ
1. น้ำตกตาดใหญ่ จ.เพชรบูรณ์
นี่คือน้ำตกที่ได้ชื่อว่าเป็นมุมอันซีนแห่งใหม่ของเมืองไทย กับทิวทัศน์น่าเหลือเชื่อของหุบเขาน้ำตกขนาดยักษ์ ที่เราสามารถมองเห็นภาพความมหัศจรรย์ของน้ำตกเหนือทะเลหมอก จึงไม่แปลกที่หลายคนจะยกตำแหน่งของน้ำตกที่สวยที่สุดของเมืองไทยให้ “น้ำตกตาดใหญ่”
ถ้าใครอยากสัมผัสน้ำตกแห่งนี้อย่างใกล้ชิด ก็สามารถใช้เส้นทางแอดเวนเจอร์ลัดเลาะจากป่าด้านบนสู่เบื้องล่างของน้ำตก รับรองประกันความชุ่มฉ่ำและความสวยงามระดับห้าดาว ช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การท่องเที่ยว คือ เดือนพฤษภาคม - สิงหาคม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานพิษณุโลก เบอร์โทรศัพท์ 0 5525 2742-3 หรือ 0 5525 9907
2. พาสาน จ.นครสวรรค์
ด้วยดีไซน์สุดล้ำเหมือนหลุดออกมาจากโลกอนาคต ทำให้ “พาสาน” เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ขึ้นแท่นเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเกาะยม
พาสานถือเป็นสัญลักษณ์ของต้นแม่น้ำเจ้าพระยา แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ตลอดจนการส่งเสริมอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจในปากน้ำโพ เป็นมุมมองแปลงใหม่ของนครสวรรค์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานนครสวรรค์ เบอร์โทรศัพท์ 0 5622 1811-2
3. วัดพระธาตุดอยพระฌาน จ.ลำปาง
“วัดพระธาตุดอยพระฌาน” แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของลำปาง เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมด้านพุทธศิลป์ที่งดงาม ตั้งอยู่บนยอดดอยพระฌาน นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้มาสักการะองค์พระธาตุแล้ว ยังสามารถแวะชมความงามของพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกยามเช้า ก่อนที่จะไปแขวนกระดิ่งขอพรจากพระพุทธรูปไดบุตสึหรือหลวงพ่อโตจำลองพระพุทธรูปองค์ยักษ์ที่มีใบหน้าเข้มขลัง แถมยังมากไปด้วยพลังศรัทธาด้วยศิลปะแบบญี่ปุ่น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานลำปาง เบอร์โทรศัพท์ 0 5422 2214-5
4. วัดพระธาตุหริภุญชัย อ.เมือง จ.ลำพูน
“วัดพระธาตุหริภุญชัย” วัดเก่าแก่ที่มีอายุมากว่า 1,300 ปี ภายในวัดมีศาสนสถานสำคัญมากมาย ทั้งประตูโขง ราชสีห์คู่ วิหารหลวง องค์พระธาตุหริภุญชัย ปทุมวดีเจดีย์ หอระฆัง เขาพระสุเมรุจำลอง และยังเป็นวัดที่มีกิจกรรมหลากหลายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะเทศกาลโคมแสนดวงเมืองลำพูน ถือเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยว จะได้มีโอกาสถวายโคมสีสวยแด่องค์พระธาตุหริภุญชัย ซึ่งเมื่อเรามองไปยังทะเลโคมนับแสนที่แขวนอยู่ จะสามารถรับรู้ได้ถึงพลังศรัทธาที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมากราบสักการะพระธาตุได้ตลอดทั้งปี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานลำปาง เบอร์โทรศัพท์ 0 5422 2214-5
5. พุทธสถานถ้ำเชตวัน จ.น่าน
ท่ามกลางหุบเขาอันเงียบสงบของอำเภอนาน้อย “พุทธสถานถ้ำเชตวัน” เป็นบริเวณที่ “ครูบาน้อย” เกจิชื่อดัง เดินทางเข้าไปปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำเป็นเวลาถึง 3 ปี ส่งผลให้หมุดหมายของนักเดินทางสายบุญ ที่ต่างแวะเวียนกันมาค้นหาปริศนาธรรมในถ้ำ ทั้งศึกษาและปฏิบัติ หลายคนตั้งใจมาสักการะองค์พระธาตุอินแขวน รวมถึงขอพรจากพระเจ้าทันใจ โดยสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานน่าน เบอร์โทรศัพท์ 0 5471 1217-8
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
1. มอหินขาว จ.ชัยภูมิ
“มอหินขาว” เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา มีจุดเด่นอยู่ที่เสาหินยักษ์ 5 ก้อน ได้สมญานามว่าเป็น “สโตนเฮนจ์เมืองไทย” ความสวยงามของมอหินขาวยิ่งสวยงามขึ้นแบบทวีคูณในช่วงฤดูฝน เพราะนอกจากนักเดินทางจะได้ชมประติมากรรมธรรมชาติของเสาหินแล้ว ยังจะได้ชื่นชมดอกไม้ป่าที่กำลังบานสะพรั่งทั่วอาณาบริเวณ
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มหินที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ หินเจดีย์โขลงช้าง ลานหินต้นไทร และจุดชมวิวผาหัวนาค ส่วนสายแคมป์ปิ้งที่ชอบดูดาว บริเวณมอหินขาวก็ถือว่า เป็นจุดชมดวงดาวและทางช้างเผือกระดับท็อปที่ควรค่าแก่การมาเยี่ยมเยือน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานนครราชสีมา เบอร์โทรศัพท์ 0 4421 3030 หรือ 0 4421 3666
2. วนอุทยานภูบ่อบิด จ.เลย
“วนอุทยานภูบ่อบิด” หรือ “ภูบักบิด” หรือที่คนในพื้นที่เรียกว่า ภูบ่บิด เป็นภูเขาลูกเล็ก อยู่ห่างจากตัวเมืองเลยเพียงแค่ 1 กิโลเมตร ทำให้กลายเป็น “หอชมทะเลหมอกใจกลางเมือง” หนึ่งเดียวในไทย และด้วยระยะทางที่กำลังพอดีทำให้กลายเป็นจุดมุ่งหมายของเหล่านักวิ่ง เพราะได้ทั้งออกกำลังกาย แล้วยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์ พร้อมสัมผัสธรรมชาติสุดสวยอีกด้วย
การพิชิตยอดภูบ่อบิดขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์พร้อมชมดวงอาทิตย์ท่ามกลางทะเลหมอกยามเช้า จัดว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่าแก่การเดินทางมาสัมผัสหมอกกลางเมือง ณ ที่แห่งนี้ดูสักครั้ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานเลย เบอร์โทรศัพท์ 0 4281 2812 หรือ 0 4281 1405
3. ผาพญากูปรี จ.ศรีสะเกษ
“ผาพญากูปรี” ถือเป็นจุดชมวิวที่มีอากาศเย็นบริสุทธิ์บนแนวเทือกเขาพนมดงรัก โดยได้ชื่อมาจากที่เคยเป็นสถานที่พบ “กูปรี” สัตว์ป่าที่สูญพันธุ์ไปแล้วในประเทศไทย ทั้งยังเป็นจุดชมธรรมชาติที่สวยงามของลำห้วยสำราญ แหล่งต้นน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชาวศรีสะเกษ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินลงไปชมภาพวาดพญากูปรี รวมถึงเที่ยวชมน้ำตกพญากูปรีในบริเวณเดียวกันได้อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานสุรินทร์ เบอร์โทรศัพท์ 0 4451 4447-8
4. ชุมชนบ้านปรางค์นคร จ.นครราชสีมา
สัมผัสมนต์เสน่ห์วิถีของชุมชนเชิงวัฒนธรรมเก่าแก่ กับบรรดาชาวบ้านที่พร้อมหยิบยื่นมิตรภาพอันแสนอบอุ่น ใน “ชุมชนบ้านปรางค์นคร”
เป็นชุมชนท่องเที่ยว OTOP ที่มีของดีน่าสนใจอยู่หลายอย่าง อาทิ “บ้านเรือนไทยโคราช” อายุกว่า 100 ปี ที่ปัจจุบันยังมีคนพักอาศัยอยู่จริง นอกจากนี้ยังมี “สะพานข้ามบารายสวรรค์” สะพานไม้ไผ่ที่เกิดจากความสามัคคีของชาวบ้าน
แต่ที่เป็นไฮไลต์ห้ามพลาด คือ กิจกรรมรับพลังจักรวาลที่ “ปราสาทบ้านปรางค์” โบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ ศูนย์รวมใจประจำหมู่บ้าน นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมพายเรืออีโปงกับชิมอาหารพื้นถิ่น ที่ถือจัดเป็นของดีสุดคลาสสิกแดนอีสาน
ททท.สำนักงานนครราชสีมา เบอร์โทรศัพท์ 0 4421 3030 หรือ 0 4421 3666
5. วัดพุทธวนาราม (วัดป่าวังน้ำเย็น) จ.มหาสารคาม
พระอุโบสถวัดพุทธวนาราม (วัดป่าวังน้ำเย็น) เป็น อุโบสถที่สร้างจากไม้ตะเคียนที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างจากเสาไม้ตะเคียนทองขนาดใหญ่ โดยใช้เสาไม้ตะเคียนทองมากถึง 32 ต้น ขนาด 4 คนโอบ พระอุโบสถหลังนี้มีความสูงกว่า 20 เมตร ภายในมีองค์พระประธานปางนาคปรกแกะสลักจากไม้สักทองทั้งองค์
ปัจจุบันวัดแห่งนี้นอกจากเป็นที่ศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ยังมีชื่อเสียงมากขึ้นด้านการท่องเที่ยว กลายเป็นจุดหมายห้ามพลาดของจังหวัดที่นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถแวะเวียนเยี่ยมชมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานขอนแก่น เบอร์โทรศัพท์ 0 4322 7714-5
- ภาคกลาง
1. หอมนสิการ จ.สระบุรี
“หอมนสิการ” สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมรูปแบบใหม่ สร้างขึ้นจากศรัทธาและแรงบันดาลที่มีต่อพุทธศาสนา ภายในตัวอาคารสีขาวบริสุทธิ์ที่ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขา ประกอบด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ สักการะพระบรมสารีริกธาตุ 18 พระองค์ ชมภาพปักพระบรมโลกนาถ สัมผัสความงามของหอจัตุรัสอันศักดิ์สิทธิ์
อีกทั้งยังมีโซนนิทรรศการร่วมสมัยที่บอกเล่าความเป็นมาเป็นไปของพระพุทธเจ้า รวมถึงห้องจัดแสดงงานอาร์ตประเภทต่าง ๆ แฝงไว้ด้วยปริศนาธรรม ส่วนผู้ที่มาก็จะได้ซึมซับหลักธรรมแบบครบรส ทั้งตาดู หูฟัง สมองคิด และกายปฏิบัติ ถือเป็นธรรมะคอมมูนิตี้แบบครบวงจรอย่างแท้จริง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานพระนครศรีอยุธยา เบอร์โทรศัพท์ 0 3524 6076-7
2. ถ้ำโบ้ บ้านคีรีวงศ์ จ.เพชรบุรี
“ถ้ำโบ้” ถ้ำที่อยู่กลางเขาอีบิด ลักษณะเป็นโพรงกว้าง ภายในเป็นถ้ำตื้น โถงถ้ำสูงโปร่ง มีหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติสวยงาม อากาศถ่ายเทเย็นสบาย จากในถ้ำเมื่อมองลอดโพรงออกไปด้านหน้า จะเห็นทิวทัศน์ของ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี และ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้อย่างกว้างไกลและสวยงาม
ส่วนด้านหลังถ้ำมีลานกว้าง เป็นจุดชมวิวดูทิวต้นตาล เอกลักษณ์โดยเด่นของเมืองเพชร และยังเป็นจุดชมดวงอาทิตย์ขึ้นและตกที่งดงาม เหมาะกับคนที่อยากได้คอนเทนต์เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร
สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินชมถ้ำ คือ 05.00 – 17.00 น. แต่ไม่แนะนำให้เดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน เนื่องจากทางเดินขึ้นถ้ำมีความลาดชัน และทางเดินภายในถ้ำลื่นมาก อาจเกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุได้ หากไม่ระมัดระวัง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานเพชรบุรี เบอร์โทรศัพท์ 0 3247 1005-6
3. อุโมงค์สามมิติ จ.กาญจนบุรี
สถานที่แห่งนี้เป็นเหมืองแร่เก่า มีความยาว 2,300 เมตร เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรณีวิทยาและระบบนิเวศ บริเวณรอบ ๆ เหมืองปกคลุมด้วยผืนป่าสีเขียว พบเห็นพืชสมุนไพรเทียนตาตั๊กแตนเป็นหย่อม ๆ ส่วนภายในอุโมงค์เริ่มมีหินงอกหินย้อยเปล่งประกายระยิบระยับ ธารน้ำน้อย ๆ ไหลสู่น้ำตกผาแดง ยังคงมีหลักฐานจากอดีตเป็นเครื่องจักรและท่อลมขนาดใหญ่ให้พบเห็น
ไฮไลต์อยู่ที่ประสบการณ์ลอดอุโมงค์ภายใต้ความมืดแต่กลับมีอากาศเย็นสบาย เมื่อมีแสงไฟสาดส่องไปยังไอหมอกที่ปกคลุมบริเวณปากอุโมงค์ จะดูคล้ายกับประตูกาลเวลาราวกับฉากไคลแม็กซ์ในภาพยนตร์ และเมื่อได้ผ่านทะลุออกไป จะให้ความรู้สึกราวกับว่าได้ทะลุผ่านจากมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติ จึงเป็นที่มาของชื่อ “อุโมงค์สามมิติ” นั่นเอง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานกาญจนบุรี เบอร์โทรศัพท์ 03451 1200 หรือ 0 3451 2500
4. ภูผาแรด จ.ราชบุรี
บริเวณที่เคยเป็นแหล่งสัมปทานระเบิดหินภายในอุทยานหินเขางู ถูกซ่อนไว้กลางหุบเขามานานหลายปี ลักษณะเป็นผาสูงชันที่มีร่องรอยเว้าแหว่งของหินจากแรงระเบิด เผยให้เห็นความสวยงามของลวดลายและสีสันของหน้าผาหินแกรนิต ซึ่งเป็นหินที่ถูกเปรียบเปรยว่า แข็งแกร่งดั่ง “แรด” จึงเป็นที่มาของชื่อ “ภูผาแรด”
เสน่ห์ของมุมลับแห่งนี้ อยู่ที่ความสวยงามในแต่ละช่วงเวลาของวัน ซึ่งขึ้นอยู่กับทิศทางของแสงแดดที่ส่องลงบริเวณหน้าผาแต่ละฝั่ง และให้จับตาวินาทีที่น้ำนิ่งจนเกิดภาพเงาสะท้อนคล้ายภาพวาดบนผิวน้ำ ถือเป็นงานอาร์ตที่ธรรมชาติรังสรรค์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานราชบุรี เบอร์โทรศัพท์ 0 3291 9176-8
5.วัดทางสาย จ.ประจวบคีรีขันธ์
“พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ” ของ “วัดทางสาย” เป็นเจดีย์สร้างขึ้นจากพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของมวลชนที่มีต่อพระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลโดยเฉพาะในวโรกาสครองราชย์ครบรอบ 50 ปี ของรัชกาลที่ 9 จนได้รับพระราชทานชื่อจากในหลวงรัชกาลที่ 9
ตัวอาคาร 5 ชั้น คือการครองราชย์ครบ 50 ปี ส่วนเจดีย์หมู่ 9 องค์ หมายถึงวัดประจำรัชกาลที่ 9 และนอกจากความงดงามของที่มาที่ไปแล้ว ด้านบนของเจดีย์ยังเป็นสุดยอดจุดชมวิวดวงอาทิตย์ขึ้นและตกแห่งเมืองประจวบ ซึ่งเราสามารถมองเห็นความสวยงามของชายหาดบ้านกรูดและทิวมะพร้าวได้ไกลสุดสายตา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ เบอร์โทรศัพท์ 0 3251 3885, 0 3251 3871 หรือ 0 3251 3854
- ภาคตะวันออก
1. เกาะสีชัง จ.ชลบุรี
“เกาะสีชัง” ถือเป็นจุดหมายที่ตอบโจทย์สำหรับนักท่องเที่ยวสายอนุรักษ์ ด้วยสถานที่ปลูกสร้างสมัยรัชกาลที่ 5 ทั้ง 5 จุด ไม่ว่าจะเป็นปลายแหลมถ้ำพัง เสาธงอัษฎางค์ สะพานอัษฎางค์ ช่องอิสริยาภรณ์ ไปจนถึงทะเลแหวกท้ายเกาะ
นอกจากนี้ ตัวเกาะยังมีการจัดการกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นระบบ ทั้งการนำขยะบนเกาะไปทำปุ๋ย การปลูกปะการังอ่อน การเปิดธนาคารปูและสัตว์น้ำหายาก เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลรอบ ๆ เกาะให้มีความยั่งยืน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานพัทยา เบอร์โทรศัพท์ 0 3842 7667, 0 3842 8750 หรือ 0 3842 3990
2. วัดมณีวงศ์ จ.นครนายก
สำหรับผู้ที่ฝากตัวเป็นลูกหลานพญานาค ไม่ควรพลาด “วัดมณีวงศ์” เพราะวัดแห่งนี้ เกิดขึ้นจากพญานาคที่มาเข้าฝัน “หลวงพี่ต่อ” เจ้าอาวาสของวัด และได้พาหลวงพี่ไปชมคลังมหาสมบัติที่เมืองบาดาล เพื่อให้เกิดภาพจำและนำกลับไปสร้างที่วัด จนเกิดเป็นความอลังการของงานประติมากรรมพญานาคกว่า 1000 ตน ที่อาศัยเวียนวนอยู่ในถ้ำขนาดใหญ่ โดยจำลองบรรยากาศความยิ่งใหญ่มาจากเมืองบาดาล สู่ความงดงามที่ถูกถ่ายทอดผ่านงานปั้นชั้นครู รับรองว่าถูกใจลูกหลานพญานาคสายมูอย่างแน่นอน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานนครนายก เบอร์โทรศัพท์ 0 3731 2282 หรือ 0 3731 2284
3. วัดหงษ์ทอง จ.ฉะเชิงเทรา
“วัดหงษ์ทอง” ถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนพื้นที่ใช้สอยภายในวัดหายไปเกินครึ่ง ทำให้ปัจจุบันสิ่งก่อสร้างภายในวัดอยู่ในทะเลไปโดยปริยาย เราจึงมีโอกาสได้เห็นทั้งโบสถ์กลางน้ำ อาคารในทะเล รวมไปถึงพระเอกใหม่ของวัดอย่าง “ซีวอล์ค” หรือ สะพานกระจกใส สะพานแก้วที่ทอดตัวออกไปในท้องทะเล ที่กลายเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกของเมืองแปดริ้ว ในช่วงเวลาน้ำขึ้น เพราะถ้ามองผิวเผินจะดูคล้ายกับผู้คนกำลังเดินอยู่บนผิวน้ำ และกลายจุดชมพระอาทิตย์ตกทะเลแห่งใหม่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานฉะเชิงเทรา เบอร์โทรศัพท์ 0 3851 4009
4. วัดถ้ำเขาประทุน จ.ระยอง
“วัดถ้ำเขาประทุน” เป็นวัดที่มีภูมิประเทศเป็น หุบ ผา และยอดเขาสูง มีถ้ำเล็กถ้ำน้อยที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยอยู่ภายใน ด้านหน้าของวัดมี “ถ้ำพญานาคราช” ที่มีลำแสงจากช่องเขารูปทรงพญานาคที่มองแล้วชวนให้รู้สึกอัศจรรย์ใจ
แต่ไฮไลต์ของจริงคือการนั่งเรือลอดถ้ำในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนก.ค. - พ.ย. เข้าไปยัง “หุบผาสวรรค์” ที่พอหลุดออกมาจากความมืดของถ้ำ จะเหมือนทะลุออกมายังอีกมิติหนึ่ง ประกอบไปด้วยถ้ำอีกหลายถ้ำ ทั้งถ้ำนาคี ถ้ำรอยพระพุทธบาท และถ้ำหินงอกหินย้อย แถมยังมี “โพรงพญานาค” ซึ่งเป็นจุดที่คนเฒ่าคนแก่เล่าว่า เคยพบเห็นพญานาคเลื้อยผ่านเข้าออกอีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานระยอง เบอร์โทรศัพท์ 0 3865 5420-1
5. ถ้ำน้ำเขาศิวะ จ.สระแก้ว
“ถ้ำน้ำเขาศิวะ” เป็นถ้ำที่เมีน้ำไหลตลอดทั้งปี บริเวณด้านในของถ้ำจึงมีสภาพเหมือนสระว่ายน้ำ ต้องอาศัยการสวมชูชีพแล้วเกาะห่วงยางลอยคอเข้าไป โดยมีเจ้าหน้าที่คอยนำทางและบรรยายเรื่องราวของแต่ละจุดให้ฟังตลอดทริป
บรรยากาศด้านในเต็มไปด้วยความสวยงามของหินงอกหินย้อยรูปทรงหลากหลายตามแต่จะจินตนาการ และยังมีตำนานพ่อปูพญานาคองค์สีแดง ที่ชาวบ้านเคยพบเห็นแหวกว่ายอยู่ภายในถ้ำ ซึ่งเป็นที่มาของศาลพ่อปู่นาคาที่ตั้งอยู่บริเวณปากถ้ำ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานนครนายก เบอร์โทรศัพท์ 0 3731 2282 หรือ 0 3731 2284
- ภาคใต้
1. อุทยานธรรมเขานาในหลวง จ.สุราษฎร์ธานี
“อุทยานธรรมเขานาในหลวง” เป็นสำนักสงฆ์ที่สร้างขึ้นด้วยพลังศรัทธาของชาวบ้าน สถานที่แห่งนี้ เริ่มเป็นที่รู้จักจากความวิจิตรของประตูพุทธวดี หรือซุ้มประตูแห่งกาลเวลา ถือเป็นซิกเนเจอร์อันแสนงดงามยามเมื่อแสงเช้าตกกระทบ ก่อนจะต่อยอดพลังศรัทธา ด้วยการสร้าง เจดีย์ร้อยยอดพันองค์ เจดีย์ลอยฟ้าพุทธศิลาวดี เจดีย์ลอยฟ้าพุทธราชาวดี ทำให้ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ เป็นเหมือนสวรรค์บนดิน โดยเฉพาะยามทะเลหมอกเลื้อยพันรอบยอดเขา เจดีย์แต่ละองค์จะดูคล้ายกับลอยอยู่บนก้อนเมฆ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานสุราษฎร์ธานี เบอร์โทรศัพท์ 0 7728 8817-9
2. หมู่เกาะกำ จ.ระนอง
“หมู่เกาะกำ” ถูกขนานนามว่าเป็น “หมู่เกาะหลงยุค” เพราะชาวบ้านเลือกใช้ชีวิตอยู่กับวิถีธรรมชาติ โดยประกอบด้วย 3 เกาะ คือ เกาะกำตก หรืออ่าวเขาควาย ด้วยเอกลักษณ์ของอ่าวเป็นชายหาดที่โค้งมาติดกันเป็นรูปวงกลมตามแนวเหนือ-ใต้ มีชายหาดที่ขาวสะอาด เนื้อทรายเนียนละเอียด น้ำทะเลโดยรอบเกาะเป็นสีฟ้าใส สามารถเล่นน้ำได้
เกาะค้างคาว เหตุเพราะค้างคาวแม่ไก่ที่เคยอาศัยอยู่นับพันตัว บริเวณหน้าเกาะมีหาดทรายสีขาวละเอียดและนุ่มดั่งแป้งเด็ก พร้อมกับน้ำทะเลใสที่มองเห็นทราย โขดหิน และปะการังใต้น้ำได้แบบชัดเจน
เกาะญี่ปุ่น ชาวบ้านเล่าว่า เมื่อก่อนเคยมีชาวญี่ปุ่นมาเลี้ยงหอยมุก บางคนก็บอกว่าที่นี่เป็นที่ประกอบอาหารส่งเสบียงให้แก่ทหารญี่ปุ่นในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 สภาพพื้นที่มีภูเขาเล็ก ๆ ด้านหน้าเกาะเป็นแนวชายหาด หาดทรายมีสีขาวละเอียด บริเวณรอบเกาะสามารถดำน้ำชมปะการัง มีปลาการ์ตูนและปลาสวยงามอย่างอื่นมากมาย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท. สำนักงานชุมพร เบอร์โทรศัพท์ 0 7750 2775-6 หรือ 0 7750 1831
3. รอยพระพุทธบาทในทะเล สำนักสงฆ์เกาะแก้วพิสดาร จ.ภูเก็ต
“รอยพระพุทธบาทในทะเล” เป็นรอยพระพุทธบาท รอยที่ 5 “นัมมทานที” ซึ่งถือเป็น 1 ใน 5 รอยพระพุทธบาทที่ได้รับความศรัทธาเชื่อมั่นจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ตั้งอยู่ที่ “สำนักสงฆ์เกาะแก้วพิสดาร” โดยช่วงเวลาน้ำทะเลขึ้นสูงจะไม่สามารถเห็นรอยพระพุทธบาท แต่เมื่อน้ำทะเลลดลงจะสามารถมองเห็นรอยพระพุทธบาทได้อย่างชัดเจน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานภูเก็ต เบอร์โทรศัพท์ 0 7621 1036 หรือ 0 7621 2213
4. หินพับผ้า จ.นครศรีธรรมราช
ผาหินรูปร่างแปลกตาที่พบเห็นได้บริเวณกลางทะเลขนอม เป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่มีอยู่เพียงน้อยแห่งบนโลกใบนี้ มีลักษณะเป็นแผ่นหินซ้อนเรียงกันเป็นชั้น ๆ ซึ่งแต่ละจุดจะดูสวยงามแตกต่างกันตามแต่จะจินตนาการ โดยชาวต่างชาติเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “Pancake Rock” ส่วนคนไทยรู้จักกันในชื่อ “หินพับผ้า” เพราะดูคล้ายกับผ้าที่พับซ้อนกันเป็นชั้น ๆ
สามารถเดินทางมาชมชั้นหินได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่แนะนำ คือ เดือนม.ค. - เม.ย. โดยนักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือจากชุมชนแหลมประทับ เพื่อมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติแห่งนี้ได้ตลอดวัน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานนครศรีธรรมราช เบอร์โทรศัพท์ 0 7534 6515-6
5. เกาะตะรุเตา จ.สตูล
“ตะรุเตา” เกาะที่เต็มไปด้วยตำนานและคำบอกเล่า ทั้งขุมสมบัติ ถ้ำลับ โจรสลัด สัตว์ร้าย หรือแม้กระทั่งต้นไม้มีพิษ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเกาะตะรุเตามีภูมิประเทศหลากหลาย เต็มไปด้วยพืชพรรณแปลก ๆ รวมถึงสัตว์หายาก
อีกทั้งบนเกาะแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย โดยเฉพาะสถานกักกันตัวนักโทษ ซึ่งท้ายสุดแล้วกลายเป็นที่มาของตำนาน “โจรสลัดแห่งตะรุเตา” ช่วงเวลาที่เกาะตะรุเตาเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาผจญภัย คือ เดือนต.ค. - พ.ค.ของทุกปี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานสตูล เบอร์โทรศัพท์ 06 2595 7748
สามารถรับชมสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 25 แห่งผ่านมิวสิควิดีโอ “Unseen Music Vacation” เพลง “แรงดึงดูด” ร้องโดย “อิ้งค์ - วรันธร เปานิล” ศิลปินแถวหน้าของเมื่อไทย ที่จะสร้างแรงบันดาลใจการเดินทางท่องเที่ยวผ่านเสียงเพลง