‘เที่ยวกาฬสินธุ์’ ชมของดี ที่'วนอุทยานภูพระ' ป่าเต็งรังสวยงามมาก
‘เที่ยวกาฬสินธุ์’ คราวนี้ ‘คมฉาน ตะวันฉาย’ พาไปสำรวจ อำเภอท่าคันโท เยือน ‘วนอุทยานภูพระ’ ท่องเที่ยวในฤดูฝน อากาศสดชื่น ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี ขับรถเที่ยวอีสานช่วงหน้าฝน เป็นอะไรที่ดีต่อใจจริงๆ
เที่ยวกาฬสินธุ์ ยอมรับเลยครับว่าแม้จะเดินทาง ท่องเที่ยว มานาน ขับรถตระเวนเที่ยวทุกภูมิภาคไปทีละเป็นเดือนและทำแบบนี้มาเป็นสิบปีแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่ายังไม่ทั่ว ยิ่งเดินทางก็ยิ่งเห็นอะไรใหม่ๆเรื่อยอย่างเช่นคราวนี้ ก็เป็นการไปพบโดยบังเอิญ
จากการเดินทางท่องอีสานกลางที่แม้จะใช้เวลาถึง 28 วัน แต่ก็ไปแค่ไม่กี่จังหวัด ระหว่างที่เดินทางไปบนถนนสาย 2268 จาก อำเภอท่าคันโท ของ กาฬสินธุ์ กำลังจะเดินทางไป อำเภอหนองกุงศรี แล้วจะใช้สะพานเทพสุดาข้ามไปฝั่งสหัสขันธ์ ซึ่งอีสานหรือกาฬสินธุ์ในช่วง ฤดูฝน เป็นอะไรที่ผมชอบบรรยากาศมาก
เพราะมันเขียวขจี มองไปทางไหนก็สบายตา เห็นชาวบ้านทำนากัน ดูแล้วมีชีวิตชีวา ถนนโปร่งๆ ไม่ค่อยมีรถ ใครพอมีเวลาลองขับรถเที่ยวอีสานช่วงหน้าฝนครับ มันเป็นอะไรที่ดีต่อใจจริงๆ
ระหว่างทางที่มาจากท่าคันโทจะเห็นภูเขาเตี้ยๆ เขียวขจี สีสันตัดกับฟ้าสีฟ้าที่มีเมฆขาวๆลอยอยู่เต็มฟ้า ซึ่งพอเย็นๆฝนก็มักจะตก บนภูเขา เห็นมีพระพุทธรูปสีขาวอยู่ยังนึกในใจว่า ทำยังไงจึงจะขึ้นไปได้
ห่างจากย่านอำเภอท่าคันโท มาตามถนนหมายเลข2268 ราว 4 กิโลเมตร ผมก็เบรกพรืด เพราะไปสะดุดตากับป้ายเล็กๆ ที่เขียนบอกชื่อ วนอุทยานภูพระ ที่นี่ผมไม่เคยมา ด้วยความอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง ก็เลยเลี้ยวเข้าไปตามทางดิน ที่ในหน้าฝนก็จะมีน้ำขังตามหลุมบนทางบ้าง
เข้าไปไม่ไกล ก็ถึงด่านตรวจของวนอุทยาน ที่เขาให้เราไปลงชื่อการเข้าเยี่ยมชม ส่วนที่ทำการเขาก็อยู่ตรงนั้นแหละเป็นที่ทำการวนอุทยานเล็กๆ เห็นป้ายแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละแห่งก็น่าสนใจ
วนอุทยานภูพระ
‘ภูพระ’ ซึ่งเป็นพื้นที่ดูแลของ วนอุทยานภูพระนั้นเป็นภูเตี้ยๆ ในเขต อำเภอท่าคันโท อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนดงมูล ซึ่งถ้าท่านผู้อ่านอาวุโสหน่อยที่รับรู้ข่าวสารบ้านเมืองได้แล้ว เป็นช่วงที่คอมมิวนิสต์กำลังเฟื่องฟู ก็อาจจะคุ้นชื่อเขตปฏิบัติการดงมูลบ้างแน่ๆ ก็ภูเขาย่านนี้ละครับ วนอุทยานภูพระนั้นมาตั้งแต่ปี 2526 ทำไมผมถึงพลาดไม่เคยมาได้
สภาพป่าเต็งรังของภูพระ
ทางที่นำพาเข้าไปในแหล่งท่องเที่ยว เป็นทางดินตลอดเส้นทาง แต่สภาพค่อนข้างดี อย่างที่บอกว่าถ้าหน้าฝนก็มีน้ำขังในหลุมบนทางบ้าง แต่ไม่ลึก ไม่เละ ผมว่ารถแทบทุกชนิดมาได้ ถ้ารถเตี้ยหน่อยก็ค่อยๆมา
สองข้างทางในช่วงแรกที่เข้ามาจะเป็นต้นยูคาลิปตัสขนาดใหญ่ ที่เหมือนปลูกเพื่อฟื้นสภาพโดยเร็ว และคงปลูกมานาน ต้นใหญ่ๆทั้งนั้น แต่ถ้าเข้าไปลึกๆ ก็จะเป็นป่าเต็งรัง ที่ด้านล่างเขียวไปด้วยต้นหญ้าเพ็ก ที่ใบงามดีเหลือเกิน สังเกตทางจะขึ้นเนินเขาไปทีละนิด แสดงว่าเรากำลังขึ้นไปบนภูเขาแล้ว เพียงแต่ค่อยๆ ขึ้น ขับรถชมนกชมไม้ไปไม่นานก็ไปเจอกับจุดแรกคือ...ผาเสวย
ทิวทัศน์ที่สวยงามของ 'ผาเสวย'
จุดชมวิวผาเสวย
ผาเสวย เป็นลานหินทรายกว้าง ที่เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยมาก มองไปเห็นชายน้ำของ เขื่อนลำปาว กันเลยทีเดียว อย่างที่บอกว่า ใน ฤดูฝน อะไรก็ดูเขียวขจีไปหมด ทิวทัศน์ตรงหน้าจึงสวยไปด้วย
ลมพัดเอื่อยๆ ไม่รู้ว่าวนอุทยานเขาให้มาพักแรมที่ผาเสวยได้ไหม ถ้าได้ก็ดีมากเลย เป็นทำเลที่ดีมาก แต่ถ้าไม่ได้ ผมว่าถ้ามีเวลานานๆ น่าเอารถมาจอด ต้มกาแฟ นั่งจิบกาแฟ เสพธรรมชาติชิลๆ บรรยากาศดีมากๆ พูดถึงแล้วอยากไปอีก
ชั้นหินทราย ที่สะสมตัวกัน ที่ถ้ำเสียมสับ
จากผาเสวยไปตามทางเรื่อยๆ ไม่ไกล ก็จะไปถึงจุดจอดอีกที่หนึ่ง มีป้ายเขียนว่า ถ้ำเสียมสับ เป็นลานหินทรายเหมือนกัน แต่ด้านหน้ามีต้นไม้ใหญ่ขึ้นบังจึงไม่เห็นวิว
ผมลองเดินไปจนสุดแนวผาหินชะโงกดูด้านล่างจึงเห็นว่ามีทางเดินด้านล่าง เลยเดินลงไปด้านล่าง ซึ่งทางเดินอยู่ทางซ้ายมือของผาหิน
ชะง่อนผาเสียมสับ เมื่อมองจากด้านล่าง
ผานี้จะมีเพิงหินเป็นสองระดับ ชั้นแรกนั้นจะแคบๆ แต่ก็กว้างพอจะนั่งเล่น นอนเล่นได้ แต่ถ้าเดินลงไปให้ถึงชั้นล่าง ก็จะเป็นหน้าผาคล้ายกับที่ผาแต้ม เห็นชั้นหินทรายที่สะสมตัวในแต่ละช่วงยุคให้เห็นอย่างชัดเจน ลักษณะคล้ายผาแต้มครับ แต่ไม่สูงเท่า และไม่ยาวเท่า
ในหน้าฝนแบบนี้จะมีน้ำหยดตกลงมาจากหน้าผาลงด้านล่าง ทำให้บรรดาส้มกุ้งหรือบีโกเนียที่ขึ้นบนก้อนหินใต้ร่มเงาเพิงผา พลอยดูสดใสไปด้วย
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้ำนี้ชื่อเสียมสับจากอะไร มีคนเอาเสียมมาสับหินหรืออะไร รู้แต่ว่า มีชาวบ้านมาหาเห็ดกันเกลื่อนป่าเลย
เพิงถ้ำเสียมสับในชั้นที่สอง
ป่าเต็งรังที่สวยงาม
จากผาเสียมสับ ขับรถไปตามทางเรื่อยๆ สองข้างทางจะเป็นป่าเต็งรังที่สวยมาก สภาพทางจะมีหินในบางช่วง และจะมีช่วงที่ขึ้นเนินชันกว่าช่วงอื่นๆที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ชันมาก ไปได้เรื่อยๆ
ถ้าเป็นรถปิคอัพนี่สบายเลย รถเก๋งก็ต้องค่อยๆ มา ทางรถยนต์จะไปสิ้นสุดที่อาคารปลูกสร้าง มีรูปปั้น มีห้องน้ำ ให้เห็น แต่ไม่ได้สำรวจว่าห้องน้ำใช้ได้ไหม
ที่นี่คือที่ตั้งของ พระใหญ่ ที่ชาวบ้านเรียกกัน และก็คือ พระองค์สีขาวๆ ที่ผมเห็นจากถนน ที่อยู่บนยอดเขานั่นเอง
ส้มกุ้ง ที่ถ้ำเสียมสับ
องค์พระใหญ่ บนภูพระ
แต่ชื่อจริงๆ คือ พระพุทธอนันตชินคีรี ซึ่งเห็นว่ามีคนมากราบไหว้กันบ่อยๆ มิน่าละ ถนนหนทางที่มาถึง จึงดูเหมือนมีคนใช้งานตลอด ด้านล่างองค์พระ จะเป็นห้องโถง
แต่พอไม่ได้ใช้งานก็เลยดูโล่งๆมีน้ำแฉะๆบนพื้น ลานด้านบนหน้าองค์พระ จะเห็นทิวทัศน์ของพื้นที่ อำเภอท่าคันโท ซึ่งถ้ามาถึงพระใหญ่นี้ ก็แสดงว่าเรามาไกลจากที่ทำการวนอุทยานแล้ว 7.5 กิโลเมตร
ซึ่งตามป้ายที่ด่านตรวจบอกว่าใกล้กันจะมีถ้ำพระอยู่ เราก็จอดรถตรงพระใหญ่นี่ละครับ แล้วเดินไปตามทางเดินเท้าอีก 80 เมตร ก็เจอทางเดินลงหน้าผา เดินลงไปไม่ถึง 10 เมตรก็จะไปถึงลานกว้างๆ หน้าเพิงผา ที่มีโพรงดินขนาดใหญ่ มีป้ายติดว่า ‘ถ้ำพระ’
ปากถ้ำพระ
เพิงหินทรายที่ถ้ำพระ
ถ้ำพระ ที่ว่านี้ อยู่ใต้เพิงหินทรายที่ไม่สูงมากนักมีดินหนุนแผ่นหินผาอยู่ ตัวถ้ำที่ว่าถูกขุดเจาะเข้าไปใต้เพิง กว้างราว 5 เมตร สูงราว 2.5 เมตร แล้วค่อยๆแคบลงเรื่อยๆ
ลึกเข้าไปราว 25 เมตร ด้านในสุด เขาขุดดิน ทำเป็นชั้นเป็นหิ้ง พื้นถ้ำค่อนข้างเรียบ มีค้างคาวมาอาศัยในถ้ำแน่ เพราะทั้งกลิ่น ทั้งมูลค้างคาวบนพื้นถ้ำ
ถ้าอนุมานเอาตามชื่อถ้ำ ผมว่าถ้ำนี้น่าจะถูกพระท่านขุด เพื่อเป็นที่บำเพ็ญธรรม ก่อนที่ทางวนอุทยานจะมาตั้งเมื่อปี 2526 เพราะมีการปรับแต่งถ้ำอย่างดี
ด้านในของถ้ำพระ
อีกทั้งด้านหน้าถ้ำก็เป็นลานขนาดพอประมาณ ที่ซ่อนตัวมิดชิดเลย แต่ร่มรื่นด้วยร่มเงาไม้สารพัด และทางอีสานก็มีพระสายปฏิบัติหลายรูปเลย ผมเคยเจอถ้ำที่มีการขุดแต่งแบบนี้มาบ้างแล้ว แต่ถ้ำพระที่นี่ ดูดีกว่าหลายที่ ที่เคยเห็นมาเลย
แต่ละจุดท่องเที่ยวของวนอุทยานภูพระที่เล่ามานั้น เดินทางไม่ยากเลย มาง่ายมาก และถูกใจผมมาก เพราะไม่สวยจนเวอร์วัง แต่สวยแบบกรุบกริบ พื้นที่สะอาด เงียบสงบ เป็นธรรมชาติและไม่วังเวงเลย ที่สำคัญ จะเรียกว่ารถถึงทุกจุดก็ว่าได้ สถานที่แบบนี้ รอดตาคนเดินทางมาได้ยังไง
อำเภอท่าคันโทนั้น แต่ก่อนผมก็ไม่คิดว่าจะมีที่เที่ยวอะไร แต่พอลองได้แวะ ได้ดูละเอียดจริงๆ ท่าคันโทเขาก็มีดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ ‘วนอุทยานภูพระ’ แห่งนี้แหละ....