‘เกาหลี’ เกาใจ ถ้าไป ‘กรุงโซล’ ต้องห้ามพลาด 3 สถานที่แห่งนี้
แนะนำ 3 สถานที่ต้องห้ามพลาด สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว 'กรุงโซล' ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อสัมผัสกับความเป็น 'เกาหลี' แท้ ๆ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
การมาท่องเที่ยวประเทศเกาหลี มีสถานที่มากมายให้ไปเที่ยวชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 'กรุงโซล' (Seoul) เราขอแนะนำ 3 สถานที่ท่องเที่ยว ที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมและไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ดังนี้
(1)
พระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace)
ในกรุงโซล มีพระราชวังทั้งหมด 5 แห่ง ที่นี่เป็น 1 ใน 5 พระราชวังแห่งราชวงศ์โชซอนในกรุงโซลที่มีชื่อเสียงมาก รองจากพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) ที่เป็นพระราชวังหลัก
พระราชวังนี้สร้างในปี ค.ศ.1405 ในสมัยของกษัตริย์แทจง (Taejong of Joseon ค.ศ.1367-1422) เป็นที่พำนักของกษัตริย์ในราชวงศ์โชซอน (Joseon Dynasty) ถึง 9 พระองค์
ชื่อของพระราชวังในภาษาเกาหลีมีความหมายว่า พระราชวังแห่งความเจริญรุ่งเรือง รู้จักกันในนาม พระราชวังตะวันออก (East Palace) เพราะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวังเคียงบกกุง
ปี 1592 พระราชวังถูกเผา ในสงครามอิมจิน (Imjin War) ช่วงญี่ปุ่นรุกรานเกาหลี (ค.ศ.1592-1598) ได้รับการบูรณะในปี 1609 โดยพระเจ้าซอนโจและองค์ชายควังแฮกุน (Gwanghaegun ค.ศ.1575-1641)
ปี 1623 พระราชวังถูกเผาจากเหตุจราจล ขุนนางยึดอำนาจ สถาปนาองค์ชายนึงยางขึ้นเป็นพระเจ้าอินโจ (Injo of Joseon) รัชกาลที่ 16 แห่งราชวงศ์โชซอน ต่อมาพระราชวังก็ถูกประเทศจีนโจมตี
ปัจจุบันอาคารส่วนใหญ่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติของชาติ มีอาคาร 13 หลัง ศูนย์กลางอยู่ที่ พระที่นั่งอินจอง (Injeongjeon Hall)
ในปี 1997 ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ว่าเป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรม กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าทางศิลปะและสถาปัตยกรรม
บริเวณที่มีชื่อเสียง ต้องห้ามพลาด เมื่อมาเยือนพระราชวังแห่งนี้ คือ
- สวนฮูวอน (Huwon) สวนลับ หรือ สวนต้องห้าม
เป็นสถานที่ส่วนตัวของกษัตริย์ ขุนนายยศใหญ่ๆ ก็ยังไม่สามารถเข้ามาในที่นี้ได้ นักท่องเที่ยวจะต้องมีไกด์นำเที่ยวพามาเท่านั้น และต้องเสียค่าบัตรผ่านประตู มีการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมด้วย
มีชื่อทางการว่า ชางด็อกกุงฮูวอน (Changdeokgung Huwon) คำว่า ฮูวอน (Huwon) หมายถึงสวนด้านหลัง
มีเนื้อที่ 78 เอเคอร์ มีศาลา, สระบัว, สวนดอกไม้ กว่า 26,000 ต้น บางต้นอายุกว่า 300 ปี มีความสวยงามมาก ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ฤดูใบไม้ร่วง
นอกจากสวนฮูวอนแล้ว สถานที่สำคัญในพระราชวังแห่งนี้ ที่ต้องมาชม คือ
- ประตูทนฮวามุน (Donhwamun Gate)
ประตูหลักของพระราชวัง สร้างในปี 1412 ในสมัยของกษัตริย์แทจง (Taejong of Joseon) เป็นทางเข้าของกษัตริย์ และใช้ประกอบพระราชพิธีที่สำคัญ เป็นอาคารเก่าแก่ที่สุดในพระราชวัง
- สะพานคึมชอนกโย (Geumcheonggyo Bridge)
เป็นสะพานระหว่าง ประตูทนฮวามุน (Donhwamun Gate) กับ ประตูชินซอนมุน (Jinseonmun) แบ่งเขตการเข้าสู่เขตพระราชฐาน เป็นสะพานหินเก่าแก่ที่สุดที่ยังเหลืออยู่ในพระราชวังสมัยโชซอน
พระราชวังชางด็อกกุง จะมีการจัด ทัวร์แสงจันทร์ ปีละ 2 ครั้ง เป็นการแสดงแบบดั้งเดิมยามค่ำคืน
ค่าเข้าชม
พระราชวังชางด็อกกุง (Changdeokgung Palace) ปิดทุกวันจันทร์
ผู้ใหญ่ 3,000 วอน / เด็ก (อายุ7-18) 1,500 วอน/ กลุ่ม (10 คนขึ้นไป) 2,400 วอน
สวนลับ (ฮูวอน Huwon) ปิดทุกวันจันทร์
ผู้ใหญ่ 5,000 วอน/ เด็ก (อายุ 7-18) 2,500 วอน
การเดินทาง
ที่ตั้ง : 99 Yulgok-ro, Jongno-gu, Seoul 03072 เว็บไซต์ www.cdg.go.kr
Subway : Jongno 3-ga Station (Line 1, 3, 5 Exit 7) // Anguk Station (Line 3 Exit 3)
Bus : Blue Bus 109 151 162 171 172 272 // Green Bus 7025
จากสถานที่จริงในอดีต นำพาทุกท่านย้อนความทรงจำผ่านซีรีส์ ไปสัมผัสสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และละคร ให้เราได้หลุดเข้าไปอยู่ในฉากนั้น ๆ ด้วย ที่
(2)
หมู่บ้านพื้นเมืองเกาหลีโบราณ (Korean Folk Village)
จากกรุงโซล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็จะถึงเมือง ยงอิน (Yongin) ที่มี หมู่บ้านพื้นเมืองเกาหลีโบราณ สถานที่รัฐบาลสร้างไว้เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์และซีรีส์เกาหลี
บ้านเรือนและสิ่งก่อสร้าง มีตั้งแต่ยุคกลางไปจนถึงปลายราชวงศ์โชซอน
สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1974 เพื่อถ่ายทอดขนบธรรมเนียมประเพณีเกาหลี ผ่านบ้านโบราณกว่า 282 หลัง
มีพิพิธภัณท์พื้นบ้าน, พิพิธภัณท์ศิลปะเกาหลี, เวิร์คช็อป สาธิตหัตถกรรมพื้นบ้าน ตีดาบ, ทำกระดาษ, ชงชา, ทำตะกร้า, เย็บปักถักร้อย, การทำตะกร้า
มีตลาดพื้นบ้าน จำหน่ายขนมและเครื่องแบบโบราณ ร้านขายของที่ระลึก
มีลานกลางแจ้งจัดแสดงทางวัฒนธรรม ระบำชาวนาไต่เชือก, ขี่ม้าผาดโผน, พิธีแต่งงาน
มีสวนสนุกขนาดเล็ก และบ้านผีสิง สำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้นท้าทาย
ค่าเข้าชม
หมู่บ้านพื้นเมืองเกาหลีโบราณ เปิดทุกวัน
ผู้ใหญ่ 32,000 วอน / เด็ก 26,000 วอน / ผู้สูงอายุ เด็ก 22,000 วอน
การเดินทาง
ที่ตั้ง : 90 Minsokchon-ro, Yongin-si, Gyeonggi-do 17075 เว็บไซต์ www.koreanfolk.co.kr
รถไฟใต้ดิน Sinnonhyeon Subway Station Gangnam Subway Staion 5001-1 (Express bus) และ Sinnonhyeon Subway Station Gangnam Subway Staion 1560 (Non-stop and seated)
เพลิดเพลินในโลกอดีตจนหนำใจแล้ว กลับมาสู่ความเป็นจริงในโลกปัจจุบัน และมุ่งหน้าสู่อนาคตกันต่อบนภูเขา ที่
(3)
พิพิธภัณฑ์ซาน Museum SAN
จากกรุงโซล ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงก็จะถึง พิพิธภัณฑ์ซาน Museum SAN
สถานที่ท่องเที่ยวที่ความลงตัวของศิลปะ สถาปัตยกรรม และธรรมชาติ มาอยู่รวมกันได้อย่างกลมกลืน สวยงาม ท่ามกลางภูเขา และอากาศเย็นสบาย
พิพิธภัณฑ์ ซาน Cr. Kanok Shokjaratkul
ภายในมี 3 สวน ได้แก่ สวนดอกไม้ Flower Garden, สวนน้ำ Water Garden, สวนหิน Stone Garden ที่มีการจัดวางให้เหมือนกับสุสานยุคโบราณเกาหลี (Silla)
ในส่วนของอาคาร มีการใช้รูปทรงเรขาคณิตมาจัดแสดง แทนความหมายของ มนุษย์ โลก และท้องฟ้า
พิพิธภัณฑ์ ซาน Cr. Kanok Shokjaratkul
ที่นี่เดิมมีชื่อว่า พิพิธภัณท์ฮันโซล (Hansol) ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังระดับโลกชาวญี่ปุ่น ทาดาโอะ อันโด (Tadao Ando)
สถาปัตยกรรมแห่งนี้เปลี่ยนแปลงมุมมองและความงดงามไปตามฤดูกาลของธรรมชาติที่เปลี่ยนไป
จัดแสดงผลงานศิลปะสมัยใหม่ ของ เจมส์ ทูร์เรลล์ (James Turrell) ศิลปินชาวอเมริกัน ผู้มีชื่อเสียงเรื่องการใช้แสงและพื้นที่ จนได้ชื่อว่า พ่อมดแห่งแสง
มีการจัดแสดงศิลปะเกาหลีแบบร่วมสมัย วิวัฒนาการของกระดาษ และงานฝีมือต่าง ๆ
ที่ตั้ง : 260 Oak valley 2-gil, Jijeong-myeon, Wonju-si, Gangwon-do 220-821 South Korea เว็บไซต์ www.museumsan.org
ค่าเข้าชม
พิพิธภัณฑ์ ซาน ปิดทุกวันจันทร์
ผู้ใหญ่ 22,000 วอน นักศึกษา14,000 วอน
การเดินทาง
รถบัส Wonju Intercity Bus Terminal / Express Bus Terminal
รถแท็กซี่ / Wonju City Tour Bus / Oak Valley Resort Shuttle Bus
แล้วต่อรถบัสของพิพิธภัณฑ์ รับส่งฟรี
Cr. Kanok Shokjaratkul
อาหารเกาหลี มาถึงที่แล้วต้องชิม
จากการรับประทานอาหารหลายมื้อในเกาหลีพบว่า
1) เกาหลีไม่มี มะนาว เมื่อเราขอมะนาว บางที่ก็ไม่มีให้ แต่บางที่ก็นำ เลม่อน มาให้
2) เกาหลีไม่มี อ้อย ทำให้ไม่มีน้ำตาล ต้องนำเข้าอย่างเดียว ในอดีตจะใช้ น้ำผึ้ง ให้ความหวานแทน
3) เกาหลีไม่มี ของหวาน หรือ ผลไม้มากมาย หลังมื้ออาหาร ส่วนมากคนเกาหลีกินข้าวกันเสร็จแล้วก็จะไปต่อกันที่ร้านกาแฟ ร้านบิงซู หรือไอศกรีม กันต่อไป
สำหรับอาหารที่อยากให้ลองรับประทานกัน ก็ได้แก่...
ไก่ตุ๋นโสม (ซัมเกทัง)
อาหารเพื่อสุขภาพที่คนเกาหลีนิยมมาก ต้นตำรับมาจากในวังตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์โชซอน เป็นไก่อายุ 45 วัน ตุ๋นแล้วยัดไส้ด้วยข้าวเหนียว ธัญพืช โสม พุทราจีน
ฮันจองซิก
อาหารชุดเกาหลี เมนูในวัง จัดมาเป็นชุด ๆ จานเล็ก ๆ มากมาย เมื่อก่อนจะมีมากกว่านี้ ปัจจุบันถูกลดทอนลง เริ่มต้นด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย เป็นของเย็น ตามด้วยข้าวต้ม หรือโจ๊กอุ่น ๆ ต่อด้วยอาหารจานหลัก หลายประเภท ปิ้งย่าง นึ่ง ทอด ต้ม หม้อไฟ จบด้วยเครื่องดื่มเป็นของหวาน
ผลไม้เกาหลี
เกาหลีมีผลไม้ไม่มากเหมือนประเทศไทย ที่ขึ้นชื่อ และรู้จักกันดีก็คือ...
สตอว์เบอร์รี่ (Strawberry) มีช่วงฤดูหนาว (ธันวาคม-กลางมีนาคม) ถึงฤดูใบไม้ผลิ (ปลายมีนาคม-พฤษภาคม) มีขนาดใหญ่ สีแดงสด รสหวานฉ่ำ
ส้มเขียวหวาน (Tangerine) ผลเล็ก มีช่วงพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ และมี ส้มไซตรัส (Jeju citrus) รสเปรี้ยวอมหวาน
เมล่อน (Oriental Melon) สีเหลืองมีริ้วสีขาว เนื้อสีขาวใส รสหวานฉ่ำ มีช่วงมิถุนายนถึงต้นกันยายน
พีช (Peach) รสชาติคล้ายพีชญี่ปุ่น อร่อยชุ่มฉ่ำดับร้อน
แอปเปิ้ล (Autumn Apple) มีช่วงมิถุนายนถึงพฤศจิกายน
ลูกพลับ มีช่วงตุลาคมถึงพฤศจิกายน
