‘เที่ยวอยุธยา’ ชมวัด ชิมอาหาร และ พักสบาย ที่ ‘เซ็นทารา อยุธยา’
‘เที่ยวอยุธยา’ อย่างจริงจังถึงกับนอนค้างแรม เพราะปัจจุบันมีโรงแรม 4 ดาว อย่าง ‘เซ็นทารา อยุธยา’ มาเปิดให้บริการแล้ว คราวนี้ออเจ้าได้เที่ยววัด ชมโบราณสถาน ชิมอาหารอร่อย นั่งชิลที่ Rooftop Bar แบบไม่ต้องรีบกลับบ้าน ‘อยุธยา’วันนี้ มีอะไรดีๆหลายอย่าง
เที่ยวอยุธยา ที่ผ่านมามีใครไปนอนค้างบ้าง คราวนี้แหละ แสนดีใจมีที่พัก โรงแรม 4 ดาว เปิดใหม่ ให้นอนหลับสบาย โรงแรมเซ็นทารา อยุธยา หาไม่ยาก ใกล้กับถนนสายเอเชียอยู่หลังศูนย์การค้าเซ็นทรัล อยุธยา ตรงข้ามกับศูนย์ราชการ ด้วยความที่ไม่ได้ขายวิว ดังนั้นห้องพักต้องดี อาหารต้อง อร่อย งานนี้มีพันธมิตรหลายด้านมาช่วยกันสนับสนุน อาทิ ร้านกาแฟชื่อดังในเมืองอยุธยา The Summer Coffee ก็มาเปิดให้บริการอยู่ตรงล็อบบี้ของโรงแรม สามารถนั่งชิลได้ทั้งอินดอร์ และเอาท์ดอร์ บรรยากาศดี๊ดี
แก๊งค์เราไปถึงก็จัดการเช็คอินร้านกาแฟ ก่อนเช็คอินเข้าห้องพักด้วยซ้ำ(ฮา) Classic Menu กาแฟธรรมดาๆ ทั้งเอสเปรสโซ่ อเมริกาโน ลาเต้ คาปูชิโน อร่อยเลย กาแฟพิเศษๆก็มี อยุธยา คอฟฟี่ แก้วละ 120 บาท พิเศษตรงท็อปปิงด้วยสายไหม กาแฟธรรมดา แก้วละ 95 บาทถือว่าไม่แพงเลย อ้อถ้าใครชอบช็อกโกแลต ต้องสั่ง Signature Chocolate แก้วละ 150 บาท
ว่าแล้วพาไป เที่ยวอยุธยา ก่อนดีกว่า เรื่องรับประทานเอาไว้ทีหลัง เพราะทริปนี้ ล้อหมุนออกจากกรุงเทพมหานครตอน 10 โมงกว่า ไปถึงอยุธยาก็ประเดิมเที่ยวที่ วัดใหญ่ชัยมงคล ถือว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากเลยทีเดียว สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น รัชสมัยของ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง พระมหากษัตริย์ ผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในปี พ.ศ.1900 เดิมชื่อวัดป่าแก้ว ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้รับการขนานนามว่า ‘วัดใหญ่ชัยมงคล’
และเป็นวัดที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชโปรดให้สร้างพระเจดีย์ขึ้นตามคำแนะนำของสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะในการกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชแห่งพม่า เจดีย์ที่สร้างนี้มีชื่อว่า เจดีย์ชัยมงคล สายมูที่เกิดวันอังคาร ต้องไปไหว้ขอพรเรื่อง การงาน การเงิน สุขภาพ และความรัก ส่วนเรา แค่ได้ชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก
'เจดีย์ชัยมงคล' สายมูคนเกิดวันอังคารต้องขึ้นไปขอพร
เที่ยวอยุธยา ครานี้ นอกจากไปเยือน วัดใหญ่ชัยมงคล ที่มีประวัติยาวนานแล้ว เรายังเดินทางต่อไปยัง วัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท อยู่ที่ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดนี้น้องสาวผู้ร่วมทริปบอกว่ามาขอพรบ่อย นั่นก็แสดงว่าคำอธิษฐานสัมฤทธิ์ผล
หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิงวรวิหาร
คนนิยมไปกราบไหว้ หลวงพ่อโต หรือ หลวงพ่อซำปอกง หรือ (พระพุทธไตรรัตนนายก) ถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา ประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า เป็นวัดที่สร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา 26 ปี
พระพุทธรูปทอง(สมัยสุโขทัย)และพระพุทธรูปนาก(สมัยสุโขทัย) ตรงกลางเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยา
ตำนานเล่าว่า สมัยพระเจ้าสายน้ำผึ้ง กษัตริย์ผู้ครองอโยธยา พระเจ้ากรุงจีนได้ยกพระราชธิดาบุญธรรมนามว่า พระนางสร้อยดอกหมาก มาให้อภิเษกสมรส แล้วมีเรื่องราวตำนานเกิดขึ้น จนพบว่าเดิมวัดนี้ชื่อ พระเจ้าพระนางเชิง ต่อมาเพี้ยนเป็น วัดพนัญเชิง
พระวิหารเขียนวัดพนัญเชิง
ได้ชมความวิจิตรงดงามของวิหาร รวมทั้งภาพศิลปะบนฝาผนัง ที่ พระวิหารเขียน งดงามแสนคุ้มค่า พระวิหารเขียนนั้นตั้งอยู่คู่กับพระอุโบสถ ภายในมีพระพุทธรูปปั้นสมัยอยุธยา
ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก และศาลของเทพทั้งหลายรวมทั้งเทพนาจา และเจ้าแม่กวนอิม ฯลฯ
บริเวณวัดยังมี ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก เป็นอาคารเก๋งจีน คนนิยมมาขอพรเรื่องความรัก ขอเรื่องการงาน และขอบุตรธิดา เมื่อได้สมความปรารถนาแล้ว ให้นำผ้าแพร ไข่มุก เครื่องสำอาง เรือสำเภาจำลอง หรือเชิดสิงโตถวายเป็นการขอบคุณท่าน
ทีแรกไม่เข้าใจว่า ชายหญิงคู่หนึ่งมาไหว้ขอพรเรื่องความรักทำไม สุดท้ายก็เข้าใจแล้วว่า พวกเขาสมปรารถนาแล้วจึงนำข้าวของมาถวายนี่เอง
โรงแรมเซ็นทารา อยุธยา
เที่ยวชมทั้งสองวัดอิ่มเอมใจแล้ว ได้เวลาเดินทางไปยัง โรงแรมที่พัก สำหรับค่ำคืนนี้ ที่ โรงแรมเซ็นทารา อยุธยา รับประทานอาหารมื้อเที่ยงแสนอร่อย ที่ HOUSE OF KIN เป็นห้องอาหารแบบ All Day Dining เปิดบริการตั้งแต่ 06.30 น. ถึง 23.00 น.
อาคารโรงแรมมีทั้งหมด 20 ชั้น ทว่าห้องพักเริ่มต้นที่ชั้น 4 ไปถึงชั้น 18 ซึ่งชั้น 4 นี้ให้บริการ Pet Friendly โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป ห้องพักทั้งหมดมี 5 แบบ ก็คือ Deluxe , Premium Deluxe, Junior Suite, Suite, Executive Suite ชอบใจที่ทุกห้องเป็นเตียงแบบ King และมี Daybed ห้องขนาดเล็กสุด 45 ตารางเมตร
ห้องพักแสนสบาย
ห้องน้ำกว้างสบาย
ห้องพักหัวมุมมองเห็นทิวทัศน์พระนครศรีอยุธยาได้โดยรอบ
ฟิตเนส เครื่องออกกำลังกายครบครัน
ล็อบบี้โรงแรมเซ็นทารา อยุธยา
‘HOUSE OF KIN’ เป็นห้องอาหารแบบ All Day Dining
บรรยากาศห้องอาหาร ‘HOUSE OF KIN’
‘DiWA Rooftop Bar & Restaurant’
ชั้น 2 ของโรงแรมจะเป็นห้องประชุม มีทั้งหมด 3 ห้อง ชั้น 19 จะเป็นฟิตเนส ส่วนชั้น 20 มีสระว่ายน้ำและ Rooftop Bar ชื่อว่า DiWA Rooftop Bar & Restaurant ความหมายของ ‘DiWA’ คือต้องการเป็นแสงสว่าง ความหวังของอยุธยา บริหารโดยพันธมิตรของโรงแรม บริการอาหารไทยทาปาส Snack และเครื่องดื่มครบครัน เปิดบริการ 11.00-23.00 น.
'ผัดไทยทาโกะ'
ข้าวต้มแห้ง กรอบนอกนุ่มใน
พาสต้าไก่ใต้น้ำ
ซี่โครงหมูก๋วยเตี๋ยวเรือ
ฟิชแอนด์ชิพ’ ใช้เผือกแทนมันฝรั่ง และใช้ปลาคังชุบแป้งทอด อร่อยไม่คาว
ค่ำคืนนี้เรามีโอกาสได้ทำความรู้จักกับ Rooftop Bar แห่งนี้ และทึ่งในอาหารที่เชฟรังสรรค์ อาทิ ผัดไทยทาโกะ เสิร์ฟมาเป็นคำๆแบบทาโกะยากิของญี่ปุ่น พอได้เคี้ยวจะรับรู้รสชาติของก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ‘ขนมครกแกงคั่วหอยขม’
หากมา เที่ยวอยุธยา เราจะคิดถึง ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ทว่าเชฟ เสิร์ฟ ซี่โครงหมูก๋วยเตี๋ยวเรือ จานหลักที่อิ่มท้องและอร่อยด้วยก็คือ สปาเก็ตตีไก่ใต้น้ำ เส้นแบนผัดกับพริกแกงเหลือง เสิร์ฟกับไก่ใต้น้ำ คล้ายๆข้าวซอยของทางภาคเหนือ ข้าวต้มแห้ง เสิร์ฟมาเป็นก้อนกลมๆ กรอบนอกนุ่มใน มีหมูบะเต็งอยู่ข้างในด้วยนะ
ทางร้านพยายามนำเอกลักษณ์ของอยุธยามาใช้ อย่างเช่น ‘ยำโรตีสายไหม’ หรือแม้กระทั่งเมนู ‘ฟิชแอนด์ชิพ’ ใช้เผือกอยุธยาทอดแทนมันฝรั่ง และใช้ปลาแม่น้ำอย่าง ปลาคังอยุธยา เป็นต้น ครองแครงปลารากกล้วย ปลาในท้องถิ่นหาได้ตลอดปีนำมาทอดกรอบแล้วคลุกกับน้ำครองแครง หวานๆ กรอบๆ อร่อยมาก ต้องสั่งเบิ้ลเลยทีเดียว
‘DiWA Rooftop Bar & Restaurant’
‘พายฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน’ ต้องการให้ผู้มาเยือนได้ซึมซับบรรยากาศที่สวย สนุกกับอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ พรหมลิขิต และ Ayutthaya Sunset มีเบียร์สด เบียร์ดำที่หายาก แม้ในกรุงเทพมหานคร ยังหาได้มีไม่ ณ วันนี้ ‘DiWA Rooftop Bar & Restaurant’ เป็นที่ฮือฮาในอยุธยาเลยหนาออเจ้า หนุ่มสาวพากันมาโรแมนติก ชมพระอาทิตย์อัสดง และชมทะเลดาว เพราะอยู่ในจุดที่สูงที่สุดในอยุธยา ณ วันนี้
วัดพุทไธศวรรย์ พระอารามหลวง
รุ่งเช้า...จำต้องจาก อยุธยา ทว่าก่อนไปขอแวะ ‘เที่ยวอยุธยา’ อีกสักแห่ง นั่นก็คือ วัดพุทไธศวรรย์ พระอารามหลวง พระนครศรีอยุธยา อยู่ในตำบล สำเภาล่ม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอู่ทอง เดิมบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับ เมื่อทรงอพยพมาจากที่ตั้งก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จึงโปรดให้สร้าง วัดนี้ขึ้นเป็นพระราชอนุสรณ์ เมื่อครั้งเสียกรุงให้พม่า ในปี พ.ศ. 2310 วัดนี้ไม่ถูกเผาทำลาย
ภายในวัดมี ปรางค์ประธานองค์ใหญ่ เป็นศิลปะแบบขอม เรามีโอกาสได้เข้าไปชมศิลปะล้ำค่า ใน พระตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (พระเถระชั้นผู้ใหญ่ สมัยกรุงศรีอยุธยา) ฝาผนังของตำหนักมีจิตรกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย คาดว่าอยู่ในสมัยสมเด็จพระเพทราชา (พ.ศ.2231-2245) หลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง บางจุดได้เลือนหายไปกับกาลเวลา
ศิลปะล้ำค่า ใน พระตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
เมื่อเข้าชมกรุณาอย่าแตะต้องภาพเขียน
วัดพุทไธศวรรย์ พระอารามหลวง ตามรอยออเจ้า
พระนอน ในวัดพุทไธศวรรย์ พระอารามหลวง
ซึ่งกรมศิลปากร ได้ประกาศให้วัดนี้เป็นโบราณสถาน ในวันที่ 8 มีนาคม 2478 ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี เป็นวัดที่ใช้ถ่ายทำละครเรื่องพรหมลิขิต มีหลายจุดให้แฟนละครไปเก็บภาพ ตามรอยออเจ้า ก่อนกลับกรุงเทพฯ ไม่ลืมแวะซื้อ โรตีสายไหม เจ้าดัง อาบีดีน-ประนอม แสงอรุณ หน้าโรงพยาบาล เป็นของฝากที่ถูกใจผู้รับ
โรตีสายไหมเจ้าดัง ต้องซื้อกลับไปเป็นของฝาก
‘เที่ยวอยุธยา’ ครานี้สุดประทับใจ ยังมีมากมายหลายวัดโบราณ ที่เราต้องไปเยี่ยมยล ประเทศไทยเรานี้มีอดีตกาลที่น่าภาคภูมิใจเป็นยิ่งนัก รู้สึกซาบซึ่งใจที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และได้เป็นคนไทย
CENTARA AYUTTHAYA เลขที่ 129/ 4 หมู่ 3 คลองสวนพลู พระนครศรีอยุธยา โทร. 035 243 555