ไหว้พระขอพร ช่วงปีใหม่ ที่วัดราชนัดดารามวรวิหาร เปิดพระวิหารให้ชม 3 วัน
ช่วงปีใหม่นี้ วัดราชนัดดารามวรวิหาร เปิดพระวิหารให้ไหว้พระ และชมความงาม 3วันคือ 30 ธันวาคม 66-1 มกราคม 67 ส่วนจุดอื่นๆ เปิดปกติทุกวัน
วัดราชนัดดารามวรวิหาร หนึ่งในวัดที่คนไทยไปเที่ยวและไหว้พระปีนี้นอกจากเปิดให้ชมปกติ ช่วงเทศกาลปีใหม่ยังเปิด พระวิหารที่ปิดซ่อมแซมมานาน และเกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเปิดให้ชม 3 วัน คือ 30 ธันวาคม 66-1 มกราคม 67 หลังจากนั้นจะปิด จนกว่าจะประกาศเปิดอย่างเป็นทางการ
วัดแห่งนี้เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ใกล้กับป้อมมหากาฬ ติดกับลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศใกล้กับวัดเทพธิดาราม เป็นอีกวัดที่มีความงดงาม ขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2492
นอกจากมีโลหะปราสาทแห่งเดียวในประเทศไทยที่หลายคนต้องมาชมที่นี่ ยังมีสถาปัตยกรรมอีกหลายส่วนที่สวยงาม เนื่องจากเป็นวัดเก่าแก่ สร้างเมื่อพ.ศ. 2389 ปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อพระราชทานเป็นเกียรติแก่พระราชนัดดา คือพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี
สร้างโดยช่างผู้ชำนาญในสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงโปรดให้เจ้าพระยายมราช (บุญนาค) เป็นผู้ออกแบบแผนผังการสร้างวัด กำกับการสร้างพระอุโบสถ พระวิหาร และศาลาการเปรียญโลหะปราสาทแทนการสร้างเจดีย์
โดยสร้างเป็นอาคาร 7 ชั้น มียอดปราสาท 37 ยอด หมายถึงโพธิปักขิยธรรมในพระพุทธศาสนา 37 ประการ ยอดปราสาทชั้น 7 เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ กลางปราสาทเป็นช่องกลวง มีบันไดเวียน 67 ขั้น ให้เดินขึ้นไปดูทิวทัศน์ข้างบนได้
พระอุโบสถมีช่อฟ้าใบระกาหน้าบันลงรักปิดทอง ประดับด้วยกระจกงดงาม ภายในประดิษฐานพระประธานพระนามว่า “พระเสฏฐตมมุนี”
ส่วนพระวิหาร ก็เป็นศิลปะแบบไทยเช่นกัน ภายในมีพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรเป็นประธาน พระนามว่า “พระพุทธชุติธรรมนราสพ”
เปลี่ยนช่อไฟระย้าในพระวิหาร วัดราชนัดดาฯ จะเปิดให้ชมช่วงวันที่ 30 ธันวาคม 66-1 มกราคม 67
ความโดดเด่นของพระวิหาร
เป็นอาคารทรงโรง สูงใหญ่ขนาดไล่เลี่ยกับพระอุโบสถก่ออิฐถือปูน หลังคาซ้อน 2 ชั้น มี 3 ตับ ตับล่างเป็นปีกนกรอบ หลังคามุงด้วยกระเบื้องเกล็ด หน้าบันด้านหน้าและด้านหลังมีลวดลายเหมือนกันคือ ลายดอกพุดตาน ประดับด้วยกระจกสีปิดทอง เช่นเดียวกับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นลายปูนปั้นดอกพุดตานปิดทองที่ดอกลาย บานประตูหน้าต่างมีภาพเขียนสี ฐาน 2 ชั้น ภายในมีภาพเขียนที่เพดานและผนัง เพดานมีลายดาวและผีเสื้อ ฝาผนังมีลายเขียนสีดอกไม้ร่วง เช่น ดอกพุดตาน ดอกลำดวน เป็นต้น
ฝาผนังด้านหลังพระพุทธรูปเป็นภาพนูนต่ำลายช้างสามเศียรแบกวิมาน ภายในวิมานมีพระพุทธรูป 3 องค์ ปางประทานพร 1 องค์ และปางสมาธิ 2 องค์ ปิดทองที่ลวดลาย
ลายวิมานนี้เป็นเครื่องหมายประจำรัชกาลที่ 3 ซึ่งเป็นวัดที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น ลวดลายเขียนสีของฝาผนังด้านนี้เป็นลายเครือเถาดอกพุดตาน บริเวณคอสองเป็นลายพวงมาลัย เสาเหลี่ยมลบมุมไม่มีลวดลายที่ลายเสา มีระเบียงรอบพระวิหาร
กำแพงรอบพระวิหารประดับด้วยกระเบื้องปรุ เช่น ลายประจำยาม ลายภายในวงกลม เป็นต้น ฐานพระวิหารเป็นฐานสิงห์
ภายในพระอุโบสถ วัดราชนัดดาฯ เปิดให้ชมทุกวัน
ตามปกติแล้ววัดสมัยโบราณจะสร้างวิหารใหญ่กว่าพระอุโบสถ เพราะวิหารคือสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้า เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปต่าง ๆเพื่อให้คนได้สักการะ
วิหารในอดีตจะเป็นที่ใช้งานของทั้งพระสงฆ์และฆราวาส ที่จะมาประชุมและทำศาสนกิจร่วมกัน แต่โบสถ์ในสมัยโบราณนั้นเป็นสถานที่ที่พระสงฆ์ใช้เท่านั้น อาจจะใช้ในการสวดการทำวัดเป็นต้น ซึ่งคนทั่วไปไม่ได้เข้ามาข้องเกี่ยวและใช้ร่วมจึงไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ๋ดังเช่นวิหาร
พระอุโบสถวัดนี้ มีหลังคาทรงไทยจั่วซ้อน 3 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินและสีเหลือง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ที่ชั้นลด หน้าบันด้านหน้าและด้านหลังมีลวดลายเหมือนกัน คือหน้าบันสลักไม้ลายใบเทศ มีการออกลายให้มีความสัมพันธ์กันภายในกรอบสามเหลี่ยมหน้าบัน โดยใช้ดอกลายเป็นตัวเชื่อม
ในปัจจุบันวัดบางแห่งอาจจะมีเฉพาะพระอุโบสถหรือวิหาร ชาวบ้านและคนทั่วไปอาจจะใช้พระอุโบสถหรือวิหารในการทำศาสนกิจ
ภายในพระวิหาร วัดราชนัดดาฯ
...................
ภาพ : เฟซบุ๊กวัดราชนัดดาราม
อ้างอิง
-https://worldheritagesite.onep.go.th/
-ศูนย์ข้อมูลเกาะรัตนโกสินทร์
-วิกีพีเดีย