เพิกถอนหมายจับ "พระคนกลาง" จากปมอดีตพระกาโตะ จ่อลากไส้ขบวนการรีดเอาทรัพย์
นครศรีธรรมราช - หมายจับ "พระคนกลาง" หรือ พระดอน จบถูกเพิกถอนแล้วหลังชำระหนี้เคลียร์เช็กเด้ง มีสะเทือนอีก ปปป.สอบเชิงลึกไม่ใช่แค่เงินวัด จ่อสาวไส้เข้าข่ายขบวนการรีดเอาทรัพย์
แรงสะเทือนจากการตรวจสอบนายพงศกร จันทร์แก้ว หรืออดีต "พระกาโตะ" กับ "สีกาตอง" จนนำไปสู่การสึกออกจากความเป็นพระแม้ว่าวินัยสงฆ์จะระบุถึงการปาราชิกขาดจากความเป็นสงฆ์นับตั้งแต่การเสพเมถุนแล้วก็ตาม จนนำไปสู่การตรวจสอบขบวนการที่เกี่ยวข้อง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- บก.ปปป.สอบเงิน "วัดเพ็ญญาติ" คลี่ปมตั้ง "อดีตพระกาโตะ" รักษาการเจ้าอาวาส
- อดีต "พระกาโตะ" งานเข้าแม้คืนเงิน 6 แสน ตร.บอกยังจบไม่ได้ เตรียมเรียก สีกาตอง
หลังจากที่อดีต "พระกาโตะ" ได้เปิดเผยผ่านรายการโทรทัศน์ระบุว่า ได้จ่ายเงินให้กับนักข่าวเพื่อปกปิดข่าว 3 แสนบาทผ่าน "พระคนกลาง" ซึ่งต่อมาผู้สื่อข่าวในพื้นที่ได้สืบค้นความจริงจนได้ข้อมูลยอมรับว่าเงินสดอยู่ที่ พระคนกลาง มีการไปเจรจาเคลียร์เรื่องนี้จริงแต่ไม่สำเร็จและยังไม่มีการจ่ายเงินออกไปแต่อย่างใด
ความคืบหน้าล่าสุด (7 พฤษภาคม 2565) มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงว่าหมายจับ "พระคนกลาง" หรือที่รู้จักในชื่อ พระดอน หรือพระสุวิจักษณ์ ชุ่มโชติ โดยมีสมณศักดิ์ที่พระครูวินัยธรสุวิจักขณ์ ปญญังวโร ตามหมายจับศาลแขวงนครศรีธรรมราชจำนวน 2 หมายในข้อหา ออกเช็กชำระหนี้ที่มีอยู่จริง และบังคับได้ตามกฎหมายอันพึงจะใช้เงินได้และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็กนั้นหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "คดีเช็กเด้ง" แต่เป็นคดีที่ไกล่เกลี่ยยอมความกันได้ทั้ง 2 คดีนี้มีการยืนยันจากผู้เสียหายว่ามีการเพิกเฉยและมีเจตนาที่จะไม่ชำระเงิน และมีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่าหมายจับออกมาตั้งแต่ปี 2561 ไม่มีการจับกุมใดๆ จนใกล้ที่จะหมดอายุความอย่างน่ากังขา สำหรับหมายจับทั้ง 2 ใบนั้น 1 ใบมีมูลหนี้ 2 แสนและอีก 1 ใบ 4 หมื่นบาทหลังจากที่ถูกสื่อนำหมายจับออกมาเปิดเผยและตั้งข้อสังเกตเช่นเดียวกันจนทำให้ พระดอน หลบหนีหายออกไปจากวัด
ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้พยายามติดตามจับกุมในที่สุดวานนี้ (6 พ.ค.2565) ได้มีการส่งคนไปเจรจากับเจ้าหน้าผู้เสียหายยินยอมชำระหนี้ทั้ง 2 ราย ทำให้ไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีอีกต่อไป พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช จึงไปเสนอศาลขอเพิกถอนหมายจับกุม ทำให้ พระดอน ไม่อยู่ในสถานะผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ
ขณะที่พระสงฆ์และผู้เสียหายที่ได้มีส่วนในการเปิดเผยเบื้องหลังบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับ พระดอน ได้เรียกร้องให้คณะสงฆ์ทำการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยสงฆ์ หรือที่เรียกว่า การระงับอธิกรณ์ การเอาทรัพย์ของผู้อื่นโดยที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์และเจ้าของทรัพย์ไม่ยินยอมเกินกว่า 5 มาสกตามพระวินัย
หรือการแสดงเจตนาที่จะปกปิดเคลียร์ความผิดผู้อื่นรวมทั้งเจตนาเสนอทรัพย์สินให้ผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิด ในลักษณะทำนองเดียวกันที่เกิดขึ้นนี้เข้าข่ายปาราชิกแล้วหรือไม่ คณะสงฆ์ผู้ปกครองหรือมหาเถรสมาคมควรตื่นตัวควรแสดงความผิดชอบออกมาบ้างไม่ใช่มีความเกรงใจเพราะพระรูปนี้เกี่ยวข้องกับพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคมและเกี่ยวข้องกับข้าราชการระดับสูงจำนวนมาก หากเป็นคนธรรมดาไม่พ้นถูกจับกุมตั้งแต่หมายจับออกได้วันแรกแล้ว
นอกจากนั้นวานนี้ กรณีการเข้าสอบสวนเส้นทางการเงินของ วัดเพ็ญญาติ เส้นทางการเงินของอดีต พระกาโตะ ที่จ่ายเงินให้กับบุคคลต่างๆกำลังถูกสอบสวนอย่างละเอียดจาก กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนวานนี้ พ.ต.ท.สมเกียรติ พิมพกันต์ รองผู้กำกับการสอบสวน กองกำกับการ 5 ปปป. ได้นำคณะพนักงานสอบสวนสอบข้อมูลหลักฐานในเรื่องนี้จากผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
รวมทั้งรวบรวมพยานเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการเงิน แต่ในเชิงลึกแล้วการจะเอาผิดกับอดีต พระกาโตะ ที่นำเงินวัดออกมาใช้จ่ายหรือไม่นั้นอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ เนื่องจากพยานหลักฐานกำลังนำไปสู่พฤติการณ์ตามความผิดอาญาในข้อหา "รีดเอาทรัพย์ผู้อื่น" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 338 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปีและพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอาจมีการกระทำเป็นขบวนการ