‘เที่ยวมุกดาหาร’ แวะ ถ้ำโส้ม....พระใหญ่บนหน้าผา
‘เที่ยวมุกดาหาร’ ครั้งนี้ เมื่อเห็น ‘พระใหญ่บนหน้าผา’ ชวนให้สะดุดตา สะดุดใจ ฉุกคิดถึงสอนของพระพุทธองค์ ที่พอจะนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต สู่ความสงบสุขได้บ้าง
ผมมีโอกาสได้ไปใช้ถนนสายใหม่ถนนหมายเลข 12 หรือ AH 12 (กาฬสินธุ์- คำชะอี)ที่ต่อไปถึง จังหวัดมุกดาหาร เป็นถนนที่เปิดใช้มาปีกว่าๆแล้ว เป็นถนนที่สวยมาก เป็นถนนคู่ขนานไป-กลับ ข้างละ 3 เลน (ถ้าจำไม่ผิด) ทิวทัศน์สองข้างทางสวยมากโดยเฉพาะช่วงใกล้ๆ กุฉินารายณ์ไปคำชะอี มีภูเขาสองฝั่งทาง เส้นทางสูงต่ำ รถไม่มาก ขับรถเล่นเพลินๆ แต่หลายคนบ่นว่าไม่มีปั้ม ถนนเปิดใหม่ เข้าใจว่าคนที่อยากทำปั้มก็คงเตรียมหาที่หาทางอยู่ละครับ ไม่นานก็คงมี
จากกาฬสินธุ์ไปพอไปถึงแยกตรงบ้านนาไคร้ จะมีถนนที่มาจากกุฉินารายณ์มาเชื่อมรวมเป็นถนนเส้นเดียวกัน ช่วงนี้แหละวิวสวย เป็นถนนเส้นเดียวไปไม่เท่าไหร่ ก็จะแยกเป็นสองเส้นคู่ขนานกัน สายบนคือ สาย 12 ส่วนสายล่างคือถนนสายเก่า สาย 299 ให้ใช้ถนนสายล่างนี้ มันก็จะผ่านบ้านคำพอก ผ่านน้ำตกตาดโตน
จนกระทั่งไปถึง อำเภอหนองสูง ซึ่งถ้าตรงไปตามถนนสาย 299 เดิม ก็จะไปอำเภอคำชะอีไปบรรจบกับถนนสาย 12 นั่นเอง แต่ตรง ‘อำเภอหนองสูง’ นี้ เราจะใช้ถนนหมายเลย 2370 ซึ่งถนนเส้นนี้ จะไปทะลุออกอำเภอนิคมคำสร้อย แล้วก็ไปบรรจบถนนสาย 212 ซึ่งมาจากทางอำนาจเจริญ หรืออุบลฯ แล้วก็ไป จังหวัดมุกดาหาร ได้เช่นกัน
ที่ต้องอธิบายเรื่องถนนตัดใหม่นี้ค่อนข้างมากเพราะ ถ้าเราเผลอวิ่งไปบนถนนสายที่ตัดใหม่แบบขับเพลินๆ มันจะหลงไปไกลเลยครับ สมมติว่าเลยจุดที่เราจะแวะ แต่มันไม่มีทางเข้า ทางกลับรถอะไรไกลกันมาก ไม่มีชุมชน ไม่มีคนให้ถามทาง มีแต่สวนยางพารา เพราะชุมชนต่างๆ จะมาอยู่ริมถนนสายเก่า หมายเลข 299 กันหมด
ย้อนกลับมาที่ อำเภอหนองสูง อำเภอนี้เป็นอำเภอเล็กๆ บรรยากาศชนบท แต่ก็ไม่ได้ทุรกันดารอะไรถนนหนทางก็ดี ถนนสาย 2370 ที่เราจะใช้เดินทางนี้ จะผ่านหมู่บ้านในชนบท มีทิวทัศน์สองข้างทางสวยงามมากโดยเฉพาะในฤดูฝน ทุกอย่างดูเขียวขจี สดชื่น มีวิวทุ่งนา ภูเขาสองฝั่งทาง จนเข้าเขต เทศบาลตำบลบ้านเป้า ทางขวามือ(หรือด้านตะวันตกของถนน)
ภาพที่สะดุดตา ย่านบ้านเป้า สิ่งปลูกสร้างบนหน้าผาสูง
ก็จะมี ภูเขาหินทราย สูง หลังเขาแบนราบแบบภูเขาหินทรายทั่วไป มีหน้าผาตัดตรง และเห็นสิ่งก่อสร้างคล้ายศาลาอยู่บนภูเขาสูง เป็นที่สะดุดตานัก จนต้องจอดรถดู แล้วก็เหลือบไปเห็นป้าย วัดถ้ำโส้ม หรือ วัดถ้ำผาขาว ถามชาวบ้านเพื่อความมั่นใจว่าใช่ไหม พอชาวบ้านบอกว่าใช่ ผมก็ยังสงสัยว่า แล้วมันจะมีทางรถยนต์ขึ้นไปได้เหรอ ก็ในเมื่อมันสูงชันขนาดนั้น
“เข้าไปเถอะ ขึ้นได้”
พอชาวบ้านให้ความมั่นใจ ผมก็เลี้ยวรถเข้าไปทันที ทางเข้าเป็นทางปูนเล็กๆสองข้างทางเป็นนาข้าวบ้าง สวนยางพาราบ้าง ดีที่พอมีทางแยก เขาจะมีป้ายบอกตลอด พอใกล้ไปถึงตีนเขา ทางจะเริ่มชันขึ้น ก็ขับไปตามทางเรื่อยๆ จนสุดทาง มีศาลาเล็กๆ มีห้องน้ำ เราก็รู้แล้วว่าเป็นเขตวัด ก็จอดรถ แล้วเดินเท้าไปตามทาง ซึ่งจริงๆ ก็เป็นถนนปูน แต่เขาไม่ให้รถขึ้น ให้เดินเท้าอย่างเดียว ทางก็ชันไปเรื่อยๆ หักศอกซ้ายขวา ไปมา จนไปเห็นอาคารสูงสร้างติดอยู่กับหน้าผานั่นแหละ จึงรู้ว่ามาถึงจนได้
ทางเข้าวัดถ้ำผาขาวหรือวัดถ้ำโส้ม ในเทศบาลตำบลบ้านเป้า
แม้ทางเขาจะมีหลายแยกแต่ ก็มีป้ายบอกตลอดทาง
สิ่งปลูกสร้างบนหน้าผาสูง
อาคารนี้เป็นอาคารที่สร้างติดหน้าผาอย่างที่บอก รูปทรงคล้ายป้อมค่ายที่เคยเห็นในอินเดีย แต่จริงๆที่สร้างแบบนี้คงจะเป็นด้วยสถานที่บังคับ เท่าที่เห็นมีอยู่ 2-3 ชั้น และที่สำคัญ กำลังอยู่ในการก่อสร้าง ยังไม่แล้วเสร็จ ผมว่าทั้งหมดคงเสร็จไปแค่ 50 % เท่านั้น โดยเฉพาะชั้นล่างนั้น กองวัสดุ อุปกรณ์ช่าง เครื่องไม้เครื่องมือระเกะระกะไปหมด มีการแกะสลักผนังหินทราย เป็นภาพพุทธประวัติด้วย แต่ยังไม่แล้วเสร็จ
ทางเดินขึ้นเขา ที่ห้ามนำรถยนต์ขึ้น เดินเท้าอย่างเดียว
อาคารที่เห็นบนภูเขาสูง ก็มาถึงจนได้
มีช่องทางเล็กๆแทรกเข้าไปยังบันได ที่นำพาขึ้นไปชั้นบน ซึ่งเป็นลานโล่ง ส่วนหนึ่งของลานมีหลังคาคลุม มีพื้นที่ยกสูงขึ้นมาหน่อยหนึ่ง มีโต๊ะหมู่บูชา ลานด้านนอก เปิดโล่ง มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่และพระอัครสาวกซ้ายขวา แกะสลักไปบนหน้าผาหินทราย กลายเป็นว่าศาลาที่เห็น เป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาใช้แทนพระอุโบสถ โดยมีพระพุทธรูปแกะสลักเป็นพระประธานของสถานที่
ชั้นล่าง ที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ จึงยังมีวัสดุอุปกรณ์มากมาย
ภูเขาที่เห็นนี้เป็นภูเขาลูกเดียวกันกับ ผาน้ำทิพย์’ หรือ เจดีย์ชัยมงคล ใน อำเภอหนองพอก ของร้อยเอ็ดนั่นเอง เป็นภูขาลูกเดียวกันแบ่งแดนกัน ครึ่งหนึ่งอยู่ทาง ร้อยเอ็ด อีกครึ่งอยู่ทาง มุกดาหาร
รูปแกะสลักที่หน้าผาหิน ในชั้นล่าง
เคยอ่านเจอว่าเหตุที่สร้าง พระพุทธรูปบนหน้าผา นี้มาจากการที่เมื่อ มีนาคม 2544 กลุ่มตาลีบัน ในอัฟกานิสถาน ได้ระเบิดพระพุทธรูปที่เมืองบาบียัน ทิ้งอย่างไม่แยแส จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้คณะสงฆ์แห่ง วัดถ้ำโส้ม ร่วมกับญาติโยมผู้มีจิตศรัทธา สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นมาบนหน้าผาสูงดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้ว ยังมีการแกะสลักหินทราย เป็นภาพพุทธประวัติต่างๆ อีกมากมาย บนหน้าผาในส่วนอื่นๆด้วย
ทางขึ้นสู่ชั้น ๒ ยังคงก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ
ชั้น ๒ คือชั้นดาดฟ้า มีศาลาเป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางสงฆ์ แทนศาลา แทนอุโบสถ
สิ่งที่เป็นที่น่าชื่นชมจากลานหน้าพระพุทธรูปแกะสลักคือ ทิวทัศน์เบื้องล่าง ที่มองไปเห็นชุมชนใน ตำบลบ้านเป้า ภูเขาในเขต อำเภอหนองสูง ที่เป็นหลังแป ตามสไตล์ ภูเขาหินทราย ไกลๆ ออกไปคือแนวภูเขาใหญ่ใน เขตคำชะอี และต่อเนื่องกันไป สวยงามมาก โดยเฉพาะในฤดูฝน ทุกอย่างจะแลดูเขียวขจี สวยงาม มีสายลมพัดเอื่อยๆ เสียงนกร้อง เพลินเลยแหละ ชนิดที่ดูกี่ครั้ง ดูนานขนาดไหนก็ไม่เบื่อ ถ้าจะมีเสียอย่างเดียวก็คือ
ภาพแกะสลักทางศาสนาต่างๆ บนหน้าผาหินทราย
นักท่องเที่ยว...!
ถ้าทุกคนรู้ว่าไป เที่ยววัด แล้วไม่ส่งเสียงดัง ไม่กระโดดโลดเต้น ไม่ตะโกนชักชวนกันมามุมนั้นมุมนี้ ราวกับมองไม่เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่บนหน้าผา ไปเที่ยว ไปดู ก็ไปด้วยอาการสำรวม วัดเปิดให้เข้าเที่ยวชม ก็อย่าไปแสดงอากัปกริยาจนเลยเถิด ต้องคิดเสมอว่านี่คือวัด
ลานด้านบน เป็นเหมือนที่ประกอบพิธีกรรม โดยมีพระพุทธรูปแกะสลักเป็นพระประธาน
วัดค่อยๆก่อสร้างไปตามกำลังเงินที่ได้มาจากการทอดกฐินบ้าง ความคืบหน้าจึงเป็นไปอย่างช้าๆ ถ้าท่านผู้อ่านท่านใดมีจิตศรัทธาอยากก่อสร้างให้แล้วเสร็จก็ติดต่อไปที่วัดได้
ทิวทัศน์ที่สวยงามของตำบลบ้านเป้า และภูเขาทาง อ.หนองสูง-คำชะอี
ภาพศาลาหลังใหญ่ที่เห็นบนหน้าผาจากไกลๆ , ภาพพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่อยู่บนหน้าผาเมื่อมองจากลานด้านหน้า น่าสะดุดตา สะดุดใจ ให้ผู้คนได้ฉุกคิด น้อมนำถึงคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ นำมาแนวทางในการดำเนินชีวิตไปสู่ความสงบสุขได้บ้าง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นได้คงไม่มีการซื้อนิพพานอย่างที่เป็นข่าวคราวในปัจจุบันแน่นอน
เที่ยววัดบ้าง จะได้สบายใจ...
ทิวทัศน์มุมสูงที่สวยงาม