‘เที่ยวอุทยานแห่งชาติ’ อ่างทอง....กลางทะเล

‘เที่ยวอุทยานแห่งชาติ’ ประทับใจ ‘หมู่เกาะอ่างทอง’ เป็น ‘อุทยานแห่งชาติ’ ที่อยู่กลางทะเลในเขต จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีหมู่เกาะน้อยใหญ่ในการดูแลถึง ‘42 เกาะ’ บริหารจัดการได้ยอดเยี่ยม
เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ได้เผยรายได้ที่มาจากการเก็บค่าธรรมเนียม จาก นักท่องเที่ยว ที่มา เที่ยวอุทยานแห่งชาติ ในบ้านเรา ว่า จัดเก็บรายได้ ได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นนั่นเอง โดยอุทยานแห่งชาติ ที่สามารถจัดเก็บเงินได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี 500,866,577 บาท
2.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน 243,655,470 บาท
3.อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด 127,820,710 บาท
4.อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา 114,226,610 บาท
5.อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 100,545,505 บาท
โดยมี อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เป็น อุทยานแห่งชาติทางทะเล ที่สามารถจัดเก็บเงินรายได้เป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ยอดดังกล่าวแซงหน้ายอดการจัดเก็บเงินในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท
ซึ่งการจัดเก็บเงินของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราฯ ระหว่างเดือน ต.ค. 2565 ถึงเดือน มิ.ย. 2566 อยู่ที่ 208,572,803 บาท ส่วนสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันระหว่างปี 2566 และ 2567 พลว่าเดิมมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2,660,308 คน แต่เพิ่มมาเป็น 4,548,762 คน เพิ่มขึ้นถึง 41.5 %
โดยเงินรายได้ที่จัดเก็บได้นี้ มีระเบียบการใช้ ไม่ได้เอาไปใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยหรือนอกเหนือได้ โดยจะถูกนำมาใช้จ่ายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในพื้นที่โซนบริการของอุทยานแห่งชาติ ใช้จ่ายเป็นค่าจ้างให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน การพัฒนาองค์ความรู้ของบุคลากรในหน่วยงาน ตลอดจนการจัดสรรเงินส่วนหนึ่งให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับ อุทยานแห่งชาติ ด้วย เบาใจได้เรื่องเอาเงินตรงนี้มาปู้ยี่ปู้ยำ
ก็อาจจะมีคนที่คลางแคลงใจว่าแบบนี้เหมือนเราเอา ธรรมชาติ ในอุทยานฯนั้นมาขาย มี นักท่องเที่ยว ก็ต้องมีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งต้องเข้าใจก่อนว่า ที่เขาเก็บเงินเพราะมีระเบียบให้เขาเก็บ ครั้นจะไม่เก็บก็ไม่ได้ ประกอบกับบ้านเรานั้นรัฐบาลส่งเสริม การท่องเที่ยว และก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก
มันจึงเติบโตเหลือเกิน มีส่วนหนุนช่วยเศรษฐกิจ เมื่อมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม ก็ต้องจัดเก็บตามระเบียบ แต่การใช้ทรัพยากรที่ว่านั้นมันมีการใช้ทรัพยากรแบบใช้แล้วหมดไป กับใช้แล้วไม่หมด ซึ่งผมยกกรณีของอุทยานฯหมู่เกาะอ่างทอง มาเป็นกรณีศึกษา
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เป็น อุทยานแห่งชาติ ที่อยู่กลางทะเลในเขต จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีหมู่เกาะน้อยใหญ่ในการดูแลถึง 42 เกาะ (คำขวัญของสุราษฎร์ ที่ว่าเมืองร้อยเกาะ 42 เกาะอยู่ที่นี่แล้ว)นักท่องเที่ยวที่จะไปนั้น ต้องมาซื้อแพกเกจทัวร์แบบ One day tour จะมีแพกเกจขายมากมาย ราคาก็ตั้งแต่ 900 -1,700 บาท( แล้วแต่ลักษณะเรือ การบริการ ประเภทอาหารกลางวัน)
มาลงเรือที่ท่าเรือหน้าทอน บน เกาะสมุย (จะไปหมู่เกาะอ่างทองต้องมาเริ่มที่เกาะสมุยทั้งนั้น ยกเว้นจะเหมาเรือ ก็สามารถออกจากท่าเรือดอนสักได้) เรือจะออกราว 7.30-8.30 น. ราว 09.30 น. ก็จะถึงที่ เกาะวัวตาหลับ ซึ่งเป็นที่ทำการของอุทยานฯด้วย
บนเกาะนี้ จะมีกิจกรรม การเดินขึ้นจุดชมวิวจันทร์จรัส ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยมาก แต่ชันหน่อย แต่ได้รับความนิยมมาก ทางอุทยานฯเขาทำทางเดินเป็นทางปูนตลอดเส้นทางและมีร่มเงาต้นไม้ไปจนเกือบถึงสูงสุดของเส้นทาง ไม่มีการเดินออกนอกเส้นทาง เพราะเขาทำราวกั้นตลอดเส้นทาง
แล้วก็มีเดินไป ถ้ำบัวโบก ซึ่งอยู่ใกล้ๆที่ทำการฯ เล่นน้ำหน้าหาด ซึ่งมีหาดไม่กว้างนัก หรือพายเรือแคนูบริเวณหน้าเกาะ แล้วก็จะทานข้าวเที่ยงที่นี่ ราวบ่ายโมงกว่าๆ ทัวร์เขาก็จะพาเราไปยังเกาะแม่เกาะ แล้วเดินตามสะพานทางเดิน ที่พาดไปมาในซอก เขาหินปูน ไปยังทะเลในหรือปิเล๊ะ ซึ่งเป็นเหมือนแอ่งน้ำกว้างที่อยู่ท่ามกลางหมู่ภูเขาหินปูนที่ล้อมรอบ แต่มีโพรงที่น้ำลอดเข้ามาได้
ทะเลในจึงมีน้ำขึ้นน้ำลงเหมือนทะเลด้านนอก นักท่องเที่ยว ก็เดินชมความสวยงามตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติเหล่านี้ พอบ่ายสาม เรือเขาก็จะกลับท่าเรือหน้าทอนบนเกาะสมุยราวบ่ายสี่กว่าๆ จริงๆ อุทยาน เขายังมี เกาะสามเส้า หาดเกาะร้าง หาดหน้าทับ แต่เรือทัวร์แบบ One day tour จะไม่พาไป
ภูเขาหินปูนเกือบครึ้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ที่ อช.หมู่เกาะอ่างทองนี้
ผมเพิ่งไป หมู่เกาะอ่างทอง มาเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี่เอง ซึ่งเป็นช่วงที่อุทยานฯทางทะเลฝั่งอันดามันปิดประจำปีทั้งหมด แต่ ‘การท่องเที่ยวทางทะเลทางฝั่งอ่าวไทย’ ยังเที่ยวได้สบาย นักท่องเที่ยวก็เลยมาก จริงๆมันก็มากไปทั้งเกาะสมุยนะแหละ
ตั้งแต่บน ‘เกาะสมุย’ และที่ซื้อแพกเกจไปเที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง นักท่องเที่ยว ‘ล้นหลาม’ โดยเฉพาะยิ่งเมื่อเรือทัวร์ทั้งหลายไปถึงจุดหมายในเวลาไล่ๆกัน เกาะคึกคักขึ้นทันที และเป็นคนต่างชาติถึง 90 % ที่เหลือจึงเป็นคนไทย
จะเห็นว่ากิจกรรมของ การท่องเที่ยว ของที่นี่ นักท่องเที่ยวไม่มีโอกาสเดินออกไปนอกเส้นทางได้เลย เล่นน้ำ ก็อยู่ในหาดแคบๆ แทบไม่มีออกไปนอกการควบคุมเลย ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวเขาก็จะเป็นการถ่ายภาพ การจับต้องสิ่งต่างๆก็แทบไม่มี อีกทั้งเพราะจุดท่องเที่ยวที่มักนิยมไปกัน จุดจอดเรือ จุดขึ้นลงเรือ ไม่อาจซิกแซกไปเข้าทางอื่นได้
เจ้าหน้าที่เขาจึงควบคุมอย่างทั่วถึง การเสื่อมสลายของแหล่งท่องเที่ยวจึงแทบไม่มี ส่วนขยะนั้นมีข้อตกลงระหว่างอุทยานฯกับเรือท่องเที่ยว ให้นำกลับทุกครั้งทั้งขยะพลาสติก และขยะจากเศษอาหาร(ที่นำมาเลี้ยงลูกทัวร์) ห้องน้ำเขาก็สะอาดสะอ้านมาก ไม่น่าเชื่อว่ารองรับ ‘นักท่องเที่ยว’ วันละครึ่งพันคนทุกวัน
การที่นักท่องเที่ยวมาก แต่ถ้าเราจัดการได้อย่างเป็นระบบ ผมว่าผลกระทบกับ ‘ธรรมชาติ’ ก็มีไม่มากหรือแทบไม่มี ทั้งยังได้ค่าธรรมเนียมอีกด้วย อย่างที่บอกว่าขึ้นอยู่กับการจัดการ อช.หมู่เกาะอ่างทองก็เก็บค่าธรรมเนียมได้ราว 37 ล้านบาท ในช่วงที่เขารายงานผล
ถือเป็นอีกหนึ่งแห่งที่จัดการได้ดี และแหล่งท่องเที่ยวที่ไปเห็นนั้น สวยงามมาก ประทับใจ แม้จะเหนื่อย เมื่อยในการปีนไปตามขั้นบันไดในเส้นทางศึกษาธรรมชาติต่างๆ ก็ตาม
จุดชมวิวสูงสุดบนเกาะแม่เกาะ ชันจนสาแก่ใจ
หมู่เกาะอ่างทอง นำความประทับใจทั้งสถานที่และการจัดการ สมควรได้เป็นแบบอย่างในการจัดการ อุทยานแห่งชาติ ที่หนึ่งเลย
ใครไม่เคยไป ก็ไปเลยครับ ความประทับใจรออยู่......