“กรมทะเล” จับ ”กรมชลฯ” รุกป่าชายเลนก่อสร้างแก้มลิงเก็บน้ำ
“กรมทะเล” จับ ”กรมชลฯ” รุกป่าชายเลนก่อสร้างแก้มลิงเก็บน้ำ “วราวุธ” เตือนใช้ป่าชายเลนอย่าทำข้ามขั้นตอนกฎหมาย
กรณีมีการร้องเรียนโครงการแก้มลิงเกาะพระทอง (โครงการฟื้นฟูหนองน้ำทุ่งอุ่น) พร้อมอาคารประกอบ บริเวณตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ขององค์การบริหารส่วนตำบลเกาะพระทอง ร่วมกับสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 15 กรมชลประทาน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ตำบลเกาะพระทอง บุกรุกป่าชายเลนและป่าสงวนโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนดำเนินการเนื้อที่กว่า 428 ไร่ วงเงินงบประมาณกว่า 350 ล้านบาท ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตือนทุกฝ่ายให้ดำเนินการอย่างถูกต้องและรอบคอบ ตามกฎหมาย ขอยกพื้นที่นี้เป็นกรณีตัวอย่างให้กับพื้นที่อื่น หากผิดจริง จะต้องใช้กฎหมายอย่างจริงจังและดำเนินการให้ถึงที่สุด พร้อมกำชับทุกฝ่ายช่วยตรวจสอบความถูกต้องของพื้นที่และกฎหมายให้ครบถ้วนก่อนดำเนินการ เพื่อมิให้เกิดปัญหาเช่นกรณีนี้อีก ต่อไป
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนได้รับรายงาน เรื่องนี้จากอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแล้วรู้สึกเศร้าใจ ตกใจและเป็นกังวลเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ และป่าชายเลน แม้หน่วยงานที่เข้าดำเนินการจะอ้างว่ามีเอกสารสำคัญเป็นหนังสือสำคัญที่หลวงและคิดว่าสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่ในความเป็นจริง ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 921/2558 การดำเนินการในที่ดินที่ทำให้เสื่อมสภาพป่า แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า ในที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ยังมิได้มีบุคคลใดได้มาตามประมวลกฎหมายที่ดิน นั้นที่ดินดังกล่าวยังคงอยู่ภายใต้บังคับกฎหมายป่าไม้ ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ และจากการตรวจสอบไม่พบเอกสารคำขออนุญาตใช้ประโยชน์ฯ มายังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อขอยกเว้นมติ ครม.ในการใช้พื้นที่แม้ว่าจะเป็นโครงการเพื่อสาธารณะประโยชน์ก็ตาม
ดังนั้น กรณีนี้จึงถือเป็นการบุกรุก แผ้วถาง ทำลายป่าชายเลนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจในความประสงค์ดีขององค์การบริหารส่วนตำบลเกาะพระทอง และกรมชลประทาน ที่ต้องการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค รวมทั้ง น้ำเพื่อการเกษตร แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องประชาชน ภาคเอกชน หรือแม้กระทั่งหน่วยงานราชการเอง หากกระทำผิดก็ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย
ซึ่งเรื่องนี้ ตนได้ย้ำกับอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างชัดเจน ให้ดำเนินการตรวจสอบและพิจารณาตามข้อกฎหมายอย่างเร่งด่วนและและเป็นธรรม อีกทั้งยังได้กำชับกับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ท่านกำกับเรื่องนี้ อย่างใกล้ชิดและให้เร่งปลูกป่าชายเลนเพื่อฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับมาสมบูรณ์ ดังเดิม
ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก และขอให้พื้นที่นี้เป็นตัวอย่างให้กับพื้นที่และโครงการอื่น ๆของทุกส่วนราชการ ทั่วประเทศ ขอให้ตรวจสอบข้อกฎหมายทุกอย่างให้ชัดเจนก่อนดำเนินการตามแผนงาน
“กระทรวงทรัพย์ฯตระหนักและเข้าใจในเป้าหมายในการทำงานของทุกหน่วยงานราชการ คือ เพื่อประโยชน์และความสุขของพี่น้องประชาชน แต่ภายใต้การสร้างคุณภาพชีวิตและสังคมที่ดีมีความมั่นคงได้นั้น ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องคงอยู่อย่างสมดุล หากธรรมชาติพัง สังคมก็จะพังเจริญต่อไปไม่ได้ ไม่มีใครอยู่เหนือธรรมชาติ และไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้เช่นกัน” นายวราวุธ กล่าวแสดงความห่วงใย
ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวเสริมว่า ตนได้สั่งการให้ตรวจสอบสภาพพื้นที่ แล้ว พบว่า พื้นที่ทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเลน และเขตป่าไม้ถาวรทั้งแปลง นอกจากนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่คาบเกี่ยวกับเขตป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี ในพื้นที่พบต้นไม้ ถูกทำลาย ตลอดทั้งแปลงจึงได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคุระบุรีตาม ปจว.ข้อ 5 ลงวันที่ 22 เมษายน. 2565 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 อีกทั้งยังขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2534 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 ที่ห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์ในเขตป่าชายเลนทุกกรณี ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใช้ประโยชน์โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ก็ต้องขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีๆ ไป อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบหมายให้นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้เร่งรัดทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายและกรมทช.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังอธิบดีกรมชลประทานให้ระงับการดำเนินการโครงการดังกล่าวในทันทีตามอำนาจมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 สำหรับการประเมินความเสียหายเบื้องต้นจากการบุกรุกทำลายป่าชายเลนมีมูลค่ากว่า 29 ล้านบาท
สุดท้ายนี้ ตนขอขอบคุณพลเมืองดีผู้แจ้งเบาะแสการกระทำผิดในครั้งนี้ และขอขอบคุณกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ตชด.และสนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพังงาที่ได้ร่วมกันบูรณาการในภาระกิจนี้ จนสำเร็จลุล่วง