ท่องเที่ยว ‘ช็อนจู’ (Jeonju) ใน ‘ฤดูใบไม้ผลิ’
ท่องเที่ยว เมือง ‘ช็อนจู’ (Jeonju) ต้นฤดูใบไม้ผลิ เพียงครึ่งวัน สุดประทับใจ เยี่ยมชม ‘พระราชวัง Gyeonggijeon’ แต่งชุดฮันบก เดินเล่น Hanok Village ชมการแสดง ‘พันซูริ’ จากศิลปินมากฝีมือ และเข้าCooking Class ทำเมนู ‘บิบิมบับ’
เดินทางท่องเที่ยว ในดินแดนเกาหลีใต้มานับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ทว่าหนนี้เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสมาเยือนเมือง ช็อนจู (Jeonju) ที่ถือว่าเป็นนครใหญ่อันดับ 16 ของประเทศเกาหลี แถมยังมีศักดิ์เป็นเมืองหลวงของจังหวัดซ็อลลาเหนือ ถือว่าเป็นเมืองชนบทที่เต็มไปด้วยสีสัน พอได้มาเยือนแล้วก็ตกหลุมรักอยากจะกลับมาอีกครั้ง
ทริปนี้เดินทางมาตามคำเชิญของทั้งสองเมือง ก็คือเมือง ช็อนจู (Jeonju) และเมือง ยอซู (Yeosu) อยู่ในเขตภาคใต้ของเกาหลีใต้ โดยใช้ชื่อทริปว่า 2024 International MICE Professional Fam Tour
การเดินทางได้เริ่มต้นแล้วที่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Korean Air เที่ยวบิน KE0658 ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 21.40 น. และไปถึงสนามบินอินชอน เวลา 05.05 น. หรือ 03.05 น. ในเมืองไทย (เวลาที่เกาหลีเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง)
โดยมี คุณชิน อึนจอง (Shin Eun Jeong) จาก Yeosu City และ คุณคิม อึนโด (Kim Eun Do) จาก I Love Yeosu Tour มารอรับและดูแลเป็นอย่างดี
'ท่องเที่ยว' ช็อนจู (Jeonju) วันแรก อังคารที่ 2 เมษายน 2567 ถือว่าเป็นต้นฤดูใบไม้ผลิ พยากรณ์อากาศค่ำนี้เวลา 18.00 น. จนถึงวันพรุ่งนี้ 18.00 น.จะมีฝนตก เนื่องจากอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนฤดู แอบเสียใจเล็กน้อยที่ได้ทราบข่าวว่า
ดอกพ็อดกต หรือ Cherry Blossom หากโดนฝนแล้วก็จะร่วงหล่นจนหมดต้น ถึงขนาดตั้งจิตภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ขอให้สายฝนกรุณาโปรยปรายลงมาเบาๆ ราวกับบรรเลงเพลงซิมโฟนีขับกล่อม
และวอนเหล่าบรรดาดอกไม้ให้เข้มแข็งยืนหยัดจนกว่าสายฝนจะผ่านพ้นไป (เป็นเอามากนะเรา) ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เป็นไปอย่างที่คิด รุ่งเช้า ดอกพ็อดกต ยังอยู่สบาย บานสะพรั่งเต็มต้นให้เราได้เชยชม อย่างมีความสุข แต่ก็ร่วงหล่นไปไม่น้อย (ฮา)
เช้าแรกที่สนามบินอินชอน รอผู้ร่วมทริปจากประเทศเวียดนาม และสิงคโปร์ มากันครบแล้ว รับประทานอาหารเช้าในสนามบิน มีร้านอาหารให้เลือกอร่อยมากมาย เมื่อคืนรับประทานอาหารเกาหลีที่เสิร์ฟบนเครื่องบิน เช้านี้ลงมาต่อที่สนามบิน ก่อนออกเดินทางไป ‘ช็อนจู’ ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง
ดอกพ็อดกต หรือ Cherry Blossom
เที่ยวชมเมืองมรดกทางวัฒนธรรม'ช็อนจู’
เมื่อไปถึง ช็อนจู หลังอาหารมื้อเที่ยง หม่ำ ‘หมูย่างกระทะร้อน’ (Seokgalbi ) แสนอร่อย กับสารพัดเครื่องเคียงและผัก ช่างมีความสุขจริงๆ ร้านนี้ไม่ธรรมดาติดหนึ่งใน 5 ร้านดังในย่านนั้น ชื่อ ร้านอาหารจงโรเฮวควอน (Jongro Hyekwan) ถ้ามีโอกาสกลับไป ต้องแวะไปซ้ำแน่นอน
จากนั้นไปเยี่ยมชม JEON BUK สำนักงานท่องเที่ยวเมือง ‘ช็อนจู’ ที่เพิ่งสร้างเสร็จได้ 2.5 ปี ถือว่าเป็นตึกที่ใหม่มากติดกับสำนักงานตำรวจ ก่อนไปชิลที่ร้านกาแฟ Sakjang Jungmiso
ร้านกาแฟ Sakjang Jungmiso
ภาพของบ้านเก่าอายุกว่าร้อยปีที่คุณลุงลีตามหาบ้านจริงๆจนเจอ
อย่าลืมขึ้นไปถ่ายรูปบนชั้น 2
หลังร้านกาแฟ
สำรวจดอกไม้ที่เริ่มผลิบานในต้นฤดูใบไม้ผลิ
เครื่องดื่ม Grapefruit แสนอร่อย
ต้องบอกก่อนเลยว่า เพื่อความปลอดภัยเวลาใครถามว่าจะดื่มอะไร ตลอดทริปดิฉันเลือก ‘Ice Americano’ ถ้าชื่อแปลก เสี่ยงต่อรสชาติที่หวานจนเกินไป คาเฟ่แห่งนี้เป็นบ้านเก่าทรงน่ารักที่มีอายุเกิน 100 ปี คุณลุงลี หรือ Lee Ea Min เขาต้องการอนุรักษ์บ้านเก่าจึงมาทำร้านกาแฟที่นี่ได้ 8 ปีแล้ว
คุณลุงลี หรือ Lee Ea Min
โดยคุณลุงเล่าว่าเขาเห็นภาพหนึ่งแล้วตามหาว่าบ้านในภาพนี้อยู่ที่ไหน ตามหาจนเจอ เธอจ๋าถ้ามาแล้วอีกไฮไลท์หนึ่งคือ ขึ้นบันได้ไปชั้น 2 แล้วยื่นตัวออกมาจากหน้าต่าง แล้วให้เพื่อนไปยืนถ่ายรูปที่ชั้นล่าง เก็บไว้เป็นที่ระลึก ครั้งหนึ่งในชีวิต
Jeonju Wangyijimil Hanok Hotel
ด้านหลังของโรงแรมมีแม่น้ำ ภูเขา ทิวทัศน์สวยงามมาก
ตัวอย่างห้องพักใน Jeonju Wangyijimil Hanok Hotel
จากนั้นเราเดินทางไปชมโรงแรมที่สร้างให้เหมือนพระราชวังของจักรพรรดิ มีบ้านพักหลายๆแบบ ให้เลือก ชื่อ Jeonju Wangyijimil Hanok Hotel ใครอยากสัมผัสชีวิตชาวโชซอนย้อนยุคเชิญพักที่นี่
ไม่ไกลจากนั้นเราก็วนกลับมายัง Hanok Village ถือว่าเป็นหมู่บ้านดั้งเดิมตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ที่ยังมีคนอาศัยอยู่จริงกว่า 800 คน ก่อนอื่นเราต้องไปแปลงโฉมเป็นสาวเกาหลีโบราณ ใน ชุดฮันบก มีร้านให้เช่าชุดมากมายจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว
ภายใน Hanok Village มีชุดฮันบกให้เช่าดาษดื่น
ที่น่าประทับใจคือ พอเราเข้าไปในร้านเขาจะให้กุญแจล็อกเกอร์ให้เอากระเป๋าของไม่จำเป็นไปเก็บ จากนั้นเราก็เลือกชุดที่ต้องการ ทางร้านก็จะสวมใส่ชุดให้ พร้อมกับพาไปทำผมติดกิ๊บเครื่องหัวจัดเต็ม เสร็จแล้วออกไปเดินสวยๆเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก
เข้าไปเยี่ยมชม ‘พระราชวัง Gyeonggijeon’ สร้างในปี 1410
ภาพเหมือนของ ‘อี ซองกเย’ ผู้ก่อตั้งราชวงศ์โชซอน
เข้าไปเยี่ยมชม พระราชวัง Gyeonggijeon สร้างในปี 1410 เป็นที่ประดิษฐานภาพเหมือนของ อีซองกเย ผู้ก่อตั้งราชวงศ์โชซอน (กษัตริย์องค์แรกแห่งโชซอน) และพระราชวังแห่งนี้ได้ถูกทำลายไปในช่วงสงคราม
‘หอประวัติศาสตร์’ หรือ ‘ห้องสมุดโบราณ’ ภายในเก็บสิ่งของ และบันทึกต่างๆ
ชาวทริป ‘2024 International MICE Professional Fam Tour’ ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
และถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปี 1600 เดินต่อไปอีกหน่อยจะพบกับ หอประวัติศาสตร์ หรือ ‘ห้องสมุดโบราณ’ ภายในเก็บสิ่งของ และบันทึกต่างๆ เกี่ยวกับโชซอนทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า ‘ช็อนจู’ คือจุดเริ่มต้นของโชซอน ก่อนที่ญี่ปุ่นจะเข้ามายึดครองเกาหลี ทำลายหอสมุดทั้ง 4 ภายหลัง มีการสร้างหอประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ จึงรวบรวมเอกสารต่างๆที่เก็บตามบ้าน หรือบ้างนำไปซ่อนไว้ในภูเขา นำมารวบรวมไว้ที่นี่อีกครั้ง
ชมการแสดง 'พันซูริ'
หลังจากนั้นเราเดินทางไปไม่ไกลก็ถึงบ้านของศิลปินเกาหลี ได้ชมการแสดงพื้นบ้านที่ชื่อว่า พันซูริ เป็นการขับร้องผสมผสานกับการเล่าเรื่อง โดยใช้ดนตรีประกอบ มีทั้งเครื่องสายของเกาหลี เปียโน เครื่องตีและเพอร์คัชชั่น
ซึ่งศิลปะนี้ได้รับการรับรองโดยยูเนสโก ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พวกเราแสนเพลิดเพลินกับการแสดงรับรู้ได้ถึงพลังและจิตวิญญาณของศิลปินผู้มากฝีมือ ประทับใจจริงๆ
'ช็อนจูบิบิมบับ'
‘บิบิมบับ’ (Bibimbap) อาหารที่สืบทอดมายาวนานหลายพันปี
‘ช็อนจู’ แห่งนี้ยังเป็นเมืองต้นกำเนิดของอาหารเกาหลี ที่สืบทอดมากว่าพันปี เป็นเมนูที่คนไทยรู้จักดีนั่นก็คือ บิบิมบับ (Bibimbap) หรือ ‘ข้าวยำเกาหลี’ นั่นเอง และ ช็อนจูบิบิมบับ ถือว่าเป็นอาหารที่ดีที่สุดเมนูหนึ่งในสมัยราชวงศ์โชซอน จุดเด่นก็คือมีเครื่องเคียงเรียงรายอยู่บนข้าวหุงสุกกว่า 30 ชนิด เคล็ดลับความอร่อยก็คือ วิธีการหุงข้าวโดยใช้น้ำซุปกระดูกวัว
ประวัติที่น่าสนใจคือ ‘บิบิมบับ’ ยังเป็นอาหารส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยมีความเชื่อว่า ในวันขึ้นปีใหม่อาหารที่เหลือจากปีเก่าทั้งหมดจะต้องรับประทานให้หมด หรือไม่ก็ต้องนำไปทิ้งให้หมด ในคืนวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ดังนั้นคนเกาหลียุคนั้นจึงนำอาหารและเครื่องเคียงทั้งหมดที่มีมาจัดเรียงเป็นเมนูใหม่
ตามหลักฐานบันทึกอายุกว่า 200 ปี พบในเมืองช็อนจูแห่งนี้ กล่าวไว้ว่า ‘บิบิมบับ’ เป็นอาหารที่ถูกเสิร์ฟในพระราชวังของราชวงศ์โชซอน ก่อนที่จะแพร่กระจายออกไปสู่คนชนชั้นขุนนางและชาวบ้านทั่วไป และอาหารชนิดนี้ถูกจดบันทึกครั้งแรกในตำราอาหาร Siuijeonseo (ชีอีจอนซอ) ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยภรรยาของขุนนางท่านหนึ่งในสมัยนั้น วันนี้ทันใดที่เดินทางมาถึงเมือง ‘ซ็อนจู’ มื้อเที่ยงแสนพิเศษจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเมนูขึ้นชื่อของเมืองนี้
ร้านอาหารจงโรเฮวควอน (Jongro Hyekwan)
ร้านนี้มีข้าวห่อใบบัวผสมธัญพืช อร่อย ดีต่อสุขภาพ
กิมจิที่เกาหลีอร่อยทุกร้าน
ทว่ามื้อเที่ยงของเมืองนี้เราได้อิ่มอร่อยประทับใจไปแล้วกับเมนู ‘หมูย่างกระทะร้อน’ (Seokgalbi ) ร้านอาหารจงโรเฮวควอน (Jongro Hyekwan) มาที่เมืองต้นกำเนิดทั้งที เราต้องทำอะไรแบบพิเศษกว่านั้น นั่นก็คือ เข้าคลาสเรียนทำ ‘บิบิมบับ’ ซะเลย ทำเอง กินเองนักเลงพอ (ฮา)
มื้อค่ำของวันแรกที่ไปเยือน ‘เมืองช็อนจู’ พวกเรามุ่งหน้าไปยัง Jeonju Cooking Class บ้านของเชฟชื่อดัง ‘จอง จอง ฮี’ อันดับแรกเชฟชวนพวกเราไปเก็บดอกไม้ที่สวนหน้าบ้าน ต้นฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ที่เธอปลูกไว้พากันเบ่งบานเต็มสวนช่างน่ารักเหลือใจ เราเก็บดอกไม้ตามที่อาจารย์ชี้ชวน
‘จอง จอง ฮี’เชฟชื่อดังเจ้าของ ‘Jeonju Cooking Class’
อันดับแรกเธอสาธิตการทำขนมหวาน ก็คือ นำแป้งข้าวเหนียวก้อนกลมๆ มาคลี่ให้เป็นแผ่นแป้งทรงกลมแล้วนำลงไปทอดในกระทะ น้ำมันน้อยๆ จากนั้นนำไส้ถั่วแดงลงไป นำแผ่นแป้งห่อหุ้มไส้ถั่วแดงเอาไว้ จากนั้นจัดใส่จานเล็กๆ ท็อปปิ้งด้วยครีมชีสตกแต่งด้วยรากบัวกรอบๆแผ่นบางๆ สตรอว์เบอร์รี่ รสหอมหวาน ประดับด้วยดอกไม้ที่เราเก็บมา จานนี้จะเป็นขนมหวานของพวกเราในตอนท้าย
ก่อนอื่นออกไปเก็บดอกไม้ที่สวนหน้าบ้าน เอาไว้แต่งจานขนม
นี่ไงขนมที่ทำเสร็จแล้วพร้อมรับประทาน
จากนั้นสาธิตการทำ พาจอน หรือ พิซซ่าเกาหลี โรยแป้งลงบนกระทะที่ใส่น้ำมันเล็กน้อยให้เป็นแผ่นกลมๆคล้ายพิซซ่า แล้วตามด้วยต้นหอม เนื้อสัตว์ต่างๆ อย่างเช่นกุ้ง แล้วโรยแป้งลงไปทับอีกทีบางๆ พอด้านล่างเริ่มสุก ก็กลับด้าน สุกทั้งสองด้านแล้วตักใส่จาน ใครจะเรียนทำเมนูอื่นอย่าง จับแช (ผัดวุ้นเส้นเกาหลี) บูลโกกิ (Bulgogi) เนื้อผัดซอส ข้าวห่อสาหร่าย(คิมบับ) ต๊อกบกกี ฯลฯ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
‘เชฟจอง จอง ฮี’ สาธิตการทำพาจอน(พิซซ่าเกาหลี)
แล้วมาทำ ‘บิบิมบับ’ เป็นเมนูไฮไลท์ และเป็นอาหารจานหลักของมื้อค่ำนี้ การทำไม่ซับซ้อนเพราะเราเป็นแค่ผู้จัดเรียง ข้าวหุงสุกมาแล้ว แค่เรียงผักให้สวยงามตามจินตนาการ แล้วใส่เนื้อสับที่ปรุงมาแล้วลงไปตรงกลาง เหยาะซอสโกจูจังลงไปตามชอบ เป็นอันเสร็จพิธี ถือว่าเป็นกิจกรรมที่สนุกเพลิดเพลินน่าสนใจ และมีความสุข
มื้อค่ำฝีมือเราเอง
มองเห็นรอยยิ้มของทุกคนแล้ว คิดว่าทุกคนต้องชอบ พอจบมื้ออาหารแสนอร่อยด้วยมือเราแล้ว ‘เชฟชอง ชองฮี’ เตรียมมันเทศเผา จากเตาถ่านร้อนๆ คอยอยู่ที่หน้าบ้าน อากาศเย็นๆแบบนี้ มีมันเผาร้อนๆ ช่างลงตัวจริงๆ
สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาตามเวลาพยากรณ์อากาศอย่างแม่นยำยิ่งกว่าเทพธิดาพยากรณ์บ้านเรา สนใจคลาสทำอาหารของเชฟจอง เข้าไปดูได้ใน Tripadvisor นะคะ
ดอกพ็อดกต เริ่มผลิบาน
ราชินีแห่งฤดูใบไม้ผลิ
ดอกไม้นานาชนิดเริ่มตื่นจากการหลับใหลในฤดูใบไม้ผลิ
ครึ่งวัน.....ในประเทศเกาหลี ที่ ‘เมืองช็อนจู’ เราทำอะไรได้มากมาย จากนั้นนั่งรถท่องเมืองในยามค่ำคืนกลับที่พักโรงแรม Best Western Plus Jeonju นอนหลับฝันดี......โปรดติดตามตอนต่อไป