ท่องเที่ยวภาคใต้ สังคมน่ารัก แบบ ‘สตูล…สไตล์’
‘ท่องเที่ยวภาคใต้’ คราวนี้พบว่า ลมหายใจของ สตูล ยังคงสดชื่นไปตามอัตภาพ ตามแบบ ‘สตูล…สไตล์’ ในตัวเมืองอาจจะมีที่เที่ยวไม่มาก แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีที่ให้เที่ยว เมืองสตูล เป็นสังคมที่น่ารัก เป็น พหุวัฒนธรรม ผู้คนต่างศาสนาอยู่ร่วมกันได้สบาย
จากการที่ได้ตระเวนเดินทางท่องเที่ยวไปในทุกภูมิภาค ไปครั้งหนึ่งก็เป็นเดือนๆ ทำให้ได้เห็นบ้านเมืองของเราแต่ละที่ในทุกแง่มุม หลากหลายพื้นที่ และทำให้รู้เลยว่าบ้านเมืองของเรานั้น ต่อให้เที่ยวจนตาย ก็ไม่มีวันไปหมด ล่าสุดผมลงใต้มา ใช้เวลาไปเดือนเศษ ไปเที่ยวจนเหนื่อย ก่อนนั้นก็ไปอีสาน ไปภาคกลาง แต่ละที่ไม่ต่ำกว่า1 เดือน นั่นแหละถึงได้ข้อสรุปดังที่กล่าวแล้วข้างต้น ว่าถ้าอยากหาความแปลกใหม่ แค่เที่ยวเมืองไทย ก็มีอะไรใหม่ๆ ให้เที่ยวไม่หวาดไม่ไหวแล้ว
ก่อนนี้ผมไปเห็นคลิปสั้นๆในโซเชียล เขาถ่ายภาพบรรยากาศภายในตัว เมืองสตูล ที่ไม่ค่อยมีรถราวิ่ง คือดูแล้วเงียบเหงา พร้อมกับการบรรยายสั้นๆว่า ตัวเมืองสตูล นั้นเงียบมาก คือถ้าดูตามในคลิปก็เงียบจริงๆ แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตาม ครั้งนี้พอได้เดินทางลงไปทางนั้น ผมก็เลยตั้งใจแวะเข้าไปในตัวเมืองสตูล พิสูจน์กับตาตัวเองอีกครั้ง
อันที่จริงแล้ว ผมเคยมาเที่ยวในตัว เมืองสตูล หลายครั้งแล้ว แต่ละครั้งก็จะห่างกันเกิน 5 ปี ครั้งนี้ก็เช่นกัน จากหาดใหญ่ ผมใช้ถนนหมายเลข 406 ผ่านสามแยกรัตภูมิ เข้าบ้านควน ควนสะตอแล้วเข้าตัวเมืองสตูล ถนนหนทางขับรถค่อนข้างสบาย มีถนนสี่เลนเป็นระยะๆ รถราไม่ได้เยออะไร เสียดายว่าผมไปเอาช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ถ้าได้เดินทางไปช่วงกรกฏาคา-สิงหาคม น่าจะมีผลไม้ขายข้างทางกันมากมาย จนพอเลยแยกควนกาหลง เริ่มเข้าสู่ตัว เมืองสตูล นั่นละครับ รถราจึงดูพลุกพล่านหน่อย
เวลาที่ท่านผู้อ่านลองค้นหาคำว่า สตูล รูปภาพที่ปรากฏจะเป็นภาพที่ ตะรุเตา หรือ หลีเป๊ะ เป็นหลัก ยากนักที่จะหารูปในตัวเมืองสตูลให้ได้เห็น ทั้งๆที่เมื่อได้ไปเห็นตัวเมืองสตูลแล้ว มันก็ไม่ได้ขี้เหร่จนไม่ควรจะมาเยือนแต่อย่างใด
ซุ้มเฉลิมพระเกียรติในเมืองสตูล กำลังตกแต่งใหม่
ตัว เมืองสตูล นั้น เป็นเมืองเล็ก ๆ จริงอันนี้ยอมรับ มีถนนสายหลักอยู่แต่เส้นเดียว คือถนนหมายเลข 406 นี่แหละ ถนนเส้นนี้จะผ่าเมือง แล่นผ่านป่าชายเลนไปสุดที่ทะเลตรงที่เป็น ท่าเรือตำมะลัง (ท่าเรือที่จะไปลังกาวี) ในตัวเมืองถนนสายนี้จะเป็นถนนสี่เลน มีเกาะกลาง แต่รถราขวักไขว่
ถนนหนทางในตัวเมือง
ไม่ใช่ว่ารถเยอะ แต่เป็นเพราะจอดรถรากันไม่ค่อยเป็นระเบียบ ขับรถก็ไม่ค่อยเป็นระเบียบ คนในพื้นที่เขาคงเคยชิน แต่เราคนกรุงเทพไปเจอนี่ ออกจะปวดหัว แต่อาจจะเป็นว่าเมืองเขาเล็ก ทุกอย่างก็เลยอะลุ้มอล่วยกัน แค่ไฟแดงเยอะไปหน่อยเท่านั้น
เท่าที่ผมได้ไปสัมผัสในตัวเมืองเขาเกือบ 2 วันเต็ม ผมว่าบ้านเมืองเขาก็ไม่ได้เงียบเหงานะ ผู้คนก็ใช้ชีวิตปกติ ออกมาค้าขาย ไปมาหาสู่ ไม่เงียบเชียบแบบในคลิปต้นเหตุ ยิ่งช่วงเวลาเช้ากับเวลาเลิกงาน ผู้คนก็คึกคักดี คึกคักจนบางทีดูปวดหัวกับการใช้รถใช้ถนนเหมือนกัน ขนาดเมืองเล็กๆแค่นี้นะ
บรรยากาศในตัวเมืองสตูล
แต่เป็น สังคมน่ารัก เป็น พหุวัฒนธรรม ผู้คนต่างศาสนาอยู่ร่วมกันได้สบาย ทำมาค้าขายในตลาดสด แผงขายหมูอยู่ติดกับร้านขายอาหารทะเลแห้งของพี่น้องชาวมุสลิม ถือเป็นเรื่องปกติ ศาสนสถานนั้น แน่นอนว่ามี มัสยิดมำบัง เป็นมัสยิดประจำตัว จังหวัดสตูล อยู่ในย่านใจกลางเมือง ในวันศุกร์ที่มีละหมาดใหญ่ รถราติดกันย่านนั้น
ย่านเมืองเก่าสตูล
มัสยิดประจำจังหวัดสตูล
เลยไปนิดเดียว ตรงสามแยกเยื้องไปรษณีย์ ริมถนนสมันตประดิษฐ์ จะมี ศาลเจ้าโป้เจ้เก้ง ซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่อายุกว่า 125 ปี ที่ตั้งศาลเจ้าได้รับการบริจาคจากคนจีนที่มาตั้งรกรากใน สตูล
นายลี กา ฮ้วด เมื่อพ.ศ. 2433 หลังจากสร้างอาคารศาลเจ้าเสร็จ ก็อัญเชิญ พระโปเซ็งไต่เต่ หรือ (ไต่เต่เอี้ยจ้อ) จาก เกาะปีนัง มาประดิษฐาน เป็นองค์ประธานในศาลเจ้า ศาลเจ้าโป้เจ้เก้ง นี้ เป็นภาษาฮกเกี้ยน แปลว่า ศาลเจ้าที่ช่วยคุ้มครอง ให้คนมีสุข คลาดแคล้วจากทุกข์ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของพี่น้องชาวจันในสตูลอย่างมาก แม้จะมีอายุที่ยาวนาน ผู้คนก็ยังไปเคารพสักการะกันทุกวัน
คฤหาสน์กูเด็น พิพิธภัณฑ์จังหวัสตูล ที่น่าไปเยี่ยมชม
ด้านหน้าภายในอาคารคฤหาสน์กูเด็น
ส่วนหนึ่งของการจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์
เลยมาอีกแค่ไม่กี่ช่วงตึก ริมถนนสาย 406 นี่ก็จะเป็นที่ตั้งของ วัดชนาธิปเฉลิม ซึ่งเป็น พระอารามหลวง ตั้งอยู่ ถนนสตูลธานี ถนนเส้นนี้จะไปถึง ท่าเรือตำมะลัง นะแหละ ไม่รู้ประวัติวัดว่าตั้งมาเมื่อไหร่ เข้าใจว่าก็ตั้งแต่ตั้งเป็นเมืองสตูล จึงมีอายุไม่น้อยกว่า 200 ปี ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2425 เดิมชื่อวัดมำบังต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ‘วัดชนาธิปเฉลิม’ ในวัดมีเจดีย์ มีวิหาร มีสิ่งปลูกสร้างน่าสนใจหลายอย่าง
บ้านเมืองในสตูล เห็นยอดโดมของมัสยิดโดดเด่น
วัดนี้อยู่ใกล้กับตลาดสด และ ย่านเมืองเก่า ที่เป็น อาคารแบบชิโน-โปรตุกีส ที่ได้รับอิทธิพลมาจากทางปีนัง ที่ยังคงหลงเหลือให้ได้เห็นอยู่บ้าง
ผมย้อนมาที่ถนน 406 อีกที ถ้าเรามุ่งหน้าลงทิศใต้ ผ่าน วัดชนาธิปเฉลิม ไปอีกนิดเดียว ก็จะเจอสามแยก แยกขวามือ เป็นถนนหมายเลข 4051 เป็นทางที่จะไปดูสันหลังมังกรที่ ตันหยงโปว์ นั่นเอง (เรื่องตันหลงโปว์เคยเขียนถึงไปเมื่อหลายปีแล้ว)
แต่ถ้าตรงไป ก็อย่างที่บอกว่ามันจะผ่านป่าชายเลนสองฝั่งถนน และไปสุดที่ ‘ท่าเรือตำมะลัง’ ซึ่งเป็นท่าเรือไป ลังกาวี ที่นี่จึงเป็นด่านพรมแดน มีการผ่านแดนของนักท่องเที่ยวที่มาจากลังกาวี ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯของ อุทยานแห่งชาติทะเลบัน ด้วย เป็นท่าลงเรือไปเที่ยว ถ้ำลอดปูยู ของอุทยานฯทะเลบันนั่นเอง
ถ้ำเขาจีน
วัดชนาธิปเฉลิม วัดเก่าแก่ร่วม 200 ปี ในตัวเมืองสตูล
ศาลเจ้าโป้เจ้เก้ง อายุร่วม 100 ปี ในตัวเมืองสตูล
ขอพาท่านผู้อ่านย้อนเข้ามาในเมืองอีกนิดถ้ามาจากทางรัตภูมิ ริมถนน 406 จะมีซอยเล็กๆเข้าพิพิธภัณฑ์สตูล หรือ คฤหาสน์กูเด็น เป็นอาคาร 2 ชั้น ที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม จัดแสดงวิถีชีวิตของผู้คนและ เมืองสตูล และที่น่าสนใจจนผมขอขยักไว้เขียนถึงต่างหากอีกสักตอน คือสวนสาธารณะเขาโต๊ะพญาวัง ผมอิจฉาคนสตูลที่มีสวนสาธารณะแบบนี้ ไว้คอยตามดูว่ามันน่าสนใจอย่างไร ออกชานเมืองไปนิดเดียว จะเป็นที่ตั้งของ วัดถ้ำเขาจีน เป็นถ้ำในชานเมือง เล็กๆ แต่ก็น่าสนใจ
ในเมืองสตูลนั้นมีคนบอกผมว่ามาถึงต้องลอง โรตีชาชัก เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของ สตูล ให้ได้ เสียดายที่ผมไม่กินทั้งโรตีและชาชัก เลยไม่รู้ว่าอร่อยอย่างไร ที่พักในเมืองก็ราคาไม่แพงครับ เรียกว่าพอพักได้
ปูก้ามดาบยักษ์ ที่ท่าเรือตำมะลัง
เรือโดยสารไปลังกาวีเที่ยวบ่าย กำลังรอเวลาเดินทาง
ได้ไปเห็นเมืองสตูล ก็จะรู้ว่าไม่ได้เงียบเหงาเลย ในตัวเมืองอาจจะมีที่เที่ยวไม่เยอะเท่าสงขลา แต่ทว่าก็ไม่ถึงกับไม่มีที่ให้เที่ยว แต่ถ้าออกนอกเมืองที่เที่ยวเขาบานเบอะเหมือนกัน
ป่าในเมืองที่เป็นป่าชายเลยสมบูรณ์ ที่ท่าเรือตำมะลัง
สวนสาธาณะเขาโต๊ะพญาวังในตัวเมือง ที่ต้องพูดถึงอย่างละเอียดอีกครั้ง
สตูลสุดสายปลายถนนหมายเลย 406 แต่เชื่อผมเถอะว่า ไม่สุดทางของการท่องเที่ยวหรอก เที่ยวสตูลแล้วสบายใจ ไม่ได้เงียบ ไม่ได้ซบเซาเลย ชีวิตก็ดำเนินไปตามปติของเขานะแหละ ครั้นจะเทียบกับหาดใหญ่หรือกระบี่ก็คงไม่ใช่ คราวนี้ว่ากันในตัวเมืองล้วนๆ ครั้งต่อๆไป ค่อยออกไปพื้นที่อื่นของสตูลกันบ้าง
ลมหายใจของ สตูล ไม่ได้แผ่ว ยังคงสดชื่นไปตามอัตภาพ ตามสไตล์ ของสตูลครับ....