เรทเอ๊กซ์การสอบปากคำ คดี"ล่วงละเมิดทางเพศ"

เรทเอ๊กซ์การสอบปากคำ คดี"ล่วงละเมิดทางเพศ"

กว่าจะไปแจ้งความว่าโดนกระทำชำเราก็ยากแล้ว ยิ่งมาเจอการสอบปากคำคดี"ล่วงละเมิดทางเพศ" ยิ่งยากกว่า เพราะผู้หญิงจะต้องเจอคำถามเหล่านี้....

อดไม่ได้ที่จะเขียนถึงนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ถูกกล่าวต้องหาว่ากระทำอนาจาร ล่วงละเมิดทางเพศเหยื่อหญิงสาวนับสิบ 

ซึ่งเมื่ออ่านข้อกล่าวหาของเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศให้ปากคำ บางคนรอดจากการถูกข่มขืนอย่างหวุดหวิด บางคนแค่ถูกลวนลวม และบางคนไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือ 

ล่าสุดนายปริญญ์ได้รับการประกันตัวในชั้นศาล โดยมีผู้เสียหายทั้งหมด 15 ราย 12 คดี

กรณีดังกล่าว คนในสังคมรู้ดีว่า ไม่ได้เพิ่งเกิดในปีพ.ศ. 2565 แต่พฤติกรรมแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งหลายคราว 

เหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ส่วนใหญ่ไม่กล้าแจ้งความ เพราะไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และกระบวนการสอบสวนของตำรวจไทยที่สร้างทั้งความอึดอัด และความกดดัน

และน่าคิดว่า บทลงโทษคดีข่มขืนกระทำชำเราในประเทศไทย มันน้อยเกินไปหรือเปล่า...

ตามประมวลกฎหมายอาญากำหนดบทลงโทษ ผู้ใดข่มขืนกระทําชําเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ต้องระวางโทษจำคุก 4-20 ปี และปรับ 80,000-200,000 บาท

ขณะที่ อัฟกานิสถาน บทลงโทษคดีข่มขืน ผู้ต้องหาจะถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเข้าที่สมองภายใน 4 วัน หลังจากถูกจับได้ หรือจับแขวนคอในที่สาธารณะ

ส่วนซาอุดีอาระเบีย กฎหมายและข้อบังคับต่างๆ ยึดตามหลักศาสนา ทั้งการลงโทษสำหรับคดีข่มขืน คือปาหินใส่ผู้ต้องหาจนตาย แต่ขั้นตอนก่อนถูกลงโทษ จะให้ยาระงับประสาทแก่ผู้ต้องหา เพื่อทำให้อยู่ในอาการสงบก่อนจะได้รับโทษ

เกาหลีเหนือ ใช้วิธีการประหารชีวิตด้วยการยิงเข้าที่หัวใจ

ประเทศที่มองว่า การล่วงละเมิดทางเพศผู้อื่น เป็นภัยร้ายแรงในสังคม การลงโทษจึงต้องหนัก ไม่ให้ใครเอาเยี่ยงอย่าง

แต่ในประเทศเรา มักมีทั้งปัญหาซ่อนเร้น หมกเม็ด และเอื้อให้ผู้มีอำนาจอยู่เนื่องๆ

และกว่าที่ผู้กระทำความผิดจะได้รับโทษ ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อก็บอบช้ำ เกินกว่าจะเยียวยา

แค่คำถามด่านแรกในการให้ปากคำพนักงานสอบสวน ก็ปวดใจแล้ว...

"ใครเป็นคนถอดเสื้อผ้า, มีการสวมถุงยางอนามัยหรือเปล่า, สอดใส่เข้าไปไหม, ใช้ปากไหม ,บังคับให้ทำอะไรบ้าง ,มีอาวุธหรือเปล่า ท่าทางขณะร่วมเพศกี่นาทีถึงสำเร็จความใคร่,หลั่งน้ำอสุจิที่ไหน  ฯลฯ

ถ้ามีการหลั่งน้ำอสุจิในช่องคลอด พนักงานสอบสวนก็จะแจ้งให้หมอนิติเวช ตรวจซับน้ำในช่องคลอด เพื่อตรวจยืนยัน DNA เปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัย เนื่องจากอสุจิจะอยู่ในช่องคลอดมีอายุ 5 วัน การตรวจ DNA ยืนยันตัวบุคคลได้อย่างแม่นยำ 98%

แม้กระทั่งท่าทางขณะร่วมเพศ ก็สามารถประกอบการพิจารณาได้ว่า คู่กรณีสมยอมหรือบังคับข่มขืน 

กรณีที่ผู้ถูกข่มขืนไปพบหมอ เพื่อตรวจร่างกายและตรวจเลือด แพทย์ก็จะให้ยาคุมฉุกเฉิน ยาต้านโรคทางเพศสัมพันธ์ และเอชไอวีด้วย

เหล่านี้คือ เรื่องคร่าวๆ ที่เหยื่อส่วนใหญ่ไม่อาจทำใจได้ เมื่อเจอชุดคำถามที่ไม่อยากตอบ จึงไม่อยากเข้าแจ้งความ แต่ทั้งหมดทั้งปวงปัญหาอยู่ที่โครงสร้างกระบวนการยุติธรรมที่รอวันแก้ไข

.............

อ้างอิง : ข้อมูลบางส่วนจากเพจพนักงานสอบสวนหญิง