“ศึกน้ำแข็งหลอด” บางพลี เคลียร์ไม่จบ ชักปืนยิงใส่กันเจ็บ 3 ราย
ดื่มแล้วมีเรื่องแถมพกปืน “ศึกน้ำแข็งหลอด” ย่านบางพลี เคลียร์ไม่จบ ชักปืนยิงใส่กันเจ็บ 3 ราย ผู้บาดเจ็บและพยานเล่าเหตุการณ์
เปิดศึกน้ำแข็งหลอด เคลียร์ไม่จบ ชักปืนยิงใส่กันเจ็บ 3 ราย เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 2 พฤษภาคม 2565 ร.ต.อ.วีระพงษ์ อะภัยวงค์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทและใช้อาวุธปืนยิงกัน มีผู้บาดเจ็บสาหัสในที่เกิดเหตุ 2 ราย เหตุเกิดภายในหมู่บ้านษมาภรณ์ หมู่ 11 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผู้กำกับการ สภ.บางพลี , กำลังชุดสืบสวนและมูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางเข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุบนถนนสายหลักทางเข้าหมู่บ้าน เข้าจากปากซอยประมาณ 300 เมตร พบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 2 ราย คือนายชัยวัฒน์ นุชพลอย อายุ 64 ปี ถูกยิงที่เบ้าตาข้างซ้าย กระสุนถากกะโหลกจนมีบาดแผลเปิดอาการสาหัส ใกล้กันพบ นายกิตติพันธ์ รัตนอนันต์ อายุ 49 ปี มีบาดแผลแตกที่ศีรษะ ในมือยังกำพระกริ่งที่ห้อยคอไว้แน่น เจ้าหน้าที่จึงปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวนายชัยวัฒน์ ที่อาการสาหัส ส่งรักษาโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3
ส่วนนายกิตติพันธ์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิให้การปฐมพยาบาลจนอยู่ในอาการปลอดภัย และพอให้การกับเจ้าหน้าที่ ได้ จึงให้การกับเจ้าหน้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลบางพลี ว่ามีผู้บาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว มีพลเมืองดีพาซ้อนท้ายจักรยานยนต์ส่งที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงเข้าตรวจสอบ
ขณะที่ในที่เกิดเหตุพบอาวุธปืน ขนาด 9 มม. สีดำ ตกอยู่ 1 กระบอก , ซองหนังใส่ปืน 1 อัน , ปลอกกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 2 ปลอก , ปืนที่ยังมีกระสุนคาอยู่ 1 กระบอก , ปลอกกระสุนขนาดเดียวกัน กระจายตามพื้น 2 ปลอก , พระกริ่ง 1 องค์ เจ้าหน้าที่เคลียร์อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวพบว่าในรังเพลิงยังมีปลอกกระสุนขนาดเดียวกันติดค้างอยู่ในลำกล้องอีก 1 ปลอก ส่วนแมกกาซีนมีกระสูนที่ยังไม่ได้ใช้งานบรรจุอยู่ 12 นัด เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนั้นห่างกันออกไปเล็กน้อยที่หน้าร้านขายของชำ พบจักรยานยนต์ของนายกิตติพันธ์ จอดอยู่ มีร่องรอยกระสุนยิงเข้าที่เบาะนั่งและยางล้อหลังจนได้รับความเสียหาย พนักงานสอบสวนจึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานต่าง ๆ ในที่เกิดเหตุ
สอบถาม นายสงกรานต์ โกยม อายุ 25 ปี พยานเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะอยู่หน้าบ้านซึ่งไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ สังเกตเห็นมีกลุ่มชายนั่งดื่มสุรากันอยู่ที่หน้าร้านของชำ และได้ยินเสียงคล้ายคนมีเรื่องกันจึงหันไปมอง พบว่านายกิตติพันธ์ และนายชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บทั้งสอง ขี่จักรยานยนต์มาถามหาชายสองคน ทำนองว่าจะมาขอเคลียร์ที่ชายทั้งสองขี่จักรยานยนต์ตามไปหาที่บ้าน แต่คนเฝ้าร้านบอกว่าไม่อยู่ นายกิตติพันธ์จึงให้ไปตามมาเคลียร์กันให้รู้เรื่อง พอไม่นานก็พบว่าพากันขี่จักรยานยนต์กลับมาที่เกิดเหตุ แล้วเกิดการโต้เถียงและชกต่อยกัน ตนเองได้เข้าไปห้าม กระทั่งได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจึงต้องถอยออกมา เพราะกลัวจะโดนลูกหลง
ด้านนายกิตติพันธ์ หนึ่งในผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและนายชัยวัฒน์ กลับจากดื่มสุราที่บ้านเพื่อน พอมาถึงร้านค้าที่เกิดเหตุจึงจอดรถลงไปซื้อน้ำแข็ง เพื่อจะไปดื่มต่อที่บ้าน ตนขอซื้อน้ำแข็งหลอด แต่กลับถูกกลุ่มที่ตั้งวงสุราหน้าร้านพูดจาคล้ายยั่วโมโห ทำนองว่าจะซื้อเท่าไหร่ 10- 20- 30 บาท จึงพูดกลับไปว่า พี่กินกันสองคนจะซื้อเท่าไหร่ดี งั้นของซื้อ 10 บาทก็แล้วกัน พอได้น้ำแข็ง ตนก็กลับเข้าไปบ้าน ไม่นานก็พบว่ามีชายสองคนขี่จักรยานยนต์ตามมาจอดดูที่หน้าบ้าน ทำนองจะไปหาเรื่อง ก่อนจะขี่รถออกไป ตนเองจำได้ว่าสองคนนี้เพิ่งปะทะอารมณ์กันที่หน้าร้านขายของชำเรื่องซื้อน้ำแข็งหลอด จึงชวนนายชัยวัฒน์ ขี่จักรยานยนต์มาสอบว่าตามไปที่บ้านทำไม แต่พอออกมาไม่เจอ จึงให้คนเฝ้าร้านไปตามกลับมา พอมาถึงก็เกิดชกต่อยกัน ตนเองถูกฝ่ายตรงข้ามใช้ด้ามปืนตบศีรษะจนล้มลง ทำให้นายชัยวัฒน์ซึ่งพกปืนมาด้วย แต่ถูกคู่กรณีใช้อาวุธปืนยิงใส่ 2 นัดถูกเบ้าตาล้มลง แต่นายชัยวัฒน์ กัดฟันยิงใช้ผู้ก่อเหตุไปหนึ่งนัดที่กำลังจะซ้อนท้ายจักรยานยนต์หลบหนี ก่อนจนหมดสติไป
ทั้งนี้ พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผู้กำกับการ สภ.บางพลี เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมาจากเรื่องการขอซื้อน้ำแข็งจนเกิดการพูดจายั่วอารมณ์กัน ก่อนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุจะขับจักรยานยนต์ไปวนหน้าบ้านของนายชัยวัฒน์ ทำให้นายชัยวัฒน์และนายกิตติพันธ์ ตามออกมาเพื่อหวังเคลียร์สอบถามสาเหตุที่ขับรถตามไปวนหน้าบ้าน แต่เกิดคุยกันไม่ลงตัวก่อนจะบานปลายแล้วรุมทำร้ายร่างกายกัน จนเอาปืนที่ต่างฝ่ายต่างเตรียมกันมาเปิดฉากยิงใส่กันจนมีผู้บาดเจ็บดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ต้องรอการสอบสวนผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลบางพลีอีกครั้ง ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หรือไม่ ซึ่งขณะนี้พอจะทราบตัวฝ่ายผู้ก่อเหตุที่หลบหนีแล้ว อยู่ระหว่างให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามตัวมาสอบปากคำและดำเนินคดีต่อไป