‘เที่ยววัดมหาธาตุฯ’ พระอารามหลวงแรก แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

‘เที่ยววัดมหาธาตุฯ’ พระอารามหลวงแห่งแรก ของ กรุงรัตนโกสินทร์ เตรียม สมโภช 338 ปี รู้สึกทึ่งในความวิจิตรงดงาม และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่า และวันที่ 27 ธันวาคม 2566 ถึง 2 มกราคม 2567 จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นเป็นครั้งแรก
‘เที่ยววัดมหาธาตุฯ’ สำหรับสายมู และสายศิลปวัฒนธรรม ไม่ควรพลาดชมความงามภายใน วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ หลายคนถามว่า วัดอยู่ตรงไหน พอบอกว่าอยู่ข้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตรง ท้องสนามหลวง บ้างก็บอกว่าผ่านไปมาแถวนั้นกว่า 20 ปี ไม่เคยทราบว่าด้านในของวัดซ่อนเสน่ห์ที่ทรงคุณค่าเอาไว้
วัดนี้มีอายุเก่าแก่ถึง 338 ปี ไม่เคยมีงานสมโภช หรือฉลองครบรอบเลยสักครั้ง ดังนั้น ระหว่าง วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๗ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ เตรียมสมโภชใหญ่ ๓๓๘ ปี ๗ วัน ๗ คืน
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๗๒ พรรษา ในปี ๒๕๖๗ และเพื่อรำลึกถึงบูรพกษัตริย์และบูรพาจารย์ และถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)
คณะกรรมการจัดงานสมโภชพระอารามหลวง ๓๓๘ ปี โดย ฐนิวรรณ กุลมงคล กรรมการอำนวยการฝ่ายฆราวาส ได้จัดกิจกรรม ‘สื่อมวลชน เยือนวัดมหาธาตุฯ’ ก่อนงานสมโภช พระอาราม
โดยเปิดเส้นทางท่องเที่ยวสายบุญ ‘ไหว้พระ-ขอพร รับปีใหม่ ๒๕๖๗’ ชมสถาปัตยกรรม ศิลปะวัดวัง ยุคต้นรัตนโกสินทร์ เรียนรู้เรื่องราวในประวัติศาสตร์ และพระพุทธศาสนา โดยมีวิทยากรผู้บรรยายด้านประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม อาจารย์นัท จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา
เส้นทางเข้าชม สถานที่สำคัญของวัดวังหน้า เริ่มจาก ประตูทางเข้า ฝั่งถนนพระจันทร์-สนามหลวง จุดแรก พบกับ ๓ สถานที่สำคัญ ได้แก่ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ วิหารโพธิ์ลังกา พระบวรราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
ต้นพระศรีมหาโพธิ์’ หรือเรียกสั้นๆว่า โพธิ์ลังกา ที่เก่าแก่ที่สุด อายุประมาณ ๒๐๕ ปี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ส่งคณะพระสงฆ์สมณทูตไทยออกไปสืบพระศาสนาในลังกาทวีป เป็นเวลาประมาณ 5 ปี
และในตอนกลับ ได้นำหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ จากเมืองอนุราธบุรี ประเทศศรีลังกา มาปลูก ในปี พ.ศ.๒๓๖๑ นับเป็นครั้งแรกที่นำต้นพระศรีมหาโพธิ์จากศรีลังกาเข้ามาปลูกใน กรุงรัตนโกสินทร์
สุดทึ่งเมื่อได้ทราบว่า ใกล้ๆกับต้นโพธิ์ มีวิหารเล็กๆชื่อ วิหารโพธิ์ลังกา เป็นพระวิหารน้อย ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่๔ และเคยเป็นตำหนักที่ประทับเมื่อครั้งทรงพระผนวชอีกด้วย
‘พระบวรราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท’
ภายในวัดยังมี พระบวรราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ปี ๒๕๒๑ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเสด็จมาวางศิลาฤกษ์ และทรงเททองหล่อพระบวรราชานุสาวรีย์
มีขนาดเท่าครึ่ง อยู่ในลักษณะประทับยืนบนเกย หันพระพักตร์ออกสู่สนามหลวง พระหัตถ์ทั้งสองยกพระแสงดาบเหนือพระอุระเพื่อจบถวายเป็นพุทธบูชา ภายในฐานบรรจุเนื้อดินซึ่งเก็บจากแผ่นดินที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เสด็จกรีธาทัพเข้ามาทั้งสิ้น ๒๘ แห่ง
ตึกแดง
จุดที่สาม เป็น ศาสนสถานที่สำคัญ คือ เขตพุทธาวาสของวัด ๓ แห่ง ได้แก่ พระมณฑปพระธาตุ พระอุโบสถ พระวิหาร
พระมณฑปพระธาตุ เป็นสถาปัตยกรรมทรงไทย หลังคาลด 2 ชั้น ประดับช่อฟ้าใบระกา หน้าบันเป็นไม้แกะสลักปิดทองประดับกระจก ตรงกลางเป็นรูปพระลักษณ์ทรงหนุมานยืนแท่น ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ส่วนบนของพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนใต้ฐานพระเจดีย์ บรรจุพระบรมอัฐิของพระปฐมบรมมหาชนก (ต้นราชวงศ์จักรี)
พระบรมสารีริกธาตุ
ภายในพระอุโบสถ
เราจะได้เห็น แผ่นศิลาจารึกดวงชะตา(พิชัยสงคราม) ซึ่งจารึกเป็นอักษรสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นหลักฐานสำคัญเก่าแก่ที่สุด ซึ่งมีหลักฐานปรากฏปีที่สร้าง พศ.๒๒๒๘
เป็นเครื่องแสดงว่า วัดมหาธาตุฯ มีอายุ ๓๓๘ ปี แต่เดิมติดอยู่ที่ฐานพระประธาน ต่อมาได้ถูกอัญเชิญไปไว้ในสระทิพยนิภาเป็นเวลาประมาณ ๓๓ ปี และนำมาเก็บไว้ในพระวิหารมาจนถึงปัจจุบัน
สมเด็จพระวันรัต (เฮง)
ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมเฉลิมฉลองสมโภชพระอาราม ๓๓๘ ปี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวงแห่งแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยการร่วมบูรณปฏิสังขรณ์ ปรับภูมิทัศน์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ให้งามสง่าสืบไป สั่งสมเสบียงบุญ เกื้อหนุนพระศาสนา ทุกบาทของท่านมีค่าเป็นมหากุศล
ทุกบาทมีค่า เป็นมหากุศล ร่วมบุญได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ ชื่อบัญชี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ สมโภชพระอาราม เลขที่บัญชี ๙๐๕-๐-๒๒๗๕๐-๔
เดิมชื่อ วัดสลัก สันนิษฐานว่า วัดนี้แต่ก่อนมีพระภิกษุเป็นช่างฝีมือแกะสลักอยู่จำนวนมาก อาจเป็นเหตุให้ชาวบ้านเรียกชื่อวัดว่า ‘วัดสลัก’
เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งเมืองธนบุรีเป็นราชธานี สร้างพระนครทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา วัดสลักอยู่ในพระนครฝั่งตะวันออก จึงทรงยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เป็นที่สถิตของพระราชาคณะ
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาจักรีบรมนารถ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯ ย้ายพระนครมาฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา จึงทำให้มีวัดที่อยู่ใกล้ชิดพระราชวังที่สร้างขึ้นใหม่ 2 วัดคือ วัดโพธาราม และวัดสลัก
1. วัดโพธาราม อยู่ชิดกับพระบรมมหาราชวังข้างด้านใต้ รัชกาลที่ 1 ทรงสถาปนาวัดนี้และพระราชทาน นามว่า ‘วัดพระเชตุพน’
2. วัดสลัก อยู่ข้างเหนือพระบรมมหาราชวัง แต่อยู่ชิดด้านใต้พระราชวังบวรฯ สมเด็จพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงสถาปนาวัดสลักและขนานนามใหม่ ชื่อว่า
‘วัดนิพพานาราม’ ‘วัดพระศรีสรรเพชญ’ ‘วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ’ และในสมัยรัชกาลที่๕ ได้เพิ่มสร้อยนามของวัด เป็น ‘วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์’
งานสมโภชวัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร