‘เที่ยวราชบุรี’ เขาทะลุมิติ....มีแบบนี้ที่ ‘จอมบึง’
‘เที่ยวราชบุรี’ คราวนี้ ต้องมาเยี่ยมชม ‘เขาทะลุมิติ’ แห่ง ‘จอมบึง’ แม้นไม่สวยมาก แต่ดีใจที่ได้มาเห็น อยากให้มาเห็นกัน จะได้ดีใจไปด้วยกัน
อันที่จริง จอมบึง กับ จังหวัดราชบุรี นี้เป็นที่รู้จักกันมานาน อย่างน้อยก็มี ‘ถ้ำเขาบิน’ ‘ถ้ำจอมพล’ สองถ้ำเก่าแก่ที่รู้จักกันมาเนิ่นนาน แต่หลังจากที่ สวนผึ้ง เริ่มเป็นที่รู้จัก การรับรู้ว่ามีจอมบึงก็ไม่เคยจางหาย เพราะหนทางที่จะไปยังสวนผึ้งได้สะดวกที่สุดนั้นก็มักจะต้องผ่านจอมบึง ไม่ว่าท่านจะเคยผ่านจอมบึงไปสวนผึ้งมากี่ครั้งแล้วก็ตาม แต่ครั้งนี้ผมอยากให้ท่านแวะที่จอมบึงนี่ให้ได้ เพราะผมกำลังจะพาท่านไปปีน...เขาทะลุมิติ
ก่อนอื่นมาว่าถึงการเดินทางก่อนเลยครับ คอลัมน์นี้ไม่ว่าจะไปซอกแซกหาที่เที่ยวใหม่ๆมาบอกอย่างไรก็ตาม ที่สำคัญคือ ท่านผู้อ่านต้องตามไปเที่ยวได้ ไม่ต้องมากั๊กข้อมูล ไม่ต้องมาให้ท่านไปเสาะแสวงหาการเดินทางเอง ผมบอกมาเสร็จสรรพ
ท่านผู้อ่านมาจากแยกเขางู มาจนถึงตัวตลาดสด จอมบึง ก่อนที่จะเข้าไปภายในเขตราชภัฏจอมบึง จะมีทางแยกซ้ายมือ เป็นซอยเล็กๆ ให้เลี้ยวเข้าไปในซอยนั้น ช่วงแรกๆซอยก็จะซอกแซกเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ก็ไปตามทางหลักนั่นละครับ ไม่นานก็จะหลุดออกมาจากย่านชุมชน ให้ไปตามทางสายนี้หลักๆ มุ่งหน้าไปที่วัดหนองบัวค่าย เลยทางเข้าวัดไปไม่ไกลจะเป็นสามแยกให้เลี้ยวขวา
แล้วไปตามทางหลักอีกไม่ไกล จะเป็นช่วงที่ทางหลักหักเลี้ยวแบบ 90 องศา ไปทางขวา แต่ตรงหัวมุมที่ทางหลักเลี้ยวเป็นทางฉากนี้ ทางซ้ายมือ จะมีทางลูกรัง ให้เลี้ยวไปตามทางลูกรัง สองฝั่งทางลูกรังก็จะเป็นต้นยูคาที่ปลูกไว้ริมทางบ้าง บางช่วงเป็นไร่อ้อย แต่เราจะเริ่มเห็นภูเขาหินปูนไม่สูงนัก ขวางอยู่ด้านหน้า
เป็นหน้าผาหินตัดชันเป็นแนวยาว แนวหน้าผาที่ตัดชันนั้นเป็นสีขาวนวล-ด่าง ตามลักษณะของภูเขาหินปูน และมีโพรงถ้ำขนาดใหญ่อยู่บนหน้าผานั้น...นั่นละครับ...เขาทะลุมิติ ที่ว่า
เขาทะลุมิติที่ปรากฏเบื้องหน้า
เข้าไปจนสุดทางลูกรัง จะเห็นว่ามีทางลูกรังอีกเส้นหนึ่งมาบรรจบกัน ตรงนี้จะเป็นลาน มีการเอารั้วมาล้อมบางส่วนไว้ ด้านในรั้วที่ล้อมบังตาคือบริเวณโรงโม่หิน จะมีทางแยกเข้าไปอีกด้านหนึ่ง เข้าไปตามทางก็จะเห็นป้ายบอกทางขึ้นเขา ก็ไปจอดรถให้ชิดขอบทางให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็เดินเท้าครับ
สภาพเส้นทางที่จะเข้าไป
แนวหน้าผาที่หักถล่มลงมา เห็นโพรงถ้ำชัดเจน
ไปที่นี่ อยากให้เตรียมตัวสักหน่อย คือ รองเท้าควรเป็นรองเท้าผ้าใบ อันนี้สำคัญมาก มีไม้เท้าติดไปด้วยก็จะดีมากจะช่วยได้เยอะ ควรมีเป้ใบเล็กๆติดน้ำดื่มใส่เป้สักนิด ถ้าไปฤดูฝน ควรใส่เสื้อผ้าที่แขนขายาว เพราะจะมียุงในอุโมงค์นั้น ที่สำคัญมากๆ คือปล่อยมือให้ว่าง อย่าหิ้วอะไรให้เป็นภาระ เพราะเดี๋ยวจะได้ใช้มือช่วยพยุงตัว เมื่อพร้อมแล้วก็เดินกันไปตามทางเลยครับ
ทางเดินขึ้นในช่วงแรกๆ
จะเป็นทางเดินขึ้นเขา สองข้างทางเป็นป่าเบญจพรรณ มีไผ่รวกเป็นต้น ก็ตามลักษณะของภูเขาหินปูน ก็จะมีป่าเบญจพรรณขึ้น ท่านผู้อ่านจะเห็นว่าทางเดินนั้น มันจะมีก้อนหินปูนเล็กบ้างใหญ่บ้างอยู่บนทางเดิน ซึ่งหินเหล่านี้มันลอย คือมันไม่เกาะกันและไม่ฝังตัวไปในดินด้วย มันเลยจะทำให้เราลื่นก้อนหินเหล่านี้ จึงมีการผูกเชือกเส้นใหญ่ ไว้ให้เรายึดเกาะตลอดทางเดิน
ยิ่งขึ้นชัน ก็จะเห็นหินก้อนใหญ่ๆมากขึ้น มาจากหินที่ถล่มพังลงมาในอดีตนั่นเอง
แรกๆทางก็จะยังไม่ค่อยชัน แต่ยิ่งขึ้นก็ยิ่งชันและทางก็จะลื่นก้อนหิน คือหินที่เราเหยียบ มันพร้อมกลิ้งลงมาตลอดเวลา ถ้าท่านผู้อ่านไปกับเพื่อนๆ ต้องระวังหมั่นดูเพื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยว่าเขาเหยียบก้อนหินร่วงลงมาหรือเปล่า ทางที่ดีคือถ้าไปกับเพื่อน แล้วเขาออกหน้า ก็ทิ้งระยะกับเขาซะหน่อย ถ้าหินร่วงลงมา เรายังมีเวลาหลบซ้ายหลบขวาได้
สะพานหินที่ปรากฏบื้องหน้า
เราจะเจอสภาพทางหินร่วงนี้ไปตลอดทาง แต่พอใกล้จะถึงทางจะชันหน่อย จับเชือกให้มั่นๆครับ ลองแหงนหน้าขึ้นดู จะเห็นเป็นสะพานหินปูนขนาดใหญ่อยู่เหนือหัวเรา ค่อยๆสาวเชือก พาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆครับ ก็จะเข้าไปอยู่ใต้ร่มเงาของสะพานหิน มีกองหินใหญ่ๆ ตรงนี้ถ้าเมื่อยขาก็พักก่อน จะเห็นทิวทัศน์ด้านหน้า แต่ถ้ายังไม่เมื่อยขา ก็ขึ้นไปตามทางชันอีก
เพิงถ้ำที่ราบเดียวของถ้ำแห่งนี้
ทางเดินที่ต้องสาวเชือกขึ้นมาตลอดทาง
ซึ่งช่วงนี้ เชือกแทบจะแนบกับพื้นแล้ว หมายความว่าเราจะไม่มีเชือกให้เกาะแล้ว แต่พื้นก็ยังชัน หินที่พื้นก็ยังพร้อมกลิ้ง ผมถึงบอกว่า ไม้เท้าสำคัญมาก มันจะช่วยเรายัน แล้วเป็นหลักให้เราขึ้นไปจนถึงพื้นราบด้านบนจนได้ รวมระยะทางที่เดินขึ้นเขามา ผมว่าไม่เกิน 200 เมตร
ที่ราบด้านบนที่ผมว่า มันจะเป็นเพิงถ้ำด้านซ้าย เวลาหันหน้าเข้า จะเป็นเวิ้งถ้ำ ที่ดูแล้วเหมือนเป็นการขุดเข้ามามากกว่าที่ธรรมชาติจะเป็นผู้กระทำ ถูกขุดเข้ามาไม่ลึกมากราว 4-5 เมตร มีคนนำพระพุทธรูปองค์เขียวมาประดิษฐานไว้
ใต้โค้งสะพานหิน
ถ้ำทะลุมิติ หรือ เขาทะลุมิติ นี้ จริงๆแล้ว น่าจะเคยเป็นถ้ำ ที่หลังคาถ้ำส่วนโถงด้านในถล่มลงมา กลายเป็นเวิ้งภูเขาหินปูนด้านใน เพราะยังมีกองหินขนาดใหญ่อยู่ให้เห็น ส่วนสะพานหินที่เราเห็น ก็น่าจะเคยเป็นส่วนหนึ่งของหลังคาถ้ำ ที่ต่อมาภูเขาด้านข้างถล่มตกลงมาทั้งแถบ
ถ้านึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงเขาพิงกัน ที่ด้านข้างภูเขาหักตกลงมาเหมือนถูกเฉือน เพียงแต่เขาพิงกัน ส่วนที่หักตกออกไปยังคา พิงกันอยู่ แต่นี่พังหายไปเป็นไหล่เขา เหลือตัวสะพานหินนี้ไว้ ซึ่งปรากฏการณ์ที่ว่านี้ เกิดขึ้นเมื่อเป็นล้าน เป็นแสนปีก่อน หินปูนก็ผุพังย่อยสลายถูกน้ำละลาย พื้นโลกก็มีการขยับโยก ปรับสมดุล จึงเกิดการถล่ม พัง
ถ้ำทะลุมิติ หรือเขาทะลุมิติ แห่งจอมบึง
จึงปรากฏเป็นรูปลักษณ์อย่างในปัจจุบันดังกล่าว นี่เองที่เขาเรียกถ้ำทะลุมิติ หรือ เขาทะลุมิติ ความสวยงามนั้น ก็คงขึ้นกับคนมอง แต่ผมว่ามันก็แปลกตาดี ไม่เคยเห็นก็ได้มาเห็น ภาพต่างๆที่นำมาประกอบน่าที่จะเล่าเรื่องได้มากกว่าที่ผมบรรยาย
ขาลงก็ลงตามทางเดิม ที่เพิ่มเติมคือ ระวังจะลื่นครับ ผมเองยังลื่นเลย ลื่นหินที่มันกลิ้งนี่แหละ ดีที่ได้เชือกพยุงไว้ ทำให้หัวไม่ทิ่มลงพื้น ผมถึงบอกว่าไม้เท้าจะช่วยได้อย่างมาก
มีเพิงถ้ำย่อย ที่มีบันไดไม่พาดขึ้นไป แต่ดูไม่แข็งแรงเลยไม่ได้ขึ้นไปดู
เขาทะลุมิติแห่ง จอมบึง แล้วแต่มุมมองของคนที่มาเยือนว่าสวยมากน้อยแค่ไหน แต่สำหรับคนที่ชอบปรากฏการณ์ต่างๆของภูเขา ที่นี่คงไม่ทำให้ผิดหวังเพราะถ้าเราทะลุมติได้จริงๆย้อนไปในอดีต คงจะทำให้เห็นรูปทรงของภูเขาแห่งนี้อย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อทะลุมิติไม่ได้ ก็คงต้องสืบค้นและคาดเดาเอาจากรูปลักษณ์ และหลักฐาน เศษซากที่ยังหลงเหลือนี่เองที่จะบอกเล่าเรื่องราวในอดีตได้
เขาทะลุมิติแห่งจอมบึง แม้นไม่สวยมาก แต่ดีใจที่ได้มาเห็น อยากให้มาเห็นกัน จะได้ดีใจไปด้วยกันครับ....