‘เที่ยวลพบุรี’ ลึกลับในขุนเขา...วัดถ้ำคีรีบัววนาราม
: ‘เที่ยวลพบุรี’ ลัดเลาะไปในขุนเขา ถ้ำสุพรรณคูหา หรือวัดถ้ำคีรีบัววนารามแห่งนี้ ไม่ใช้ถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยในถ้ำที่สวยงาม แต่เป็นถ้ำที่ดูลึกลับ เงียบสงบ
ครั้งนี้ขอเอาใจ คนที่ชอบแนวลึกลับ สำรวจหุบเขาถ้ำ เดินไปท่ามกลางความมืด กันบ้าง ซึ่งโดยส่วนตัว ผมชอบลุยเดี่ยว ออกไปดูถ้ำ สำรวจถ้ำหลายๆแห่ง ไม่ว่าถ้ำหินปูน ถ้ำหินทราย หรือจะถ้ำแบบหินแกรนิตก็ตาม ซึ่งบรรดาถ้ำทั้ง 3 แบบนี้ ถ้ำในเขาหินปูนจะเป็นถ้ำที่ดูลึกลับที่สุด เพราะมีรูปลักษณ์ที่ไม่แน่นอน
แตกต่างจากถ้ำหินทรายและถ้ำหินแกรนิต ที่มีฟอร์มถ้ำแต่ละแห่ง ไม่แตกต่างกันมากนัก นานๆจะเจอรูปแบบแปลกๆ แต่ถ้ำหินปูนนั้น คาดเดารูปแบบไม่ได้เลย อีกทั้งจะมีปรากฏการณ์ในถ้ำหินปูนอีกหลายอย่าง นอกจากหินงอก หินย้อย ทำนบถ้ำ เสาถ้ำ ฯลฯ ยังมีอะไรแปลกๆ อีกเยอะ เพราะเหตุนี้ผมถึงชอบที่จะไปแสวงหาถ้ำใหม่ๆ เป็นอย่างมาก
ที่ไหนมีเขาหินปูน ที่นั่นก็จะมีถ้ำหินปูน
แล้วแนวเทือกเขาหินปูนก็มีกระจายกันอยู่ทั่วไปในบ้านเรา โดยเฉพาะทางตะวันตกและภาคใต้ อาจจะมีบางเบาบ้างก็ในทางภาคอีสานตอนเหนืออย่างในจังหวัดเลย และชัยภูมิ เป้าหมายของผมคราวนี้ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพ หากแต่อยู่ในเขต อ.ลำสนธิ ของลพบุรี ต่อเนื่องกับเขตมวกเหล็กของสระบุรีแค่นี้เอง
นั่นคือ วัดถ้ำคีรีบัววนาราม หรือ วัดถ้ำสุพรรณคูหา นั่นเอง ที่นี่มีดีนะแหละผมถึงได้มาแนะนำ
มาดูการเดินทางกันก่อนว่าจุดหมายปลายทางเราอยู่ตรงไหน ให้ท่านผู้อ่านจับจุดที่แยกม่วงค่อม บนถนนสาย 21 ถนนที่จะนำพาเราไป จังหวัดเพชรบูรณ์ นั่นเอง ซึ่งพอไปถึงแยกม่วงค่อม ให้เลี้ยวขวา มาตามถนนหมายเลข 2256 (ซึ่งถนนเส้นนี้จะไปออกที่อำเภอด่านขุนทด)
เลี้ยวขวาไปแล้ว ก็จะผ่านอำเภอท่าหลวง ผ่านแยกลำพญาไม้(ทางเข้าไปชมจำปีสิรินธร) พอผ่านโรงเรียนหนองโกทางขวามือ สี่แยกต่อไป ก็เตรียมเลี้ยวขวา เข้าไปตามถนนหมายเลย 2247 (ถนนเส้นนี้จะไปออกปากช่องได้)
เข้ามาตามทางไม่ไกลครับสังเกตทางขวามือ จะเห็นแนวเขาหินปูนเตี้ยๆ ไม่สูงนัก จะเห็นมีอาคารสิ่งปลูกสร้างอยู่กลางเขา นั่นแหละครับคือ ‘วัดถ้ำคีรีบัววนาราม’ หรือ ‘วัดถ้ำสุพรรณคูหา’
เลี้ยวขวาเข้าไปตามทางเข้าวัด ทางจะไปอ้อมภูเขาขึ้นไปยังวัดที่อยู่บนเขา ที่เราเห็นแต่ไกลนั่นเอง พอจอดรถในลานจอดในวัด ก็จะเห็นวิหารหลังใหญ่ที่อยู่บนเนิน ลองเดินไปดูก็จะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามเบื้องล่าง ที่มีบันไดนาคทอดยาวจากข้างล่างขึ้นมาด้านบนได้ ส่วนถ้ำของเราอยู่ทางด้านล่างตรงลานจอดรถนั่นเอง
วัดถ้ำคีรีบัววนาราม ที่อยู่บนภูเขา มองเห็นได้จากไกลๆ
จากลานจอดรถ เดินไปราว 30 เมตร ก็จะเห็นปากถ้ำกว้าง มีบันไดปูนทอดยาวลงไป เดินตามบันไดปูนลงไปจะมีกุฏิสงฆ์ สร้างอยู่ริมชายถ้ำ และมีโถงถ้ำอยู่ต่ำลึกลงไปอีก บันไดปูนจะนำพาลงไปจนถึงหลืบถ้ำอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเขาเทพื้นเป็นพื้นปูนไว้ มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่
ตรงนี้จะเป็นคล้ายโถงเล็กๆ ดูร่องรอยเหมือนพระท่านมานั่งวิปัสสนา แต่สงบและสงัดมาก อีกทั้งมีแสงสลัวๆ จากปากถ้ำใหญ่ ที่ยังสาดแสงลงมาได้ ไม่ถึงกับมืด ที่น่าสนใจคือ บนเพดานถ้ำอีกด้านหนึ่ง จะมีหน้าต่างถ้ำ ใกล้ๆกันสองโพรงใหญ่ๆ ตรงกลางระหว่างโพรงถ้ำนั้นจึงกลายเป็นสะพานถ้ำไปโดยปริยาย
อากาศในบริเวณเพิงถ้ำหน้าพระพุทธรูป นี้ถึงไม่อับ มีอากาศถ่ายเท ทั้งมีเถาวัลย์ห้อยลงจากเพดานถ้ำหลายเส้น เพิ่มบรรยากาศขรึมขลังได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ เงียบสงบมาก เหมาะกับการมาบำเพ็ญธรรมวิปัสสนาจริงๆ
นั่งชื่นชมบรรยากาศอยู่ตรงนี้นานสองนาน แต่ยังมีถ้ำใหญ่อยู่ด้านล่างที่ยังไม่ได้ลงไปสำรวจ เราสามารถมองเห็นโถงถ้ำขนาดใหญ่ ที่ยังพอมีแสงลงไปได้รำไรๆ แต่ทางเดินลงไปไม่เด่นชัด ไม่มีการทำทางหรือบันได
ต้องค่อยๆเดินลัดเลาะลงไปตามก้อนหินใหญ่น้อย จนลงไปถึงโถงด้านล่าง จึงเห็นแคร่ไม้ มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ แต่คงไม่มีคนลงมานานแล้ว บนแคร่จึงดูมีแต่ฝุ่นดิน พื้นถ้ำก็ยุบลงทุกครั้งที่เราย่ำเดินลงไป แสดงถึงการที่ไม่มีคนลงมานาน
ท้ายโถงมีซอกหลืบถ้ำ สูงแต่แคบ และมืด แต่มีสายไฟโยงเข้าไป เมื่อก่อน คงเคยมีการเดินไฟเข้าไป ดีที่ผมเตรียมไฟฉายมา จึงเดินเข้าไปตามซอกหลืบนั้น ช่องทางแคบ กว้างกว่าหัวไหลไม่มาก แต่เพดานสูงค่อยๆสอบแคบจนจรดเพดาน เดินเข้าไปได้ราว 50 เมตร
ช่องแคบๆ ก็จะเริ่มกว้างขึ้น มีหลืบถ้ำทั้งซ้ายขวา ครั้นเดินต่อไปอีก ราว 20 เมตร ก็จะเจอโถงกว้างพอประมาณ เพดานถ้ำก็สูงราว 10 เมตร มีการปรับพื้นถ้ำให้เสมอกัน มีพระพุทธรูปประดิษฐานภายใน แต่คงไม่มีคนเข้ามาใช้งานนานแล้ว จึงมีขี้ค้างคาวอยู่บนพื้น หินงอกหินย้อยมีบ้าง แต่ไม่มาก
ผมไปในช่วงฤดูฝน เลยยังเห็นมีน้ำหยดลงมาบ้าง ตามฝนังถ้ำยังเห็นสายไฟพาดอยู่ อย่างที่บอกว่า แต่ก่อนคงเคยมีการเดินไฟฟ้าเข้ามาให้ความสว่าง แต่ตอนนี้ ทุกอย่างมืดสนิท ผมเข้าไปคนเดียว พอดับไฟฉายแล้วอยู่นิ่งๆ จะ ได้ยินแม้เสียงหายใจอันแผ่วเบาของตัวเอง
เราเคยอยู่แต่ในเมืองที่มันไม่ได้มืดจริงๆ ขนาดกลางคืนดับไฟนอน แสงไฟจากถนนยังลอดเข้ามาทางหน้าต่างได้ พอมาอยู่ในถ้ำคีรีบัวแห่งนี้ จึงได้รู้ซึ้งถึงความมืดจริงๆ ว่ามันสงัดอย่างไร
ขากลับ พอเดินออกมาตามช่องทางที่เดินเข้าไปนั้น ในช่วงที่ใกล้จะออกสู่โถงถ้ำด้านนอก จะเห็นแสงรำไรๆ สลัวๆมา มันเหมือนกับออกมาสู่อีกโลกหนึ่งในทันที จากโลกที่มืดมิด ออกมาสู่โลกแห่งความสว่าง แม้ว่าแสงที่สลัวมาจนถึงโถงน้ำนี้จะไม่ได้สว่างมาก แต่พอเราออกมาจากที่มืดสนิท แสงสลัวเพียงแค่นี้ก็ดูว่าสว่างมากมายแล้ว พอออกมาสู่ความสว่าง มันดูโลกสดใสขึ้นมาทันที
หน้าวัดด้านล่าง
ค่อยๆ เดินขึ้นเนิน มาจากโถงถ้ำด้านล่าง มานั่งอยู่หน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ในหลืบถ้ำด้านบนในตอนแรก นั่งชื่นชมธรรมชาติอยู่นาน ผมใช้เวลาอยู่ในถ้ำ และในวัดถ้ำคีรีบัวเกือบ 3 ชั่วโมง ทั้งวัดเงียบสงบมาก แทบไม่เห็นคนเดินไปมาเลยทุกอย่างเงียบสงบไปหมด มีเพียงสุนัข 4-5 ตัวที่นอนหลบแดดตามร่มไม้ กับไก่ที่ออกคุ้ยเขี่ยหาอาหารเท่านั้น
ปากทางเข้าถ้ำ
ทิวทัศน์เมื่อมองมาจากศาลาด้านบน
ถ้ำสุพรรณคูหา หรือ วัดถ้ำคีรีบัววนาราม แห่งนี้ ไม่ใช้ถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยในถ้ำที่สวยงาม แต่เป็นถ้ำที่ดูลึกลับ เงียบสงบ สำหรับคนที่กลัวความเงียบ กลัวความมืด อาจจะไม่ถูกใจที่นี่นัก แต่ถ้าหากชอบความสงบ ชอบความลึกลับ ผมว่าที่นี่น่าจะถูกใจคนที่ชอบแนวนี้
ปากถ้ำคีรีบัว
มองจากหลีบถ้ำแรกขึ้นไปทางทางลงมา
สะพานถ้ำ
พระพุทธรูปในโถงถ้ำด้านล่าง
ภายในถ้ำมืดของถ้ำคีรีบัว
โถงถ้ำล่าง เมื่อมองจากปากถ้ำลงไป
จริงๆ แล้ว ในย่านนี้ยังมีวัดที่มีถ้ำ มีอะไรให้ค้นหาอีกมากมาย มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายอยู่ในพื้นที่ จึงเหมาะที่จะเป็นสถานที่ที่น่าขับรถเที่ยวเล่นอย่างมาก
บางครั้ง แหล่งท่องเที่ยวง่ายๆ ที่สวยงาม ก็ไม้ได้อยู่ไกล อยู่แค่สระบุรี-ลพบุรีนี่ก็มีอะไรให้ดูมากแล้ว แค่ออกเดินทาง ก็จะพบเห็นแล้ว.....