‘เที่ยวพัทลุง’ ไหว้พระ-เข้าถ้ำ...กลางเมืองพัทลุง
‘เที่ยวพัทลุง’ นอกจาก ทะเลน้อย ทะเลบัวแดง บ่อน้ำร้อนเขาชัยสน เมืองเก่าชัยบุรี และอะไรอีกมากมายแล้ว กลางตัวเมืองพัทลุง ยังมี ‘ถ้ำคูหาสวรรค์’ ที่มีความสำคัญและน่าสนใจ วันนี้ชวนมา ไหว้พระ-เข้าถ้ำ...กลางเมืองพัทลุง
เคยบอกไปแล้วว่าโดยส่วนตัว ผมชมชอบบรรยากาศของ เมืองพัทลุง อย่างมาก ในตัวเมืองพัทลุง เป็นตัวเมืองที่ผู้คนบางเบา มีภูเขา ป่าไม้อยู่กลางเมือง แค่นี้ก็มีธรรมชาติที่น่าอยู่น่าอาศัยแล้ว ยิ่งมีเส้นทางคมนาคมที่เดินทางสะดวกสบายด้วยแล้ว ยิ่งดียกกำลังสอง แม้ไม่มีสนามบิน แต่ข้าม เขาบรรทัด ไปไม่กี่กิโลก็ถึงตรัง
หรือจะไปขึ้นไปทางเหนือก็นครศรีฯ ลงไปทางใต้ก็หาดใหญ่ แล้วจะเอาอะไรอีกละสำหรับการเดินทาง นอกนั้นกลางเมืองยังมี เขาอกทะลุ เป็น Landmark ที่สำคัญของตัวเมืองด้วย เรียกว่าถ้าเห็นเขาอกทะลุตรงไหน ก็นั่นแหละตัวเมืองพัทลุง
ไปพัทลุงคราวนี้ จะพาท่านผู้ชมไปเข้าถ้ำ ไหว้พระกลางเมือง ที่ วัดคูหาสวรรค์ พัทลุง กันครับ
พร้อมแล้ว ตามผมมา....
อย่างที่บอกว่า เมืองพัทลุง นี้มีภูเขาอยู่กลางเมืองด้วย แล้วในภูเขาก็มีถ้ำ เป็นถ้ำที่ชาวเมืองลุงรู้จักกันมานานเน ก่อนอื่นเล่าการเดินทางไปถึงถ้ำที่ว่านี้ก่อน ง่ายๆเลยครับว่าให้ท่านผู้อ่านจับจุดเริ่มต้นตรงสถานีรถไฟพัทลุง เดินออกมาจะพบถนนเส้นหนึ่งขวางหน้า ก็เลี้ยวขวาไปนิดเดียว จะเจอถนนสายหลักอีกเส้นหนึ่งในเมืองตัดขวาง
ท่านผู้อ่านก็เลี้ยวซ้ายไปทางทิศตะวันตก ไปราว 300-400 เมตร มีแยกไฟแดง(จำไม่ได้ว่ากี่แยก) ถนนก็จะบังคับโค้งไปทางซ้าย แต่ตรงโค้งนี้จะเห็นป้าย วัดคูหาสวรรค์ พอลอดซุ้มประตูวัดก็จะเจอลานจอดรถ และหินก้อนใหญ่ๆ มีรากโพธิ์หุ้มไว้ จอดรถตรงนี้ครับ แต่ต้องระวัง เก็บข้าวของให้มิดชิด เพราะจะมีลิงออกมาหาอาหาร รื้อค้น ป่ายปีนตามบ้านเรือน ห้างร้าน แบบที่ลพบุรี เพียงแต่ความรุนแรงอาจจะไม่เท่าแค่นั้นเอง
จากตรงนี้จะมีทางเดินไป ถ้ำนางคลอด โดยถ้ำนี้จะเป็นถ้ำเปิดโล่ง เพดานสูง แต่มีการสร้างเป็นชายหลังคาต่อออกมา ส่วนด้านใน ทำเป็นชั้น มีบันไดขึ้นไปได้ เล่าว่าเป็นถ้ำที่พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ เกจิดังแห่งเมืองใต้ ท่านมาสร้างไว้ ตั้งแต่หน้าถ้ำ จะมีรูปปั้นสารพัด ส่วนใหญ่เป็นรูปปั้นคน พอเข้าไปภายในจะมีรูปพระพุทธรูปปูนปั้นหลายองค์ รูปเคารพต่างๆมากมาย แต่บรรยากาศภายในออกจะทึบๆทึมๆ แสงรำไรๆ ชวนวังเวงอยู่
เขาอกทะลุ แลนด์มาร์ค สำคัญกลางเมืองพัทลุง
แต่ถ้าจะไม่ให้บรรยากาศวังเวงต้องกลับมาที่ลานจอดรถ แล้วดินไปทางพระอุโบสถ ซึ่งด้านข้างและด้านหลังพระอุโบสถ จะมีมณฑปที่มีรูปหล่อหลวงปู่ทวด และรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาสวัดคูหาสวรรค์แห่งนี้หลายรูปอยู่ภายใน จะเข้าไปกราบเพื่อเป็นสิริมงคลก็สมควรอย่างยิ่ง
ภาพแรกที่เห็นเมื่อลอดซุ้มประตูวัดเข้ามา
ถ้ำนางคลอด
ภายในถ้ำนางคลอด
บรรดามณฑปข้างพระอุโบสถ
บรรยากาศชวนวังเวงในถ้ำนางคลอด
จากนั้น จะมีบันไดปูนปูกระเบื้องอย่างสวยงามขึ้นไปบนเนิน ที่สูงไม่มาก ข้างบนเป็นลานติดภูเขา เป็นลานหน้าถ้ำ ซึ่งพอมองย้อนกลับลงไปทางพระอุโบสถ จะเห็นว่ามีภูเขาลูกหนึ่งด้านบนมีเจดีย์เก่า เรียกว่า เจดีย์หิน อยู่บนยอดเขา
แต่เจดีย์นี้ไม่รู้ที่มาที่ไป อีกด้านหนึ่งของลานด้านทิศเหนือ จะมีทางเดินขึ้นไปบนหลังเขา ซึ่งเป็นทั้งจุดชมทิวทัศน์ เมืองพัทลุง และมีรอยพระพุทธบาทจำลองอยู่ด้านบนด้วย ส่วนอีกด้านของลาน จะเห็นประตูเหล็กที่จะนำพาเราเข้าไปยัง ถ้ำคูหาสวรรค์
เจดีย์หิน
เมื่อลอดผ่านประตูเหล็กเข้าไป จะเห็นเป็นเพิงถ้ำที่มีการต่อหลังคาที่แสงลงมาได้ ด้านหน้ากั้นกำแพงไว้ ถ้ำนี้จึงดูเป็นสัดเป็นส่วน มีทางเข้าออกชัดเจน(ก็ประตูที่เราเข้ามานั่นเอง) ปากทางเข้าถ้ำ สูงราว 4-5 เมตร แต่ยาวร่วม 30 เมตร
เหนือปากถ้ำใกล้ประตูทางเข้า มีจารึกพระปรมาภิไธยย่อของพระมหากษัตริย์และพระนามย่อของเจ้านายเชื้อพระวงศ์ที่เคยเสด็จประพาสที่ถ้ำนี้ โดยเรียงทางจากซ้ายมาขวาคือ
1. จปร. 108 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ครั้งเสด็จประพาสแหลมมลายู เลข 108 คงเป็น ร.ศ.
2. ปปร. 25.10.2471 ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเมื่อ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2471
3. ภปร. 17.3.2502 ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จเมื่อ 17 มีนาคมพ.ศ. 2502
4. สก. ของเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จในครั้งนั้นด้วย
พระปรมาภิธยย่อ บนปากถ้ำ
และล่างลงมา จะมีพระนามย่อ บส. 30.10.73 ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ เข้าใจว่าครั้งมาตรวจราชการหัวเมืองปักษ์ใต้
ซึ่งจะเห็นว่าวัดและถ้ำแห่งนี้มีความสำคัญอย่างมากของ เมืองพัทลุง จึงมีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินและเจ้านายชั้นสูงเสด็จมาอย่างนี้ ซึ่งในประวัติคร่าวๆนั้น วัดแห่งนี้มีมานานตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาถูกโจรปล้นเผาเมือง
วัดแห่งนี้จึงพลอยถูกทำลายไปด้วย มาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ จึงมีการบูรณะขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และมาบูรณะใหญ่อีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2432 เพื่อรอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จประพาสแหลมมลายู และวัดก็เจริญรุ่งเรืองสืบเนื่องต่อมาจนปัจจุบัน
พระประธานในถ้ำ
ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปหลักๆอยู่คือพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ และพระพุทธรูปปางมารวิชัย เด่นเป็นสง่ากลางถ้ำ และตามริมผนังถ้ำ มีพระพุทธรูปปูนปั้นอีกนับรวมได้ 37 องค์ มีทั้งที่เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่มาก่อน และที่มาสร้างเพิ่มในตอนหลัง รวมทั้งมีเจดีย์องค์เล็กๆอยู่ทางปากถ้ำด้วย เคยมีการขุดพบพระพิมพ์อยู่ในถ้ำด้วย แต่เข้าใจว่าปัจจุบันคงไม่หลงเหลือแล้ว
บรรยากาศภายในถ้ำ
พระพุทธรูปปูนปั้นเก่าแก่มาแต่สมัยอยุธยา
นอกจากนั้นจะมีทางเดินเล็กๆ ลงไปในโถงถ้ำด้านล่าง ซึ่งช่วงนี้จะเห็นหินงอกหินย้อย ที่ยังคงก่อเกิดอยู่ ทางเดินนี้จะลงไปสิ้นสุดที่ธารน้ำที่ลอดใต้ภูเขามา ในฤดูฝน น้ำจะเอ่อขึ้นมาเลยขั้นบันไดสุดท้าย ซึ่งทางน้ำนี้เป็นระบบธารน้ำใต้ดิน ซึ่งในภูเขาหินปูนหลายแห่งจะพบบ่อย และว่ากันว่า ธารน้ำนี้สามารถต่อเชื่อมไปถึงถ้ำนางคลอดได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงไหม
ทางลงไปยังธารน้ำใต้ถ้ำ
ทางน้ำด้านล่าง
หลอดถ้ำภายในถ้ำ
ลำธารน้ำใต้ดินที่ลอดผ่านภูเขา
แต่ด้วยบรรยากาศภายในถ้ำที่สะอาด มีไฟส่องสว่าง มีอากาศที่ระบาย ไม่เหม็นอับไม่มีกลิ่นขี้ค้างคาวและเย็นสบายกำลังดี ทำให้ถ้ำแห่งนี้น่ามากราบพระ มาเที่ยวชมให้เย็นใจ เพราะแม้จะอยู่กลางตัวเมือง ก็ไม่ได้ยินเสียงอึกทึกแต่อย่างใด
พัทลุง นอกจากจะมี ทะเลน้อย ทะเลบัวแดง มีทะเลสาบที่เชื่อมไปถึงทะเลสาบสงขลา มี บ่อน้ำร้อนเขาชัยสน มี เมืองเก่าชัยบุรี และอะไรอีกมากมาย เหล่านี้จะกระจายออกไปตามอำเภอต่างๆ แต่สำหรับในกลางตัว เมืองพัทลุง ก็คงเห็นแต่ ถ้ำคูหาสวรรค์ แห่งนี้
นี่แหละของดีพัทลุง ที่ผมอยากชวนให้มา.....