‘เที่ยวปีใหม่’ ส่งท้ายปลายปี ความงามบนแผ่นดิน
‘เที่ยวปีใหม่’ จังหวัดใกล้ๆ ‘เมืองลพบุรี’ ชมทุ่งดอกทานตะวัน และ วัดเขาจีนแล หรือ ‘วัดเวฬุวัน’ เป็นกลุ่ม ‘ภูเขาหินปูน’ ที่มีความโดดเด่นด้วยรูปทรงที่เป็นหน้าผาหิน โดดเด่น
เนื่องในโอกาส่งท้ายปีอย่างนี้ ผมขออำนวยอวยพรให้คนอ่านของผม ที่ตามกันมาตั้งแต่เป็นกระดาษจนมาเป็นออนไลน์ เข้าปีที่ 15 แล้ว ผมขออวยพรให้ท่านผู้อ่านกรุงเทพธุรกิจทุกท่าน ทิ้งความทุกข์ความผิดหวัง ไปกับปีที่กำลังจะผ่านไป และได้พบพานพบกับความสุข ความสมหวัง พบกับความรุ่งเรือง และมีสุขภาพที่แข็งแรง ในปี 2567 ที่กำลังจะมา รวมทั้งในปีต่อๆไปด้วย เป็นความอิ่มเอมใจ ที่ได้อวยพรท่านผู้อ่านทุกคน
ทริปส่งท้ายปีแบบนี้ ผมอยากพาท่านผู้อ่านไปเที่ยวเล่น ชื่นชมกับความสวยงามของแผ่นดิน เมืองลพบุรี จังหวัดใกล้ๆกรุงเทพ แต่มีอะไรให้ได้ดูมากโขทีเดียว แต่ด้วยความที่ลพบุรีมีอะไรมากมายเหลือเกิน ครั้งนี้ผมจึงต้องจำเพาะเอาแค่บางส่วนมานำเสนอก่อน โดยจะนำพาไปรู้จักทางด้านซ้าย หรือทางตะวันตกของอ่างเก็บน้ำซับเหล็ก
ซึ่งในช่วงเวลาต่อปีแบบนี้ พื้นที่ย่านนี้ เป็นดินแดนของความสวยงามเลยละครับ เพราะมี ทุ่งดอกทานตะวัน ที่กำลังบานสะพรั่งนับพันๆไร่ ความตื่นตาตื่นใจกำลังรออยู่ ถ้าพูดถึงทุ่งทานตะวันลพบุรี ก็ต้องนึกถึงย่านเขาจีนแล และเขาโด่ ว่าแล้ว ไปกันเถอะครับ
วัดเขาจีนแล หรือ วัดเวฬุวัน เป็นกลุ่ม ภูเขาหินปูน ที่มีความโดดเด่นด้วยรูปทรงที่เป็นหน้าผาหิน โดดเด่น ผูกพ่วงต่อเนื่องกันหลายยอดเขา แต่ที่ดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ คือแท่งภูเขาหินปูนที่อยู่ทางทิศเหนือของกลุ่มภูเขานี้ ที่เป็นแท่งโดดๆโด่ขึ้นไป ชาวบ้านย่านนี้เรียก เขาโด่ ซึ่งเขาโด่นี้กลายเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ไปโดยปริยาย
ถ้าท่านผู้อ่านมาจากทางสระบุรี โดยใช้ถนนหมายเลข 1 ที่จะผ่าน พุแค ผ่าน อ.หน้าพระลาน และ อ.พระพุทธบาท มุ่งหน้ามาทางวงเวียนเมืองลพบุรี ก่อนถึง จะพบแยกใหญ่ที่ทางขวามือ บอกว่าไปอำเภอพัฒนานิคม อันนั้นแหละคือทางหลวงหมายเลข 3017 เข้าไปตามทางเลยครับ
ถนนสายนี้จะผ่านสี่แยกอำเภอโคกตูม แล้วมาบรรจบกับถนนหมายเลข ๒๑ (สระบุรี-เพชรบูรณ์) ใกล้สี่แยกซอยสิบสอง (ซึ่งเป็นแยกใหญ่ ที่สามารถไป อ.พัฒนานิคม ไปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ได้) ซึ่งถนนหมายเลขนี้เองที่จะพาไปเขาจีนแลและแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่จะแนะนำในคราวนี้นั่นเอง
บันไดทางขึ้นถ้ำมงคลนิมิต
พอเลี้ยวมาตามถนนหมายเลข 3017 ไปไม่นาน จะมีป้ายทางซ้ายมือให้เข้าเขาจีนแล นั่นละครับเข้าไปเลย จะพบเห็นถนนที่สองข้างทางมีต้นไม้ร่มรื่น สองฝั่งถนนในบางปีเขาก็จะปลูกทานตะวัน แต่เขาปลูกไม่พร้อมกัน บางปีก็ไม่ปลูกด้วย แต่ถ้าปีไหนปลูกย่านนี้จะเป็นแปลงทานตะวันที่ใหญ่ที่สุด
วัดถ้ำมงคลนิมิต อยู่เชิงเขาจีนแล
แต่ถึงขนาดไม่ปลูกทานตะวัน ก็จะมีคนขับรถมาจอดเล่น เพราะมันเย็นสบาย โปร่งตา และทหารมักจะมาฝึกกิจกรรมอะไรในย่านนี้บ่อยๆ เลยจากตรงนี้ไปไม่ถึง ๕๐๐ เมตร ก็จะเริ่มขึ้นเนินเขา และมีสามแยก ถ้าตรงไป จะไปวัดเขาจีนแล หรือวัดเวฬุวัน
แปลงดอกทานตะวันหน้าวัดถ้ำมงคลนิมิต น่าจะบานราวปีใหม่
แปลงทุ่งทานตะวันติดวัดถ้ำมงคลนิมิต เห็นเขาโด่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่
วัดนี้จะมีพระอุโบสถที่รูปทรงแปลกตา ไม่เหมือนกับที่อื่น จากลานวัดจะเห็นพระพุทธรูปองค์ขาวอยู่บนภูเขาสูง เรียกว่า พระพุทธรรมรังษีมุนีนาถ ศาสดา ที่สามารถมองเห็นได้จากไกลๆ บรรยากาศในวัดจะเงียบสงบ ร่มรื่น แต่ในวัดไม่ได้มีที่เที่ยวอะไร
พระพุทธธรรมรังษีมุนีนารถ ศาสดา บนภูเขาสูง วัดเขาจีนแล
ย้อนออกมาตรงสามแยกที่ผมบอก ให้เลี้ยวขวา ถนนจะเลียบเลาะไปเชิงเขาจีนแล พอหลุดแนวป่าก็จะเห็นเป็นไร่กว้าง และเห็นวิหารสีขาวอยู่เชิงเขา นี่เป็นที่ตั้งของวัดถ้ำมงคลนิมิต เป็นวัดที่มีการปฏิบัติธรรม จะมีผู้ปฏิบัติธรรมมากันอยู่เนืองๆ ในวัดมีถ้ำเล็กๆ อยู่ด้วย แต่ถ้ำไม่สวย และมีขนาดเล็ก
ในย่านจะอยู่ในพื้นที่ ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง ลพบุรี ซึ่งถ้าเราดูแผนที่ จะเห็นว่ามีการวางผัง มีการตัดถนนเป็นล๊อคๆ ซึ่งมันมีประวัติครับ คือเมื่อปี พ.ศ. 2482 สมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ให้จัดตั้ง นิคมกสิกรจังหวัดลพบุรี ขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการบูรณะและจัดสร้างเมืองใหม่ลพบุรี อีกทั้งเพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปตั้งถิ่นฐานประกอบอาชีพอยู่ในนิคมกสิกรแห่งนี้
โดยมีการจัดสรรที่ดินให้ประชาชนได้มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองด้วย ท่านผู้อ่านให้ลองจินตนากาลไปเมื่อเกือบ 90 ปี ว่าคนมันจะเบาบางยังไง ในการสร้างเมืองก็ต้องให้มีคนมาอยู่มากๆ แล้วจะให้เขามาอยู่ก็ต้องให้เขามีที่ดินทำกิน นิคมกสิกรจังหวัดลพบุรี
จึงเกิดขึ้นด้วยเหตุนี้ ปี พ.ศ. 2483 ได้โอน นิคมกสิกรมาอยู่ภายใต้การดำเนินงานของกรมประชาสงเคราะห์ และเปลี่ยนชื่อจาก ‘นิคมกสิกรจังหวัดลพบุรี’ เป็น ‘นิคมสร้างตนเองจังหวัดลพบุรี’ มาจนเดี๋ยวนี้ ซึ่งถือเป็นย่านการจัดสรรที่ดินทำกนที่กว้างใหญ่มาก
มาจนเดี๋ยวนี้ย่านนี้จะเป็นทุ่งทานตะวันที่กว้างมาก เรียกว่าแทบจะล้อมเขาจีนแลก็ว่าได้ ถ้าในช่วงที่ทานตะวันบานมากๆ(ช่วงปีใหม่) ท่านผู้อ่านสามารถขับรถลัดเลาะไปตามทางที่มี จะผ่านทุ่งทานตะวันหลากหลายเจ้าของ แต่ไม่ว่าจะไปในมุมไหนในย่านนี้ ก็จะเห็นเขาโด่ สูงเด่นเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่กันเลยทีเดียว
แต่ย่านนี้ นอกจากเขาจีนแล ซึ่งมีเขาโด่เป็นบริวารแล้ว ยังจะเห็นภูเขาหินปูนอีกลูกหนึ่งโดดเด่นเป็นที่สะดุดตา เพราะจะเป็นภูเขาหินปูนที่มีหน้าผาโดดเด่น และจะเห็นอาคารและเจดีย์อยู่กลางๆบนภูเขาด้วย เขาลูกนี้ชื่อ เขาตะกร้า จากทุ่งทานตะวันในย่านเขาโด่ จะมีทางรถยนต์เล็กๆ ตัดเชื่อมกันไปมา และมันสามารถไปยังเขาตะกว้า ซึ่งมี วัดเขาตะกร้าทอง หรือชื่อทางการคือ วัดสุวรรณคีรีปิฎก อยู่บนนั้นด้วย
ซุ้มประตูวัดเขาจีนแล
ซึ่งวัดเขาตะกร้าทองนี้ ก็คล้ายกับวัดถ้ำมงคลนิมิต คือตั้งอยู่เชิงเขา เพราะแทบจะไม่มีพื้นที่ในที่ราบเลย เราจึงเห็นอาคาร วิหารต่างๆ ตั้งอยู่บนเขาเช่นกัน แม้กระทั่งลานจาดรถ ถ้าขึ้นไปแล้วก็ขับไปจอดใต้อาคารได้เลย หลังจากนั้น ก็เดินขึ้นไปชั้นสอง
อาคารหลังนี้มี 4-5 ชั้น และชั้นดาดฟ้า สร้างเป็นอาคารปูน แนบติดกับภูเขาหินปูน เรียกว่าวิหาร ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ ก็อยู่ในอาคารแนบติดเขานี่แหละ
พระอุโบสถวัดเขาจีนแล
ชั้นสองนี้ จะเป็นคล้ายที่ทำการ ขายเครื่องราง ของขลัง วัตถุมงคลทั้งหลายมีรูปเจ้าแม่เจ้าพ่อ ฤาษี และเทพเจ้าต่างๆเพียบ รวมทั้งโลงแก้วที่บรรจุร่างหลวงพ่อบุญเหลือ พระผู้ก่อสร้างวัดนี้ ให้เคารพสักการะด้วย
แล้วจะมีทางเดินไปยังถ้ำต่างๆ ซึ่ง ก็จะมีนางตะเคียน มีเรือพายโบราณ ถูกทาแป้งขาวโพลน มีหุ่นผู้หญิงแต่งชุดไทย ซึ่งใครชอบแนวนี้ก็คงเข้าใจ และมีถ้ำมหาโชค เป็นโพรงถ้ำแคบๆ แต่มีเพดานสูง ลึกเข้าไปไม่มากมีพระพุทธรูปและรูปปั้นพญานา อยู่ภายในถ้ำ
ถ้ำในวัดเขาตะกร้าทอง
แต่ถ้าย้อนออกมาตรงเรือพายถูกทาแป้งนั้น จะมีบันไดขึ้นไปยังด้านบนจะไปโผล่ออกยังชั้นดาดฟ้า ซึ่งมีอาคารอีกหลังหนึ่งถูกปิดประตูไว้ และมีศาลากระจกทำครอบพระสังกัจจายน์ไว้
ยอดเขาตะกร้า จากชั้นดาดฟ้าของวัดเขาตะกร้าทอง จะเห็นโพรงถ้ำ ซึ่งมีค้างคาวอยู่มากมาย
บนชั้นดาดฟ้านี้ สามารถเดินไปชมทิวทัศน์ด้านหน้าถ้ำได้ ซึ่งจะมองเห็นอ่างเก็บน้ำซับเหล็กอยู่ไม่ไกล อีกทั้งจะมีเพิงถ้ำอีก 2-3 ถ้ำ ที่มีทางข้าจากชั้นดาดฟ้า แต่เพิงถ้ำบนนี้มีค้างคาวอาศัยอยู่มาก
มีมูลค้างคาวบนพื้นถ้ำเต็มไปหมด ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าพอตอนเย็นๆค้างคาวมันจะบินออกเป็นสายเหมือนที่เขาช่องพรานไหม แต่ทิวทัศน์บนนี้สวยงามน่าดูชม
จากวัดเขาตะกร้าทอง จะมีเส้นทางไปยังอ่างเก็บน้ำซับเหล็กได้ ซึ่งมันมีทางมาได้หลายเส้นทาง เลยไม่อยากชี้ชัดว่าไปยังไง เอาเป็นว่าท่านผู้อ่านไปที่วัดเขาตะกร้าทองก็จะเห็นทางไปไม่ยาก
จากดาดฟ้าวัดเขาตะกร้าทอง เห็นอ่างซับเหล็กอยู่ไม่ไกล
ปากถ้ำค้างคาว บนชั่นดาดฟ้า วัดเขาตะกร้าทอง
อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก
อ่างซับเหล็กนี้ เป็นแหล่งนี้ที่มีมานาน อยู่ในทำเลพื้นที่ลุ่ม ที่น้ำในป่าธรรมชาติจะไหลมารวมกันจะกลายเป็นบึง เป็นหนองโบราณ อีกทั้งมีภูเขาเล็กๆ เรียกว่า เขาซับเหล็ก หมู่เดียวกับเขาทอง เขาลอมข้าว และเขาไร่ทุ่ง ซึ่งต่อเชื่อมไปยังเขตเขาพระพุทธบาท เขาถ้ำคูหา เขาจีนแล เขาหนอกวัว เขาพระพุทธ และเขาเอราวัณ ซึ่งในย่านนี้ในอดีตเป็นป่าทั้งหมด ชุกชุมไปด้วยสัตว์ป่า สมัยสมเด็จพระนารายณ์มีเสด็จมาจับช้างป่าย่านนี้ด้วย
วัดเขาตระกร้าทอง
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มาสร้างเมืองลพบุรี พระองค์โปรดให้ช่างชาวฝรั่งเศสและช่างชาวอิตาเลี่ยนเป็นผู้วางท่อส่งน้ำจากอ่างซับเหล็กนำมาใช้ในเขตพระราชฐาน เพราะอ่างซับเหล็กจะอยู่สูงกว่าเมืองละโว้ น้ำจึงไหลลงไปได้เป็นอย่างดี เวลาที่เราเข้าไปเที่ยวในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ เราก็จะเห็นท่อน้ำประปา เป็นท่อดินเผาปรากฏให้เห็น
วัดเขาตะกร้าทอง มองจากอ่างซับเหล็ก
อ่างซับเหล็กนี้ ถือเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ของเมืองลพบุรี มีป้ายปูนติดไว้ตรงเชิงเขาของถนนเลียบอ่าง(ที่จริงเป็นคันคูกั้นน้ำ) ให้รายละเอียดของอ่างเก็บน้ำนี้ไว้หมด อ่างนี้มีเนื้อที่ประมาณ 1,760 ไร่ เมื่อปี พ.ศ.2497 สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี
ได้สั่งให้สร้างเขื่อนดินกั้นน้ำเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตร ในนิคมสร้างตนเองที่จัดตั้งขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ.2520 จังหวัดลพบุรีจึงได้ปรับปรุงอ่างซับเหล็กให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีการทำถนนรอบอ่างเก็บน้ำปลูกต้นไม้ สร้างศาลาพักร้อน ฯลฯ ซึ่งบางอย่างก็ชำรุดทรุดโทรม ไม่ได้รับการดูแลรักษา ถ้าจังหวัดลพบุรีจะหันมาพัฒนาอีกรอบก็น่าจะเป็นการดี
ทุกวันนี้อ่างซับเหล็กกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม มีแพอาหารอยู่ในอ่างเก็บน้ำ แต่สภาพแพอาหารค่อนข้างโทรมๆดูแล้วไม่เจริญหูเจริญตาเท่าไหร่ ในช่วงที่ดอกทานตะวันบาน จะมีนักท่องเที่ยวต่างถิ่นมาเยือนกันอย่างมาก
ถ้าท่านผู้อ่านดูแผนที่ประกอบ จะเห็นว่า คราวนี้ผมเอ่ยถึงแต่ฝั่งทางด้านตะวันตกของอ่างซับเหล็ก ซึ่งแต่ทางด้านตะวันตกนี่ก็มีอะไรให้เราได้ไปเที่ยว ไปดูมากมายแล้ว ยังเหลือฝั่งตะวันออกของอ่างเก็บน้ำ ซึ่งไว้มีโอกาสจะเอามาเล่าสู่กันให้ได้รับรู้
รายละเอียดอ่างซับเหล็กที่สร้างตั้งแต่สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม
. คราวนี้ เอามาบอก เอามาชวนกันก่อน เพราะจะเข้าช่วงฤดูเที่ยวดูดอกทานตะวันบานแล้ว ในช่วงปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงทีทานตะวันจะบานกันมากมาย ก็จะมีหลายไร่ที่เขาจัดเป็นซุ้มถ่ายรูปให้เราถ่ายรูปกันไดสะดวกเสียเงินคนละไม่กี่บาท ก็เข้าไปเที่ยวเล่นได้เพลินๆแล้ว
ปีใหม่ โชคลาภใหม่ๆ ความรุ่งเรืองใหม่ๆ กำลังจะถึงอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผมจึงนำมาสถานที่ที่สวยงามแบบนี้มาบอกกล่าวกันครับ
สวัสดีปีใหม่นะครับ......